เอแอนด์ดับบลิวประกาศรุกตลาดในไทยอีกครั้ง หลังชะงักไปนาน 3 ปี เร่งปัดฝุ่นร้านเก่าสู่ภาพลักษณ์ใหม่ พร้อมเปลี่ยนสโลแกนเป็น More Than The Usual ล่าสุด เปิดโต๊ะเจรจากับบริษัทแม่ขอเปิดรูปแบบคีออสดันยอด ระบุ สุดอั้นต้นทุนพุ่งปรับราคาขึ้น 3% ชิมลางสาขาแฟชั่น ไอซ์แลนด์แห่งแรก
นายอิซาม ยูซอฟ ประธานกรรมการ บริษัท เคยูบี มาเลเซีย เบอร์ฮาล จำกัด (มหาชน) ผู้ได้รับสิทธิบริหารร้านเอแอนด์ดับบลิวในไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย เปิดเผยว่า หลังจากที่เอแอนด์ดับบลิวหยุดทำตลาดมาในไทยนาน 3 ปีเนื่องจากมีปัญหาภายในองค์กร แต่ในขณะนี้เอแอนด์ดับบลิวมีความพร้อมแล้วในการกลับมาสร้างแบรนด์อีกครั้งและมีนโยบายที่ชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นเอแอนด์ดับบลิวจึงทุ่มงบลงทุนกว่า 22 ล้านบาทในการปรับโฉมหรือรีโนเวตร้านใหม่ รวมถึงการเปิดสาขาเพิ่มขึ้น ประกอบกับเอแอนด์ดับบลิวมีการปรับแทรคไลน์หรือสโลแกนใต้โลโก้ใหม่จากเดิม All American Food มาเป็น More Than The Usual เพื่อความทันสมัยทั้งรูปลักษณ์ของร้านและเมนู
ล่าสุด ทุ่มงบประมาณกว่า 5 ล้านบาทปรับโฉมร้านเอแอนด์ดับบลิว สาขาแฟชั่น ไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นร้านต้นแบบแห่งแรกให้ดูทันสมัยและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ โดยในสาขานี้จะเป็นแห่งแรกที่มีการปรับราคาอาหารขึ้น 3% จากการที่ต้นทุนบางอย่างเพิ่มขึ้นและการที่ร้านปรับดีไซน์ใหม่ จากนั้นเอแอนด์ดับบลิวจะเริ่มทยอยปรับร้านอื่นๆทั้งในห้างสรรพสินค้า ได้แก่ สยาม, พันธ์ทิพย์และสีลม
รวมทั้งร้านที่ปั๊มน้ำมันจำนวน 24 สาขาคาดว่าภายในปีหน้าจะเสร็จสมบูรณ์ทุกสาขา นอกจากนี้เอแอนด์ดับบลิวเตรียมเปิดสาขาเพิ่มภายในปีนี้อีก 3 แห่ง คือ ที่เดอะมอลล์ รามคำแหง ปั๊มน้ำมันเจ็ท วิภาวดี และปั๊มน้ำมันที่บรรทัดทอง
ส่วนในปีหน้าบริษัทฯมีแผนขยายสาขาเปิดในชอปปิ้งมอลล์ 4 แห่ง และในปั๊มน้ำมันอีก 2 แห่ง นอกจากนี้ยังมีโครงการที่จะเปิดร้านในลักษณะคีออสหรือเอแอนด์ดับบลิวเอกซ์เพรส 2 แห่ง ซึ่งขณะนี้กำลังเสนอไปยังบริษัทยัมฯให้พิจาราณาเรื่องดังกล่าวหากผ่านคาดว่าปีหน้าคงได้เห็นร้านในลักษณะคีออส โดยใช้งบลงทุนประมาณคีออสละ 1 ล้านบาท ในขนาดพื้นที่ 5 ตร.ม. โดยคาดว่าภายใน 5 ปีเอแอนด์ดับบลิวจะมีสาขาทั้งหมดในไทย 50 สาขาทั้งในห้างและปั๊มน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนของปั๊มน้ำมันมีมากถึง 80% และห้าง 20%
คาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเปลี่ยนเป็น 50:50 ภายในระยะเวลา 3-5ปี
สำหรับเมนูที่ถือเป็นตัวชูโรงของร้านเอแอนด์ดับบลิวคือ วาฟเฟิลและรูทเบียร์ มีสัดส่วนรวมกันประมาณ 20% ของยอดขายทั้งหมด รองลงมาเป็นอาหารประเภทข้าวและไก่ทอด โดยกลุ่มเป้าหมายของร้านเอแอนด์ดับบลิวจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น 18-24 ปี และในปีหน้าเตรียมเจาะกลุ่มครอบครัวมากขึ้นด้วยการเพิ่มเมนูใหม่ที่เป็นเซ็ทที่สามารถทานได้ 3-4 คน
ยอดขายของเอแอนด์ดับบลิวในไทยปีนี้คาดว่าจะมียอด 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 21.5% หรือประมาณ 95.5 ล้านบาท ในขณะที่งบทางด้านตลาดคิดเป็น 5% ของยอดรายได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ บริษัท เคยูบี มาเลเซีย (Ko - operation Usaha Bersatu) เล็งเห็นว่าตลาดอาหารฟาร์ตฟูดในไทยและมาเลเซียมีโอกาสเติบโต ดังนั้น จึงได้ซื้อลิขสิทธิมาบริหารและดูแลเอง โดยมองว่าตลาดในไทยแม้จะมีคู่แข่งมาก
อาทิ เคเอฟซี,พิซซ่า ฮัท และแบรนด์โลเคิล อย่างเอ็มเค เป็นต้น แต่ธุรกิจก็ยังมีโอกาสเติบโตได้มาก ในขณะที่บริษัท ยัม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จะดูแลในเรื่องการตลาด,การปฏิบัติการ และการอบรมสัมมนา เป็นต้น ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก
นายอิซาม ยูซอฟ ประธานกรรมการ บริษัท เคยูบี มาเลเซีย เบอร์ฮาล จำกัด (มหาชน) ผู้ได้รับสิทธิบริหารร้านเอแอนด์ดับบลิวในไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย เปิดเผยว่า หลังจากที่เอแอนด์ดับบลิวหยุดทำตลาดมาในไทยนาน 3 ปีเนื่องจากมีปัญหาภายในองค์กร แต่ในขณะนี้เอแอนด์ดับบลิวมีความพร้อมแล้วในการกลับมาสร้างแบรนด์อีกครั้งและมีนโยบายที่ชัดเจนมากขึ้น ดังนั้นเอแอนด์ดับบลิวจึงทุ่มงบลงทุนกว่า 22 ล้านบาทในการปรับโฉมหรือรีโนเวตร้านใหม่ รวมถึงการเปิดสาขาเพิ่มขึ้น ประกอบกับเอแอนด์ดับบลิวมีการปรับแทรคไลน์หรือสโลแกนใต้โลโก้ใหม่จากเดิม All American Food มาเป็น More Than The Usual เพื่อความทันสมัยทั้งรูปลักษณ์ของร้านและเมนู
ล่าสุด ทุ่มงบประมาณกว่า 5 ล้านบาทปรับโฉมร้านเอแอนด์ดับบลิว สาขาแฟชั่น ไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นร้านต้นแบบแห่งแรกให้ดูทันสมัยและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ โดยในสาขานี้จะเป็นแห่งแรกที่มีการปรับราคาอาหารขึ้น 3% จากการที่ต้นทุนบางอย่างเพิ่มขึ้นและการที่ร้านปรับดีไซน์ใหม่ จากนั้นเอแอนด์ดับบลิวจะเริ่มทยอยปรับร้านอื่นๆทั้งในห้างสรรพสินค้า ได้แก่ สยาม, พันธ์ทิพย์และสีลม
รวมทั้งร้านที่ปั๊มน้ำมันจำนวน 24 สาขาคาดว่าภายในปีหน้าจะเสร็จสมบูรณ์ทุกสาขา นอกจากนี้เอแอนด์ดับบลิวเตรียมเปิดสาขาเพิ่มภายในปีนี้อีก 3 แห่ง คือ ที่เดอะมอลล์ รามคำแหง ปั๊มน้ำมันเจ็ท วิภาวดี และปั๊มน้ำมันที่บรรทัดทอง
ส่วนในปีหน้าบริษัทฯมีแผนขยายสาขาเปิดในชอปปิ้งมอลล์ 4 แห่ง และในปั๊มน้ำมันอีก 2 แห่ง นอกจากนี้ยังมีโครงการที่จะเปิดร้านในลักษณะคีออสหรือเอแอนด์ดับบลิวเอกซ์เพรส 2 แห่ง ซึ่งขณะนี้กำลังเสนอไปยังบริษัทยัมฯให้พิจาราณาเรื่องดังกล่าวหากผ่านคาดว่าปีหน้าคงได้เห็นร้านในลักษณะคีออส โดยใช้งบลงทุนประมาณคีออสละ 1 ล้านบาท ในขนาดพื้นที่ 5 ตร.ม. โดยคาดว่าภายใน 5 ปีเอแอนด์ดับบลิวจะมีสาขาทั้งหมดในไทย 50 สาขาทั้งในห้างและปั๊มน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนของปั๊มน้ำมันมีมากถึง 80% และห้าง 20%
คาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเปลี่ยนเป็น 50:50 ภายในระยะเวลา 3-5ปี
สำหรับเมนูที่ถือเป็นตัวชูโรงของร้านเอแอนด์ดับบลิวคือ วาฟเฟิลและรูทเบียร์ มีสัดส่วนรวมกันประมาณ 20% ของยอดขายทั้งหมด รองลงมาเป็นอาหารประเภทข้าวและไก่ทอด โดยกลุ่มเป้าหมายของร้านเอแอนด์ดับบลิวจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น 18-24 ปี และในปีหน้าเตรียมเจาะกลุ่มครอบครัวมากขึ้นด้วยการเพิ่มเมนูใหม่ที่เป็นเซ็ทที่สามารถทานได้ 3-4 คน
ยอดขายของเอแอนด์ดับบลิวในไทยปีนี้คาดว่าจะมียอด 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 21.5% หรือประมาณ 95.5 ล้านบาท ในขณะที่งบทางด้านตลาดคิดเป็น 5% ของยอดรายได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ บริษัท เคยูบี มาเลเซีย (Ko - operation Usaha Bersatu) เล็งเห็นว่าตลาดอาหารฟาร์ตฟูดในไทยและมาเลเซียมีโอกาสเติบโต ดังนั้น จึงได้ซื้อลิขสิทธิมาบริหารและดูแลเอง โดยมองว่าตลาดในไทยแม้จะมีคู่แข่งมาก
อาทิ เคเอฟซี,พิซซ่า ฮัท และแบรนด์โลเคิล อย่างเอ็มเค เป็นต้น แต่ธุรกิจก็ยังมีโอกาสเติบโตได้มาก ในขณะที่บริษัท ยัม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จะดูแลในเรื่องการตลาด,การปฏิบัติการ และการอบรมสัมมนา เป็นต้น ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก