ผู้จัดการรายวัน – ซาร่า ลีวางเป้าปี 2548 เน้นปั้นมอคโคน่าและแอมบิเพอร์เป็นหลัก พร้อมปัดฝุ่นกีวีสู่ภาพลักษณ์พรีเมียม ล่าสุด เปิดตัว “กีวี ซูเปอร์ เอ็กซ์เพรส” หวังใช้จับกลุ่มนักศึกษา คนทำงาน และกระตุ้นตลาดรวมโต หลัง 2-3 ปีที่ผ่านส่งสัญญาณตลาดหดตัวลง
นางซุย คิม ตัน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซาร่า ลี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของบริษัทในรอบบัญชีที่ผ่านมา (ก.ค. 2546 – มิ.ย. 2547) ปิดรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น กาแฟมอคโคน่า 60% และกลุ่มเฮ้าส์โฮลด์ ได้แก่ น้ำหอมปรับอากาศแอมบิเพอร์, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านกีวี คลีน และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรองเท้า กีวี ชูส์ 40% มีอัตราการเติบโต 20% เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้เพียง 12% ทั้งนี้ เป็นเพราะมอคโคน่า ทรีโอที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2546 ที่ผ่านมา ช่วยทำให้ยอดขายเกินเป้า
รอบบัญชีปีนี้ (ก.ค. 2547 – มิ.ย. 2548) จึงมีเป้าหมายที่จะให้ความสำคัญกับมอคโคน่าและแอมบิเพอร์มากขึ้น เพราะมอคโคน่าเป็นตลาดใหญ่และเป็นสินค้าทำรายได้หลัก ส่วนแอมบิเพอร์เป็นแบรนด์ระดับโลกของซาร่า ลี แต่มีแผนที่จะออกสินค้าใหม่ให้กับทั้ง 4 แบรนด์ในปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้กีวี ชูส์และกีวี คลีนเป็นอันดับ 1 โดยขณะนี้กีวี คลีนยังเป็นอันดับ 2 ของตลาดอยู่ และตั้งเป้าให้มอคโคน่าและแอมบิเพอร์มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 โดยปัจจุบันมอคโคน่า อินสแตนท์ เป็นอันดับ 2 และแบบทรี อิน วันยังเป็นอันดับ 3 อยู่ ส่วนแอมบิเพอร์เป็นอันดับ 3 ของตลาดรวมน้ำหอมปรับอากาศทั้งหมด
สำหรับกีวีในฐานะที่เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 80%จากมูลค่าตลาดรวม 180 ล้านบาท จึงต้องเป็นผู้ทำกิจกรรมเพื่อกระตุ้นตลาดไม่ให้หดตัวลง เพราะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรองเท้าหดตัวลงอย่างต่อเนื่องประมาณ 2-3% เนื่องจากพฤติกรรมการใช้รองเท้าหนังของคนไทยลดน้อยลง โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่หันมาใช้รองเท้าแบบเปิดมากขึ้น ไม่ต้องการการทำความสะอาด รวมถึงการที่รองเท้าหนังมีราคาที่ถูกลงทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดรองเท้ามากนัก อีกทั้ง กลุ่มทำความสะอาดรองเท้าแบบตลับ ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดประมาณ 50% มีอัตราการใช้ลดลง ส่วนกลุ่มลิควิดที่มีสัดส่วน 30% ของตลาดรวมก็เติบโตค่อนข้างน้อย
ล่าสุด ได้เปิดตัว “กีวี ซูเปอร์เอ็กซ์เพรส” ฟองน้ำขัดเงารองเท้า เพื่อกระตุ้นตลาดรวมให้เติบโตขึ้นอย่างน้อย 1-2% พร้อมปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้กีวีเป็นแบรนด์ที่มีความทันสมัยมากขึ้น โดยเตรียมจัดกิจกรรมที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จากเดิมที่ภาพลักษณ์ของกีวีจะเป็นแบรนด์ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งบริษัทจะใช้กลุ่มซูเปอร์ เอ็กซ์เพรสช่วยยกระดับของแบรนด์กีวีให้พรีเมียมขึ้นด้วย
บริษัทจะใช้งบในการทำตลาดให้กีวีตลอดทั้งปี (ก.ค. 2547 – มิ.ย. 2548) 10% จากยอดขายของกีวี โดยใช้กลยุทธ์จัดกิจกรรมชูส์ แคร์ ซาลอนตามสถานที่ต่างๆ อาทิ มหาวิทยาลัย, อาคารสำนักงาน รถไฟลอยฟ้าบีทีเอส พร้อมใช้สี่อโฆษณาเต็มรูปแบบบนสื่อโฆษณารถไฟลอยฟ้า เพื่อสื่อสารให้กับกลุ่มเป้าหมายให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดรองเท้า
นางซุย คิม ตัน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซาร่า ลี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของบริษัทในรอบบัญชีที่ผ่านมา (ก.ค. 2546 – มิ.ย. 2547) ปิดรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท แบ่งเป็น กาแฟมอคโคน่า 60% และกลุ่มเฮ้าส์โฮลด์ ได้แก่ น้ำหอมปรับอากาศแอมบิเพอร์, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้านกีวี คลีน และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรองเท้า กีวี ชูส์ 40% มีอัตราการเติบโต 20% เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้เพียง 12% ทั้งนี้ เป็นเพราะมอคโคน่า ทรีโอที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2546 ที่ผ่านมา ช่วยทำให้ยอดขายเกินเป้า
รอบบัญชีปีนี้ (ก.ค. 2547 – มิ.ย. 2548) จึงมีเป้าหมายที่จะให้ความสำคัญกับมอคโคน่าและแอมบิเพอร์มากขึ้น เพราะมอคโคน่าเป็นตลาดใหญ่และเป็นสินค้าทำรายได้หลัก ส่วนแอมบิเพอร์เป็นแบรนด์ระดับโลกของซาร่า ลี แต่มีแผนที่จะออกสินค้าใหม่ให้กับทั้ง 4 แบรนด์ในปีนี้
นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้กีวี ชูส์และกีวี คลีนเป็นอันดับ 1 โดยขณะนี้กีวี คลีนยังเป็นอันดับ 2 ของตลาดอยู่ และตั้งเป้าให้มอคโคน่าและแอมบิเพอร์มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 โดยปัจจุบันมอคโคน่า อินสแตนท์ เป็นอันดับ 2 และแบบทรี อิน วันยังเป็นอันดับ 3 อยู่ ส่วนแอมบิเพอร์เป็นอันดับ 3 ของตลาดรวมน้ำหอมปรับอากาศทั้งหมด
สำหรับกีวีในฐานะที่เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 80%จากมูลค่าตลาดรวม 180 ล้านบาท จึงต้องเป็นผู้ทำกิจกรรมเพื่อกระตุ้นตลาดไม่ให้หดตัวลง เพราะช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรองเท้าหดตัวลงอย่างต่อเนื่องประมาณ 2-3% เนื่องจากพฤติกรรมการใช้รองเท้าหนังของคนไทยลดน้อยลง โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่หันมาใช้รองเท้าแบบเปิดมากขึ้น ไม่ต้องการการทำความสะอาด รวมถึงการที่รองเท้าหนังมีราคาที่ถูกลงทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดรองเท้ามากนัก อีกทั้ง กลุ่มทำความสะอาดรองเท้าแบบตลับ ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดประมาณ 50% มีอัตราการใช้ลดลง ส่วนกลุ่มลิควิดที่มีสัดส่วน 30% ของตลาดรวมก็เติบโตค่อนข้างน้อย
ล่าสุด ได้เปิดตัว “กีวี ซูเปอร์เอ็กซ์เพรส” ฟองน้ำขัดเงารองเท้า เพื่อกระตุ้นตลาดรวมให้เติบโตขึ้นอย่างน้อย 1-2% พร้อมปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้กีวีเป็นแบรนด์ที่มีความทันสมัยมากขึ้น โดยเตรียมจัดกิจกรรมที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จากเดิมที่ภาพลักษณ์ของกีวีจะเป็นแบรนด์ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งบริษัทจะใช้กลุ่มซูเปอร์ เอ็กซ์เพรสช่วยยกระดับของแบรนด์กีวีให้พรีเมียมขึ้นด้วย
บริษัทจะใช้งบในการทำตลาดให้กีวีตลอดทั้งปี (ก.ค. 2547 – มิ.ย. 2548) 10% จากยอดขายของกีวี โดยใช้กลยุทธ์จัดกิจกรรมชูส์ แคร์ ซาลอนตามสถานที่ต่างๆ อาทิ มหาวิทยาลัย, อาคารสำนักงาน รถไฟลอยฟ้าบีทีเอส พร้อมใช้สี่อโฆษณาเต็มรูปแบบบนสื่อโฆษณารถไฟลอยฟ้า เพื่อสื่อสารให้กับกลุ่มเป้าหมายให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดรองเท้า