‘เอนก’ ปฎิเสธ มหาชนร่างทรง ปชป. ระบุ ‘ทักษิณ’ กลัวมหาชน เพราะเชื่อว่า ทรท.จะได้ไม่ถึง 250 เสียง เผยเหตุที่ทำให้เสื่อมเพราะใช้อำนาจเผด็จการ ขณะที่ ปชป.เตรียมจัดงาน ‘ประชาธิปัตย์โหมโรง’ หลัง ‘คิกออฟ แคมเปญ’ ของ ทรท.1 วัน
นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าพรรคมหาชนเป็นร่างทรงพรรคประชาธิปัตย์ว่า ปรัชญาของพรรคมหาชนตั้งขึ้นมา เป็นทางเลือกให้กับประชาชน โดยมีอิสระเป็นตัวของตัวเอง ช่วงที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ก็ถูกโจมตีว่าเป็นเครือข่ายของพรรคไทยรักไทย พอประกาศโค่นพรรคไทยรักไทย ก็บอกว่าเป็นร่างทรงพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า พรรคมหาชนไม่ได้เป็นร่างทรงของใคร
“การออกมาแสดงความคิดเห็นของนายกฯ สะท้อนให้เห็นว่านายกฯกลัวพรรคมหาชนและเชื่อว่าพรรคไทยรักไทยจะได้ไม่ถึง 250 เสียงตามที่แกนนำพรรค หลานคนได้ประเมินไว้ อยากบอกนายกฯว่าไม่ต้องกลัวพรรคมหาชนถึงขนาดนั้น เพราะขณะนี้ประชาชนเริ่มไม่พอใจการดำเนินนโยบายของพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะ นายกฯ ที่ตัดสินใจผิดซ้ำซาก ใช้อำนาจเด็ดขาดเป็นเผด็จการ ซึ่งเห็นได้จากการปรับ ครม.ครั้งล่าสุดแบบไม่ฟังเสียงใคร ตรงนี้ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และจะทำให้กระแสความนิยมของรัฐบาลลดลงเรื่อยๆ”
ด้าน นายอภิชาติ ทองอยู่ โฆษกพรรคมหาชน กล่าวว่า การออกมากล่าวหา พรรคมหาชนของนายกฯ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกลัวจนเกินเหตุ และทำใจไม่ได้ กลัวคนจะมาแย่งอำนาจ ซึ่งเป็นแนวคิดของเผด็จการ ที่ลุ่มหลงใช้อำนาจจนเคยตัว จนทำลายทั้งระบบการเมืองเศรษฐกิจและสังคม ทำให้สังคมเห็นมูลค่ามากกว่าคุณค่า ดังนั้นพรรคมหาชนจึงอาสาเข้ามาแก้ปัญหาที่รัฐบาลนี้ทำไว้ โดยเป็นอิสระของตัวเองปราศจากการครอบงำจากพรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายกฯระบุว่า พรรคมหาชนคือพรรคประชาธิปัตย์ที่แปลงร่างเพื่อเจาะพื้นที่ภาคอีสาน ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีสาขา ร่างทรง หรือมีตัวแทนเป็นพรรค การเมืองใด โดยหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าเราจะไม่ยุบรวมพรรคหรือฮั้วกับใครทั้งสิ้น เหมือนที่พรรคไทยรักไทยเคยควบรวมพรรคเสรีธรรมและความหวังใหม่
นอกจากนี้ในภาคอีสาน ประชาธิปัตย์ก็มีสาขาพรรคมานานก่อนที่นายกฯ จะแจ้งเกิดทางการเมืองด้วยซ้ำดังนั้นสิ่งที่นายกฯตำหนิคนอื่น ล้วนเป็นพฤติกรรม ที่นายกฯทำมาแล้วทั้งสิ้น และที่พูดเช่นนี้เพราะต้องการกลบเกลื่อนปัญหาภายในพรรค ที่แตกเป็นมุ้งเป็นกลุ่ม
ส่วนตัวเห็นด้วยกับที่นายกฯระบุว่าการเติบโตของพรรคไทยรักไทยเริ่มจาก เป็นพรรคเล็กไปสู่พรรคใหญ่ที่เป็นเช่นนี้เพราะนายกฯไปตัดแต่งพันธุกรรม พรรคการเมืองจนกลายเป็นพรรคใหญ่ได้แตกต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ที่มีหลักการเป็นพรรคการเมืองเดียวที่ไม่มีสาขา
นายสาทิตย์กล่าวว่ากระแสพรรคไทยรักไทยอยู่ในช่วงขาลงหรือไม่นั้น คงไม่มีใครรู้ดีเท่านายกฯ เพราะเป็นผู้กำโพลตลอดเวลา คนในพรรคไทยรักไทยเองโดยเฉพาะส.ส.กทม.ของพรรคก็ยังกลัวว่า หากสถานการณ์และท่าทีของนายกฯยังเป็นเช่นนี้ต่อไปการเลือกตั้งครั้งหน้ามีความเป็นไปได้ว่าจะได้ส.ส.ในกทม.ต่ำกว่า10 ที่นั่ง ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือประเมินผลสัมฤทธิ์ของนโยบายรัฐบาลมากกว่าจะสร้างภาพหรือคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นถูกต้องไปหมดทุกอย่าง
นายสาทิตย์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 18 ต.ค.นี้ พรรคประชาธิปัตย์จะจัดงานระดมทุนชื่อ “ประชาธิปัตย์ โหมโรง” ขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์ เป็นการส่งสัญญาณว่า นับจากนี้พรรคจะเริ่มต้น ทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างจริงจัง
สำหรับรูปแบบของงานจะมีการจำหน่ายโต๊ะจีน 250 โต๊ะโดยไม่กำหนดราคา ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้บริจาค หลังจากนั้นนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค จะกล่าวเปิดงานและขอบคุณผู้สนับสนุน ต่อด้วยการแสดงของศิลปินจากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) อาทิ นัท มีเรีย เศกพล อุ่นสำราญ (โก้ มิสเตอร์แซ็กส์แมน) เจนนิเฟอร์ คิ้ม ฯลฯ
ช่วงค่ำจะมีเสวนาหัวข้อ “ประเทศไทยของเรา” โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรค และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. พูดถึงปัญหาและการสร้างประเทศในวันข้างหน้า ทั้งนี้ได้รับการยืนยันจาก กกต.ว่า การจัดงานดังกล่าวไม่ขัดต่อกฎหมายการเลือกตั้ง
นายสาทิตย์ กล่าวว่า เหตุที่จัดในวันที่ 18 ต.ค. หลังจากที่พรรคไทยรักไทยจัดงานคิกออฟเพียง 1 วัน ไม่ได้มีนัยยะทางการเมือง ส่วนชื่องานที่ใช้คำว่า“โหมโรง” นั้น เพราะฟังดูแล้วเร้าใจ เหมือนทหารกล้ากำลังจะออกรบ อีกทั้งหน้าตาของพวกเรา ก็เป็นคนไทย แต่ใจไม่เป็นฝรั่ง จึงไม่ขอใช้ชื่อภาษาฝรั่งเหมือนของพรรคไทยรักไทยและเห็นว่างานคิกออฟของพรรคไทยรักไทย คงไม่ตื่นเต้นเหมือนตอนที่เพิ่งตั้งพรรคใหม่ ๆ หากประชาชนยังไม่รู้สึกว่านโยบายของพรรคไทยรักไทยจะทำให้อิ่มท้องหรือกระเป๋าตังค์หนักขึ้น ต่อให้อีก 20 คิกออฟก็คงไม่มีความหมาย
นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าพรรคมหาชนเป็นร่างทรงพรรคประชาธิปัตย์ว่า ปรัชญาของพรรคมหาชนตั้งขึ้นมา เป็นทางเลือกให้กับประชาชน โดยมีอิสระเป็นตัวของตัวเอง ช่วงที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ก็ถูกโจมตีว่าเป็นเครือข่ายของพรรคไทยรักไทย พอประกาศโค่นพรรคไทยรักไทย ก็บอกว่าเป็นร่างทรงพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า พรรคมหาชนไม่ได้เป็นร่างทรงของใคร
“การออกมาแสดงความคิดเห็นของนายกฯ สะท้อนให้เห็นว่านายกฯกลัวพรรคมหาชนและเชื่อว่าพรรคไทยรักไทยจะได้ไม่ถึง 250 เสียงตามที่แกนนำพรรค หลานคนได้ประเมินไว้ อยากบอกนายกฯว่าไม่ต้องกลัวพรรคมหาชนถึงขนาดนั้น เพราะขณะนี้ประชาชนเริ่มไม่พอใจการดำเนินนโยบายของพรรคไทยรักไทย โดยเฉพาะ นายกฯ ที่ตัดสินใจผิดซ้ำซาก ใช้อำนาจเด็ดขาดเป็นเผด็จการ ซึ่งเห็นได้จากการปรับ ครม.ครั้งล่าสุดแบบไม่ฟังเสียงใคร ตรงนี้ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และจะทำให้กระแสความนิยมของรัฐบาลลดลงเรื่อยๆ”
ด้าน นายอภิชาติ ทองอยู่ โฆษกพรรคมหาชน กล่าวว่า การออกมากล่าวหา พรรคมหาชนของนายกฯ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกลัวจนเกินเหตุ และทำใจไม่ได้ กลัวคนจะมาแย่งอำนาจ ซึ่งเป็นแนวคิดของเผด็จการ ที่ลุ่มหลงใช้อำนาจจนเคยตัว จนทำลายทั้งระบบการเมืองเศรษฐกิจและสังคม ทำให้สังคมเห็นมูลค่ามากกว่าคุณค่า ดังนั้นพรรคมหาชนจึงอาสาเข้ามาแก้ปัญหาที่รัฐบาลนี้ทำไว้ โดยเป็นอิสระของตัวเองปราศจากการครอบงำจากพรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายกฯระบุว่า พรรคมหาชนคือพรรคประชาธิปัตย์ที่แปลงร่างเพื่อเจาะพื้นที่ภาคอีสาน ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีสาขา ร่างทรง หรือมีตัวแทนเป็นพรรค การเมืองใด โดยหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าเราจะไม่ยุบรวมพรรคหรือฮั้วกับใครทั้งสิ้น เหมือนที่พรรคไทยรักไทยเคยควบรวมพรรคเสรีธรรมและความหวังใหม่
นอกจากนี้ในภาคอีสาน ประชาธิปัตย์ก็มีสาขาพรรคมานานก่อนที่นายกฯ จะแจ้งเกิดทางการเมืองด้วยซ้ำดังนั้นสิ่งที่นายกฯตำหนิคนอื่น ล้วนเป็นพฤติกรรม ที่นายกฯทำมาแล้วทั้งสิ้น และที่พูดเช่นนี้เพราะต้องการกลบเกลื่อนปัญหาภายในพรรค ที่แตกเป็นมุ้งเป็นกลุ่ม
ส่วนตัวเห็นด้วยกับที่นายกฯระบุว่าการเติบโตของพรรคไทยรักไทยเริ่มจาก เป็นพรรคเล็กไปสู่พรรคใหญ่ที่เป็นเช่นนี้เพราะนายกฯไปตัดแต่งพันธุกรรม พรรคการเมืองจนกลายเป็นพรรคใหญ่ได้แตกต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ที่มีหลักการเป็นพรรคการเมืองเดียวที่ไม่มีสาขา
นายสาทิตย์กล่าวว่ากระแสพรรคไทยรักไทยอยู่ในช่วงขาลงหรือไม่นั้น คงไม่มีใครรู้ดีเท่านายกฯ เพราะเป็นผู้กำโพลตลอดเวลา คนในพรรคไทยรักไทยเองโดยเฉพาะส.ส.กทม.ของพรรคก็ยังกลัวว่า หากสถานการณ์และท่าทีของนายกฯยังเป็นเช่นนี้ต่อไปการเลือกตั้งครั้งหน้ามีความเป็นไปได้ว่าจะได้ส.ส.ในกทม.ต่ำกว่า10 ที่นั่ง ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือประเมินผลสัมฤทธิ์ของนโยบายรัฐบาลมากกว่าจะสร้างภาพหรือคิดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นถูกต้องไปหมดทุกอย่าง
นายสาทิตย์ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 18 ต.ค.นี้ พรรคประชาธิปัตย์จะจัดงานระดมทุนชื่อ “ประชาธิปัตย์ โหมโรง” ขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์ เป็นการส่งสัญญาณว่า นับจากนี้พรรคจะเริ่มต้น ทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างจริงจัง
สำหรับรูปแบบของงานจะมีการจำหน่ายโต๊ะจีน 250 โต๊ะโดยไม่กำหนดราคา ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้บริจาค หลังจากนั้นนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค จะกล่าวเปิดงานและขอบคุณผู้สนับสนุน ต่อด้วยการแสดงของศิลปินจากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) อาทิ นัท มีเรีย เศกพล อุ่นสำราญ (โก้ มิสเตอร์แซ็กส์แมน) เจนนิเฟอร์ คิ้ม ฯลฯ
ช่วงค่ำจะมีเสวนาหัวข้อ “ประเทศไทยของเรา” โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรค และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. พูดถึงปัญหาและการสร้างประเทศในวันข้างหน้า ทั้งนี้ได้รับการยืนยันจาก กกต.ว่า การจัดงานดังกล่าวไม่ขัดต่อกฎหมายการเลือกตั้ง
นายสาทิตย์ กล่าวว่า เหตุที่จัดในวันที่ 18 ต.ค. หลังจากที่พรรคไทยรักไทยจัดงานคิกออฟเพียง 1 วัน ไม่ได้มีนัยยะทางการเมือง ส่วนชื่องานที่ใช้คำว่า“โหมโรง” นั้น เพราะฟังดูแล้วเร้าใจ เหมือนทหารกล้ากำลังจะออกรบ อีกทั้งหน้าตาของพวกเรา ก็เป็นคนไทย แต่ใจไม่เป็นฝรั่ง จึงไม่ขอใช้ชื่อภาษาฝรั่งเหมือนของพรรคไทยรักไทยและเห็นว่างานคิกออฟของพรรคไทยรักไทย คงไม่ตื่นเต้นเหมือนตอนที่เพิ่งตั้งพรรคใหม่ ๆ หากประชาชนยังไม่รู้สึกว่านโยบายของพรรคไทยรักไทยจะทำให้อิ่มท้องหรือกระเป๋าตังค์หนักขึ้น ต่อให้อีก 20 คิกออฟก็คงไม่มีความหมาย