ตำรวจภาค 7 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ปปง.และ ป.ป.ส. กวาดล้าง เครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่ภาค 7 รวบคารัง “พ.ต.ท.” พร้อมพวก 7 คน ตั้งแก๊งค้ายาบ้า รวมทรัพย์ที่ยึดได้กว่า 20 ล้านบาท รอง ผบช.ภ.7 เผยพฤติกรรม นำเงินและทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปถ่ายโอนเป็นชื่อบุคคลอื่นทั้ง ทนายความและญาติ ขณะที่ ผบช.ปส.แถลงผลทลายแก๊งค์ค้ายาเสพติดข้ามชาติ กลางกรุง ยึดเฮโรอีนหนัก 20 กก.
วานนี้ (5 ต.ค.) เวลา 06.00 น. พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ผบช.ภ.7 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดจำนวน 120 นาย สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ ปปง., ป.ป.ส., เข้ากวาดล้างเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาค 7 โดยกระจายกำลังเข้าตรวจค้นในพื้นที่เป้าหมายและจับกุมตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพฯ ภายใต้คำสั่ง ตร.ที่ 577/2547 ลงวันที่ 8 กันยายน 2547
สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 7 คนประกอบด้วย พ.ต.ท.พินิจ ประสิทธิ์เขตกิจ อายุ 40 ปี ซี่งมีตำแหน่งเป็น สวส.(สบ.3) สภ.อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41 ตามหมายจับกุมของศาลอาญา เลขที่ 248/2547 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2547 โดยจับกุมได้ภายในบ้านพักของนางศิริภัทร์ หรือ หอมปรุง พิลารัตน์ หรือ จำปาเงิน ที่มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง โดยบ้านพักอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.กาญจนบุรี กับ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ,นางศิริภัทร หรือ หอมปรุง พิลารัตน์ หรือ จำปาเงิน อายุ 36 ปี ตามหมายจับกุมของศาลอาญา เลขที่ 247/2547 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2547,นางสำรอง ศรีโสภา อายุ 39 ปี ตามหมายจังกุมของศาลอาญา เลขที่ 253/2547 ลง วันที่ 4 ตุลาคม 2547, นายประทาน ไพเราะ อายุ 47 ปี ตามหายจับของศาลอาญา เลขที่ 251 /2547 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2547,นายอำนวย เกิดนุช อายุ 44 ปี ตามหมายจับกุมของศาลอาญา เลขที่ 250/2547 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2547 ,นางวาสนา ภักดีวงษ์ อายุ 33 ปี ตามหมายจับเลขที่ 252/2547 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2547 และนายอำนาจ ประสิทธิ์เขตกิจ อายุ 47 ปี
พร้อมยึดของกลางที่ได้จากการค้ายาเสพติดหลายรายการ มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท โดยได้แจ้งข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐานสมคบกันโดยตกลงตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิด เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันนั้นและร่วมกันฟอกเงิน
พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ผบช.ภ.7 กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายเร่งรัดในการกวดขันการปราบปรามยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายให้หมดไป หลังได้รับมอบนโยบายดังกล่าวจึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆ รวมทั้งมีการรวมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี, สุพรรณบุรี, นครปฐม, ราชบุรี และสมุทรสาคร เข้าบุกทลายแก๊งดังกล่าวให้เครือข่ายยาเสพติดหมดสิ้นไป
ด้าน พล.ต.ต.ฉลอง สนใจ รอง ผบช.ภ.7 กล่าวว่า การเข้าจับกุมดังกล่าว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดาราพงศ์ รอง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ทำการขยายผลโดยการตรวจค้นบ้าน 25 เป้าหมายทั้งเขต จ.กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครสวรรค์ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพฯโดยจะทำการขยายผลต่อไป
สำหรับการเข้าจับกุมครั้งนี้เหตุเกิดช่วงปลายปี 2540 ถึง 2 ตุลาคม 2456 ที่ จ.กาญจนบุรีและสุพรรณบุรี ต่อเนื่องกัน โดยมีพฤติกรรมเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2547 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมเครือข่ายของนางหอมปรุง ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของ พ.ต.ท.พินิจ กับพวกพร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า)34,000 เม็ดที่ สภ.อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
จากการสอบสวนผู้ต้องหาเครือข่ายของนางหอมปรุง ให้การรับสารภาพว่า ได้รับยาบ้ามาจากนางหอมปรุง และ พ.ต.ท.พินิจ และยังได้ให้การเพิ่มเติมว่า ทั้งคู่มีพฤติกรรมนำเงินและทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปถ่ายโอนเป็นชื่อบุคคลอื่น เช่น นายอำนาจ ประสิทธิ์เขตกิจ, นายประทาน ไพเราะห์ อาชีพทนายความ ทั้งยังมีผู้ช่วยเหลือในการกระทำดังกล่าว พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้ขออนุมัติหมายเห็นชอบจาก ป.ป.ส.เพื่อออกหมายจับกุมในคดีสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
วันเดียวกัน เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผบช.ปส.แถลงข่าวการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ ได้ผู้ต้องหาเป็นชาวไต้หวัน 3 คน คือ นายเกา จื้อ ผิง อายุ 47 ปี นายเจียง จิน หวง อายุ 42 ปี และนายเฉิน จิน หง อายุ 35 ปี พร้อมของกลางเฮโรอีน จำนวน 50 แท่ง น้ำหนักรวม 20 ก.ก.มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจ ปส.ได้จับกุมนายเจี้ยนหวา แซ่หัว และนาย เจี้ยนอี้ ชาวไต้หวัน พร้อมเฮโรอีน 10 แท่ง ขณะเตรียมลำเลียงออกจากห้องพักที่ ศรีวรา คอนโดมีเนียม จากนั้นได้ขยายผล จนทราบว่า ยังมีผู้ต้องหาอีกหลายคนร่วมขบวนการอยู่ด้วย โดยอาศัยประเทศไทยเป็นที่รับของ แล้วส่งไปพักที่ประเทศไต้หวัน ก่อนจะนำไปขายต่อที่ทวีปยุโรป เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน อยู่ในขบวนการเดียวกัน และเตรียมจะขนเฮโรอีนออกนอกประเทศ จึงได้วางแผนเข้าจับกุม ที่สนามบินดอนเมือง ขณะกำลังนำกระเป๋าเดินทางเตรียมเช็คอิน เพื่อกลับไต้หวัน
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวอีกว่า ของกลางทั้งหมดเป็นยี่ห้อ 999 ซึ่งผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน แล้วนำเข้ามาทาง จ.เชียงราย โดยราคาในประเทศไทย แท่งละ 200,000 บาท ถ้านำไปขายที่ประเทศไต้หวันจะมีราคาถึง แท่งละ 600,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครองครอบเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และพยายามนำออกนอกราชอาณาจักร มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
วานนี้ (5 ต.ค.) เวลา 06.00 น. พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ผบช.ภ.7 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดจำนวน 120 นาย สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ ปปง., ป.ป.ส., เข้ากวาดล้างเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาค 7 โดยกระจายกำลังเข้าตรวจค้นในพื้นที่เป้าหมายและจับกุมตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพฯ ภายใต้คำสั่ง ตร.ที่ 577/2547 ลงวันที่ 8 กันยายน 2547
สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 7 คนประกอบด้วย พ.ต.ท.พินิจ ประสิทธิ์เขตกิจ อายุ 40 ปี ซี่งมีตำแหน่งเป็น สวส.(สบ.3) สภ.อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41 ตามหมายจับกุมของศาลอาญา เลขที่ 248/2547 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2547 โดยจับกุมได้ภายในบ้านพักของนางศิริภัทร์ หรือ หอมปรุง พิลารัตน์ หรือ จำปาเงิน ที่มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง โดยบ้านพักอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.กาญจนบุรี กับ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ,นางศิริภัทร หรือ หอมปรุง พิลารัตน์ หรือ จำปาเงิน อายุ 36 ปี ตามหมายจับกุมของศาลอาญา เลขที่ 247/2547 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2547,นางสำรอง ศรีโสภา อายุ 39 ปี ตามหมายจังกุมของศาลอาญา เลขที่ 253/2547 ลง วันที่ 4 ตุลาคม 2547, นายประทาน ไพเราะ อายุ 47 ปี ตามหายจับของศาลอาญา เลขที่ 251 /2547 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2547,นายอำนวย เกิดนุช อายุ 44 ปี ตามหมายจับกุมของศาลอาญา เลขที่ 250/2547 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2547 ,นางวาสนา ภักดีวงษ์ อายุ 33 ปี ตามหมายจับเลขที่ 252/2547 ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2547 และนายอำนาจ ประสิทธิ์เขตกิจ อายุ 47 ปี
พร้อมยึดของกลางที่ได้จากการค้ายาเสพติดหลายรายการ มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท โดยได้แจ้งข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐานสมคบกันโดยตกลงตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และได้มีการกระทำความผิด เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันนั้นและร่วมกันฟอกเงิน
พล.ต.ท.ชัยยันต์ มะกล่ำทอง ผบช.ภ.7 กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นไปตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายเร่งรัดในการกวดขันการปราบปรามยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายให้หมดไป หลังได้รับมอบนโยบายดังกล่าวจึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆ รวมทั้งมีการรวมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี, สุพรรณบุรี, นครปฐม, ราชบุรี และสมุทรสาคร เข้าบุกทลายแก๊งดังกล่าวให้เครือข่ายยาเสพติดหมดสิ้นไป
ด้าน พล.ต.ต.ฉลอง สนใจ รอง ผบช.ภ.7 กล่าวว่า การเข้าจับกุมดังกล่าว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดาราพงศ์ รอง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ทำการขยายผลโดยการตรวจค้นบ้าน 25 เป้าหมายทั้งเขต จ.กาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครสวรรค์ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพฯโดยจะทำการขยายผลต่อไป
สำหรับการเข้าจับกุมครั้งนี้เหตุเกิดช่วงปลายปี 2540 ถึง 2 ตุลาคม 2456 ที่ จ.กาญจนบุรีและสุพรรณบุรี ต่อเนื่องกัน โดยมีพฤติกรรมเมื่อปลายเดือนตุลาคม 2547 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมเครือข่ายของนางหอมปรุง ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของ พ.ต.ท.พินิจ กับพวกพร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า)34,000 เม็ดที่ สภ.อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
จากการสอบสวนผู้ต้องหาเครือข่ายของนางหอมปรุง ให้การรับสารภาพว่า ได้รับยาบ้ามาจากนางหอมปรุง และ พ.ต.ท.พินิจ และยังได้ให้การเพิ่มเติมว่า ทั้งคู่มีพฤติกรรมนำเงินและทรัพย์สินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปถ่ายโอนเป็นชื่อบุคคลอื่น เช่น นายอำนาจ ประสิทธิ์เขตกิจ, นายประทาน ไพเราะห์ อาชีพทนายความ ทั้งยังมีผู้ช่วยเหลือในการกระทำดังกล่าว พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้ขออนุมัติหมายเห็นชอบจาก ป.ป.ส.เพื่อออกหมายจับกุมในคดีสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
วันเดียวกัน เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผบช.ปส.แถลงข่าวการจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ ได้ผู้ต้องหาเป็นชาวไต้หวัน 3 คน คือ นายเกา จื้อ ผิง อายุ 47 ปี นายเจียง จิน หวง อายุ 42 ปี และนายเฉิน จิน หง อายุ 35 ปี พร้อมของกลางเฮโรอีน จำนวน 50 แท่ง น้ำหนักรวม 20 ก.ก.มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจ ปส.ได้จับกุมนายเจี้ยนหวา แซ่หัว และนาย เจี้ยนอี้ ชาวไต้หวัน พร้อมเฮโรอีน 10 แท่ง ขณะเตรียมลำเลียงออกจากห้องพักที่ ศรีวรา คอนโดมีเนียม จากนั้นได้ขยายผล จนทราบว่า ยังมีผู้ต้องหาอีกหลายคนร่วมขบวนการอยู่ด้วย โดยอาศัยประเทศไทยเป็นที่รับของ แล้วส่งไปพักที่ประเทศไต้หวัน ก่อนจะนำไปขายต่อที่ทวีปยุโรป เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน อยู่ในขบวนการเดียวกัน และเตรียมจะขนเฮโรอีนออกนอกประเทศ จึงได้วางแผนเข้าจับกุม ที่สนามบินดอนเมือง ขณะกำลังนำกระเป๋าเดินทางเตรียมเช็คอิน เพื่อกลับไต้หวัน
พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวอีกว่า ของกลางทั้งหมดเป็นยี่ห้อ 999 ซึ่งผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน แล้วนำเข้ามาทาง จ.เชียงราย โดยราคาในประเทศไทย แท่งละ 200,000 บาท ถ้านำไปขายที่ประเทศไต้หวันจะมีราคาถึง แท่งละ 600,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (เฮโรอีน) ไว้ในครองครอบเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และพยายามนำออกนอกราชอาณาจักร มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต