xs
xsm
sm
md
lg

ทำไมต้องเหลือง

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน


คนทั่วไปรู้จักแม่สี 3 สี ได้แก่ น้ำเงิน แดง และเหลืองว่าเป็นสีปฐมภูมิ เพราะเวลานำแม่สีไปผสมกัน จะได้สีอื่นเช่น ผสมแดงกับเหลืองได้สีส้ม หรือน้ำเงินกับเหลือง จะได้สีเขียวใบไม้ เป็นต้น

ตามปกติเวลากล่าวถึงสีเหลือง หลายคนจะนึกถึงเมล็ดข้าว กล้วยสุก หนอง ดวงอาทิตย์ยามตกดิน ใบไม้ในฤดูใบไม้ผลิ สีลูกเทนนิส ดอก tulip ดอกทานตะวัน สีปัสสาวะ สีเหลืองของตัวอักษร M ของแมคโดนัลด์ หรือไฟจราจร ดอกดาวเรือง สับปะรด ข้าวโพดหรือสปาเกตตี ฯลฯ

ในสมัยโบราณคนอินเดียเชื่อว่า การนุ่งห่มด้วยผ้าสีเหลืองจะได้รับความคุ้มครองจากภูตปีศาจ แม่ม่ายมักทาตัวเหลือง เพื่อไม่ให้วิญญาณสามีมารบกวน เจ้าสาวในอินเดียก่อนพิธีแต่งงาน 6 วัน ก็นุ่งห่มส่าหรีสีเหลืองเพื่อป้องกันมิให้ผีร้ายมากล้ำกราย

ในมาเลเซียชาวประมงชอบทาเรือสีเหลือง เพราะเชื่อว่าเทพเจ้าจะช่วยเรือไม่ให้อับปางและเจ้าของเรือจะปลอดโรคภัยที่จะมาเบียดเบียน

คนจีนในสมัยโบราณ (พ.ศ. 2187-2455) ใช้สีเหลืองเป็นสีแห่งราชวงศ์ Ching โดยกำหนดให้แต่องค์จักรพรรดิเท่านั้นที่ทรงฉลองพระองค์สีเหลืองได้ และใครอื่นใดถ้าบังอาจแต่งเหลืองบ้าง ก็จะต้องโทษประหาร

ในอุปรากรงิ้ว ตัวละครที่ทาหน้าสีเหลืองแสดงว่า เป็นคนที่เคร่งศาสนา ในงานฉลองวันเกิดของขงจื๊อทุกปี คนหนุ่มสาวจะเล่นขลุ่ย สวมหมวกปักขนนก และใส่เสื้อเหลือง แม้แต่แม่น้ำก็มีการตั้งชื่อว่า แม่น้ำเหลือง (ฮวงโห) เพราะน้ำในแม่น้ำไหลเชี่ยวมากทำให้โคลนตมใต้ท้องน้ำไหลปะปนกับสายน้ำ น้ำในแม่น้ำจึงมีสีเหลือง และแม่น้ำเหลืองนี่เองที่เป็นแหล่งกำเนิดหนึ่งของอารยธรรมจีน

ในฝรั่งเศสสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 10 ผนังห้องขังนักโทษ มักทาสีเหลืองและในสเปนในสมัยเดียวกัน เจ้าหน้าที่ประหารชีวิตก็แต่งชุดเหลือง

เมื่อถึงสมัยปัจจุบัน ความคิดและความเชื่อต่างๆ เกี่ยวกับสีเหลือง ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป เช่น เวลาเห็นไฟจราจรสีเหลือง นั่นคือสัญญาณที่บอกให้คนขับรถระมัดระวัง และลดความเร็วลง และนอกจากความหมายนี้แล้ว นักวิทยาศาสตร์ก็ยังพบอีกว่า สีเหลืองเป็นสีที่ตามองเห็นได้ชัดและดีที่สุดจากที่ไกลๆ ด้วย ส่วนคนในโรงงาน ถ้าเห็นตัวอักษรสีเหลืองปรากฏบนพื้นสีแดง นั่นแสดงให้เขารู้ว่า ของชิ้นนั้นติดไฟ และที่ใดก็ตามที่มีป้ายสีเหลืองแปะติดกำแพง นั่นแสดงว่า บริเวณนั้นเป็นบริเวณที่ผู้สัญจรต้องระมัดระวัง เรือยางที่ใช้ตรวจฝั่ง และช่วยชีวิตคนที่กำลังประสบอุบัติเหตุทางน้ำ ก็มักทาสีเหลือง และเวลาเล่นฟุตบอล หากคนเล่นได้ใบเหลืองนั่นแสดงว่า เขาทำฟาวล์ เป็นต้น

ในมุมมองของนักจิตวิทยา สีเหลืองเป็นสีที่กระตุ้นเร้าให้คนใช้ปัญญา และเกิดความใคร่เรียนรู้ ด้วยเหตุนี้สีเหลืองจึงเป็นสีของนักวิทยาศาสตร์ และสีของคณะวิทยาศาสตร์ตามสถาบันการศึกษาต่างๆ เพราะเชื่อว่า เป็นสีแห่งความเฉลียวฉลาด ความรอบรู้ มุ่งมั่น ตั้งใจ และรวดเร็วในการคิด แต่ในขณะเดียวกัน สีเหลืองก็ส่อแสดงการทรยศหักหลัง ความขลาดกลัวมักได้หลอกลวงด้วย อนึ่งนักจิตวิทยาได้พบว่า คนที่เหงาเปล่าเปลี่ยวเดียวดายที่ไม่สามารถสื่อสารกับใครได้ หากเขาได้เห็นสีเหลืองอิทธิพลของสีในการรักษาจิตใจ จะทำให้เขาเข้าใจจิตใจคนอื่นๆ รอบข้างดีขึ้น และนี่ก็คือบทบาทหนึ่งของสีในการบำบัดโรคทางจิตใจ เพราะได้พบว่า การเห็นสีเหลืองจะทำให้คนคนนั้นมีความรู้สึกสุข สดใส เหมือนดอกทานตะวันที่หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์ ดังนั้น สีเหลืองจึงทำให้คนป่วยทางจิตใจหลายคนมีความหวังมากขึ้น

นักจิตวิทยายังพบอีกว่า คนที่ชอบสีเหลืองมักชอบอยู่คนเดียว และพึ่งพาตนเองได้ดี มักทำกิจกรรมอย่างเป็นระบบ และถึงแม้จะเป็นคนที่อ่อนไหวต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็ประสบความสำเร็จสูงในการทำงาน

ในด้านความเชื่อโบราณนั้น เราก็มีชาวโรมันที่นับถือเทพ Mercury แห่งวันพุธ ซึ่งมีสีเหลืองเป็นสีประจำวัน ก็เพราะเทพองค์นี้ถึงแม้พระบิดา Jupiter จะทรงไว้พระทัยให้เป็นผู้สื่อข่าว แต่การเป็นเทพที่ดื้อรั้นและไม่เชื่อฟังใคร เทพ Mercury จึงมักนำความทุกข์มาสู่คนอื่นๆ ตลอดเวลา

และในประเทศฝรั่งเศสสมัยก่อนสีเหลืองก็เคยถูกใช้เป็นสีแสดง การทรยศหักหลังเช่น ประตูบ้านของคนขายชาติ มักจะถูกทาด้วยสีเหลือง คนนอกรีตและคนทรยศต่อศาสนานิกายคาทอลิก เวลาจะถูกนำไปเผาทั้งเป็น เขาให้สวมเสื้อเหลือง และในสมัยนาซีเรืองอำนาจ ชาวยิวที่จะถูกนำไปฆ่าก็ใส่เสื้อเหลือง

วงการแพทย์สมัยโบราณเชื่อว่า คนที่ป่วยด้วยโรคไต ดีซ่าน จิตเภท และเบาหวาน หากได้เห็นสีเหลือง จิตใจ และร่างกายของคนไข้จะดีขึ้น เป็นต้น

ในงานศิลปะ เราจะเห็นจิตรกรใช้สีเหลืองต่างๆ นานา เช่น เหลืองอมคราม เหลืองเข้ม เหลืองอ่อน เหลืองมะนาว หรือเหลืองลูกจันทน์ ในสมัย Renaissance จิตรกรมักวาดภาพผู้หญิงให้มีผมสีบลอนด์ เพราะในสายตาผู้ชาย ผู้หญิงที่มีผมสีเหลืองอ่อนดูเซ็กซี่ ดังจะเห็นได้จากภาพวาด Birth of Venus และ Premavera ของ Boticelli และความสวยของ Venus นี้เองที่ทำให้สตรีอิตาเลียนในสมัยนั้น ย้อมผมสีบลอนด์ไปตามๆ กัน

Rembrandt ก็เป็นจิตรกรอีกท่านหนึ่งที่วาดภาพโดยใช้สีเหลืองมาก ดังภาพ "Man with the Golden Helmet" ซึ่งแสดงภาพของชายคนหนึ่งที่สวมหมวกสีทอง ส่วน Vermeer จิตรกรชาวเนเธอร์แลนด์นั้นใช้สีเหลืองและน้ำเงิน เป็นสีหลักในการวาดภาพเช่นกัน

Vincent van Gogh เป็นจิตรกรอีกท่านหนึ่งที่ทำให้สีเหลืองเป็นสีอมตะ ภาพ Sunflowers, Starry Night, Cornfield with Cypresses และภาพโต๊ะสีเหลืองใน Night Cafe แสดงให้เห็นอารมณ์ที่เร่าร้อน และรุนแรง และที่แฝงด้วยพลังของภาพอย่างชัดเจนด้วย สีเหลืองที่ van Gogh ระบาย

ในภาษาอังกฤษ เราก็มีคำที่ใช้คู่กับ yellow มากมาย เช่น yellow book มีความหมายว่า นวนิยายราคาถูกๆ yellow sheet หมายถึงคนที่มีประวัติด้านอาชญากรรม yellow dog หมายถึง คนขี้ขลาดตาขาว yellow novel หมายถึง นวนิยายลามก yellow press หมายถึง หนังสือพิมพ์ที่มีแต่ข่าวเน่าๆ และ yellow book คือสมุดปกเหลือง ซึ่งเป็นหนังสือรายงานของรัฐบาลฝรั่งเศส เป็นต้น แต่ถ้าพูดถึง Yellow Jack เขาหมายถึง ธงสีเหลืองที่เวลาติดสะบัดบนเรือ แสดงให้เห็นว่า เรือลำนั้นมีผู้โดยสารที่ป่วยเป็นกาฬโรคที่เรือต่างๆ ไม่ควรเข้าใกล้

เวลานักมัณฑนากรตกแต่งอาคาร หากเขาใช้สีเหลืองทาภายในห้อง ก็เพื่อให้เจ้าของห้องมีความรู้สึกอบอุ่น และร่าเริงเสมือนถูกแสงอาทิตย์สาดส่องนำความสว่าง และความมีชีวิตชีวามาให้จนทำให้ห้องไม่มีมุมมืดหรือทึบ และห้องดูกว้างโอ่อ่า และไม่คับแคบหรือกดดัน

แพทย์อินเดียโบราณเชื่อว่า ผลไม้ที่มีสีเหลืองนอกจากจะสามารถทำความสะอาดภายในร่างกายได้แล้ว ยังสามารถคลายความเครียดช่วยให้เลือดลมในร่างกาย และประจำเดือนทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติ รวมทั้งเบาหวานก็จะลดความรุนแรง และโรคข้ออักเสบก็ทุเลาลง และสำหรับคนที่ป่วยด้วยโรคไต หากให้เห็นสีเหลืองมากๆ สุขภาพร่างกายของคนไข้จะดีขึ้น

ณ วันนี้จิตแพทย์หลายคนมีความเชื่อว่า สีมีอิทธิพลต่อจิตใจ และบทบาทในการช่วยประคับประคองจิตใจคนป่วยในการต่อสู้โรคได้บ้าง โดยเฉพาะโรคจิต และสีมีอิทธิพลต่อการได้กลิ่นของจมูกดังที่ R. A. Osterbauer แห่งมหาวิทยาลัย Oxford ในประเทศอังกฤษ ได้ศึกษาการทำงานของสมอง ขณะเห็นสีและได้กลิ่นโดยใช้เทคนิค Magnetic Resonance Imaging (MRI) ถ่ายภาพสมองขณะรับข้อมูล และเขาก็ได้พบว่า เวลาเขาให้นักศึกษาดมกลิ่นมะนาว สตรอเบอรี่ มินต์ ซึ่งตามปกติมีสีเหลือง แดง และน้ำตาล ตามลำดับ หากเขาทดลองให้นักศึกษาดมกลิ่นมะนาว และมะนาวที่นักศึกษาเห็นปรากฏมีสีเหลือง ประสาทด้านการรับกลิ่นในสมองจะทำงานผสมผสานมากยิ่งกว่ากรณีนักศึกษาได้กลิ่นมะนาว แต่มะนาวที่เห็นมีสีแดง ดังนั้น Osterbauer จึงสรุปว่า สีมีอิทธิพลต่อการรับรู้กลิ่น

และสุดท้ายคือ สำนวนไทยที่บอกว่า เห็นชายผ้าเหลือง ซึ่งหมายถึงได้บุญกุศลเมื่อบิดามารดาได้เห็นลูกชายบวช ดังที่มีเรื่องเล่าในหนังสือสุบินกลอน สวดว่า เจ้าสุบินมีแม่ใจบาป วันหนึ่งพยายามให้ยมทูตมานำแม่ไปลงโทษทิ้งลงในหม้อไฟนรก แต่เมื่อนางนึกถึงลูกที่บวชเณรก็เกิดดอกบัวทองผุดขึ้นมารับนาง และไฟนรกก็ดับหมด สำนวนนี้บางครั้งก็ใช้ว่า เกาะชายผ้าเหลืองครับ

สุทัศน์ ยกส้าน ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสถาน



กำลังโหลดความคิดเห็น