xs
xsm
sm
md
lg

สิงคโปร์แอร์ไลน์ปรับตัว

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช

สิงคโปร์แอร์ไลน์นั้นถือได้ว่าเป็นสายการบินชั้นนำระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัยทั้งในด้านฝีมือการบริหาร กระทั่งการบริการและผลประกอบการที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ

ฐานะของสายการบินสิงคโปร์ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกหรือไม่ก็อยู่ในลำดับต้นๆ มาโดยตลอด

ปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้สิงคโปร์แอร์ไลน์ประสบความสำเร็จนั้นอยู่กับแรงหนุนจากรัฐบาลซึ่งถือว่าสายการบินของตนนั้นเป็นธงนำและเป็นเหมือนหน้าตาของประเทศ

จึงไม่แปลกแต่ประการใดที่สายการบินนี้จะปรับตัวอย่างคล่องแคล่ว และก็มักจะมียุทธวิธีทั้งด้านการตลาดและการบริหารที่มักจะล้ำหน้าอยู่เสมอ

เวลานี้สิงคโปร์แอร์ไลน์กำลังปรับตัวอีกครั้งแล้วครับ โดยเป็นการปรับตัวเพื่อให้รองรับกับการแข่งขันที่มีสูงขึ้นในภูมิภาคเอเชีย

ปัจจัยแรกที่สายการบินนี้จะดำเนินการโดยเร็วก็คือตัดค่าใช้จ่ายลงนับ 3-4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยตามแผนนั้น งานด้านข้อมูลและเทคโนโลยีกว่า 130 อย่าง ก็จะปล่อยงานเหล่านี้ไปให้คนนอกเข้ามารับไปทำแทน

นัยว่าวิธีการนี้เป็นแผนงานส่วนหนึ่งในการลดอัตรากำลังพนักงานบริษัทลงมาครับ

แม้ว่าการลดพนักงานลงมาอาจไม่ได้ช่วยการรัดเข็มขัดให้กับสิงคโปร์แอร์ไลน์ได้มากนัก เพราะว่าค่าใช้จ่ายในส่วนพนักงานนั้นคิดเป็นร้อยละ 17.4 เท่านั้น ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมด

ค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงคิดเป็นร้อยละ 20.1 ค่าเช่าอุปกรณ์การบินและค่าเสื่อมราคาคิดเป็นร้อยละ 15.8 และค่าซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์การบินคิดเป็นร้อยละ 10.8 และค่าใช้ค่าใช้จ่ายอื่นๆ คิดเป็นร้อยละ 35.9

ค่าใช้จ่ายข้างต้นนี้ไม่รวมกับค่าใช้จ่ายของบริษัทลูกอื่นๆ เช่น บริษัทซิลค์แอร์ บริษัทขนส่งสินค้า และธุรกิจด้านวิศวกรรมอื่นๆ และรายการค่าใช้จ่ายเหล่านี้คิดเมื่อสิ้นสุดปีการเงินเมื่อ 31 มีนาคม ปีที่แล้ว (2003)

สิงคโปร์แอร์ไลน์นั้นต้องหาทางประหยัดได้อีกมากโดยเฉพาะต้องต่อรองกับบรรดาซัปพลายเออร์และพวกกลุ่มคู่สัญญารายใหญ่อื่นๆ ซึ่งหากทำได้ก็จะช่วยตัดค่าใช้จ่ายลงได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นวิธีการที่จะช่วยประหยัดได้มากที่สุด

ทำไมสิงคโปร์แอร์ไลน์จึงต้องรีบวางยุทธศาสตร์ปรับตัวโดยตัดค่าใช้จ่ายลงในเวลานี้

นักวิเคราะห์มองว่ามีหลายสาเหตุครับ

ส่วนหนึ่งมาจากการเติบโตของธุรกิจสายการบินราคาประหยัดที่ใช้ต้นทุนต่ำกว่าที่ขยายตัวรวดเร็วในเอเชียและก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

อีกส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากราคาเชื้อเพลิงขยับตัวสูงขึ้นและไม่มีวี่แววว่าจะลดลงในอีกหลายปีข้างหน้า

นอกจากนี้แล้วปัญหาสำคัญก็คือ ปีที่ผ่านมาจำนวนผู้โดยสารได้ถดถอยลงมาก เนื่องจากเกิดปัญหาโรคซาร์ส แถมยังเกิดภาวะก่อการร้ายและสงครามในอิรัก แม้ว่าธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในเอเชียจะเริ่มฟื้นตัวและดูดีขึ้นมากก็ตามแต่สิงคโปร์แอร์ไลน์ก็ยังคงมีค่าใช้จ่ายสูงอยู่

หัวหน้าฝ่ายบริหารของสายการบินจิว ชูน เช็ง ถึงกับต้องออกมาชี้นำว่าสถานการณ์เวลานี้สิงคโปร์แอร์ไลน์ต้องตัดค่าใช้จ่ายลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เพื่อให้บรรลุเป้าที่จะมีกำไรได้ถึงร้อยละ 8 จากการลงทุน

นอกจากนี้สายการบินนี้ยังจะหวังพึ่งรัฐบาลได้ลำบาก เพราะทางนายลีกวนยู เห็นว่าหากสิงคโปร์แอร์ไลน์จะยังคงความเป็นผู้นำเพื่อคงความแข่งขันได้เปรียบอยู่ก็จะต้องตัดค่าใช้จ่ายลง

ทุกวันนี้รัฐบาลสิงคโปร์ถือหุ้นอยู่ในสายการบินถึงร้อยละ 57 ครับ

และจากนี้ไปตามแผนของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ก็จะต้องหาทางพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุด มากกว่าที่จะหวังพึ่งรัฐบาล นอกจากนี้ฝ่ายบริหารชุดใหม่ก็จะต้องหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อริเริ่มมาตรการที่ใหม่ๆ ด้วยไม่ใช่ว่าจะอาศัยรูปแบบการดำเนินการเหมือนเดิมที่เคยชินมา

ความจริงแล้วสายการบินคู่แข่งอย่าง คาเธย์ แปซิฟิค นั้นเริ่มตัดค่าใช้จ่ายไปมาก และทำล่วงหน้าไปตั้งแต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ 11 ก.ย. 2001 แล้ว และทำหลังจากเกิดโรคซาร์สระบาด ขณะที่สิงคโปร์แอร์ไลน์นั้นค่อยๆ ทำโดยตัดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานและค่าจ้างแรงงาน

จริงๆ แล้ว นักวิเคราะห์กลับมองว่า ค่าใช้จ่ายที่ควรตัดทอนไม่น่าอยู่กับเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนค่าจ้างหรือด้านพนักงาน แต่ต้องมาดูเรื่องเชื้อเพลิงและเรื่องค่าเช่าเครื่องบินด้วยเพราะเป็นค่าใช้จ่ายซึ่งรวมแล้วกว่าร้อยละ 60 ส่วนเรื่องที่จะให้คนภายนอกรับภาระด้านข้อมูลและเทคโนโลยีไปและตัดภาระจ้างคนไป 130 คนนั้น อาจจะช่วยได้นิดหน่อยและสายการบินก็จะตัดงานด้านการบัญชีออกไปอีก 70 คน รวมทั้งพวกหน่วยงานด้านพนักงานภาคพื้นดินอีก 108 ตำแหน่งด้วย

ทั้งหมดนี้ทางสิงคโปร์แอร์ไลน์มองว่า งานเหล่านี้คนข้างนอกทำได้มีประสิทธิภาพดีกว่าแล้ว แม้ว่าทุกวันนี้งานด้านโครงสร้างเทคโนโลยีไอทีจะยังคงจ้างคนอยู่อีก 270 คนก็ตาม ทุกวันนี้พนักงานสายการบินกว่า 30,000 คน ยังคงไม่รู้ว่างานของตัวจะถูกโอนไปให้คนนอกเข้ามาทำแทนหรือไม่ในอนาคต

การแข่งขันทุกวันนี้สูงขึ้นมากไม่เฉพาะระหว่างสายการบินขาประจำ แต่สายการบินราคาประหยัดเริ่มมีบทบาทสูงขึ้นในภูมิภาค ดังนั้นการปรับตัวจึงจำเป็นและสายการบินขาประจำต้องมองหาพันธมิตรเพิ่มขึ้นด้วยครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น