ตลท.จับมือตลาดหุ้นอาเซียนจัดงาน "อาเซียน ไฟแนนซ์ มินิสเตอร์" นำเสนอข้อมูลให้ผู้จัดการกองทุนต่างประเทศกว่า 100 แห่งรับฟังข้อมูลที่นิวยอร์ก พร้อมกับสานนโยบายรัฐบาลผลักดันเอเชียบอนด์เข้าเทรดในสิงคโปร์ และไทย
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่จัดงานไทยแลนด์โฟกัส 2004 เรียบร้อยแล้ว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย,ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง จะเดินทางไปร่วมงาน "อาเซียน ไฟแนนซ์ มินิสเตอร์" ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 27 กันยายนนี้ ที่นิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้การจัดงาน"อาเซียน ไฟแนนซ์ มินิสเตอร์" นั้นจะมีประเทศในกลุ่มอาเซียนเป็นผู้จัดงาน โดยมีประเทศสิงคโปร์เป็นแกนนำ เพื่อนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ให้กับผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ ที่มีจำนวน 100 กว่ากองทุนที่เข้าร่วมรับฟังข้อมูล เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการลงทุน
สำหรับในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ของไทยนั้นจะดำเนินการสานต่อนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการออกเอเชียบอนด์ และจะนำเอเชียบอนด์ไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เพื่อทำธุรกรรมเกี่ยวกับดูโอ เทรดดิ้ง และต่อไปก็จะนำเอเชียบอนด์ มาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของไทย
นอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะดึงหน่วยลงทุนของฮ่องกง เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งรวมถึงกองทุนของไทยที่จะไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกงในอนาคต ซึ่งก็ได้มีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เรียบร้อยแล้ว การดำเนินการดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ออมเงิน ที่ขณะนี้ประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อยที่ยังมีการออมเงินในรูปแบบของเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์
สำหรับกรณีที่ภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงในวันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมานั้นนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ก็ได้เข้าไปตรวจสอบการซื้อขาย ซึ่งก็พบว่ามีแรงเทขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศจริง แต่ก็มีแรงเทขายของนักลงทุนทั่วไปในประเทศด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสถาบันในประเทศที่ขายออกไปนั้น ก็มีแรงซื้อกลับเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เทขายเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจจะเป็นการปรับพอร์ตการลงทุนก็ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ โดยตลาดหลักทรัพย์ ก็ไม่ได้สอบถามถึงสาเหตุการเทขายแต่อย่างใด
"ตลาดหลักทรัพย์เข้าไปตรวจสอบการซื้อขายในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งก็พบว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศขายออกมามากจริง ซึ่งก็รู้ด้วยว่ากองทุนไหนขายออกมา แต่ลักษณะการเทขายนั้นไม่ใช่มีจุดประสงค์เทขายหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่ก็มีแรงซื้อเข้ามาด้วย โดยแรงซื้อนั้นอาจจะน้อยกว่าแรงเทขาย ซึ่งก็อาจจะเป็นลักษณะของการปรับพอร์ตการลงทุนเท่านั้น"นายกิตติรัตน์ กล่าว
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่จัดงานไทยแลนด์โฟกัส 2004 เรียบร้อยแล้ว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย,ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง จะเดินทางไปร่วมงาน "อาเซียน ไฟแนนซ์ มินิสเตอร์" ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 27 กันยายนนี้ ที่นิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้การจัดงาน"อาเซียน ไฟแนนซ์ มินิสเตอร์" นั้นจะมีประเทศในกลุ่มอาเซียนเป็นผู้จัดงาน โดยมีประเทศสิงคโปร์เป็นแกนนำ เพื่อนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ให้กับผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ ที่มีจำนวน 100 กว่ากองทุนที่เข้าร่วมรับฟังข้อมูล เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาการลงทุน
สำหรับในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ของไทยนั้นจะดำเนินการสานต่อนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการออกเอเชียบอนด์ และจะนำเอเชียบอนด์ไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เพื่อทำธุรกรรมเกี่ยวกับดูโอ เทรดดิ้ง และต่อไปก็จะนำเอเชียบอนด์ มาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของไทย
นอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะดึงหน่วยลงทุนของฮ่องกง เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทย ซึ่งรวมถึงกองทุนของไทยที่จะไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกงในอนาคต ซึ่งก็ได้มีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เรียบร้อยแล้ว การดำเนินการดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ออมเงิน ที่ขณะนี้ประเทศไทยมีจำนวนไม่น้อยที่ยังมีการออมเงินในรูปแบบของเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์
สำหรับกรณีที่ภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงในวันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมานั้นนายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ก็ได้เข้าไปตรวจสอบการซื้อขาย ซึ่งก็พบว่ามีแรงเทขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศจริง แต่ก็มีแรงเทขายของนักลงทุนทั่วไปในประเทศด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสถาบันในประเทศที่ขายออกไปนั้น ก็มีแรงซื้อกลับเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เทขายเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจจะเป็นการปรับพอร์ตการลงทุนก็ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ โดยตลาดหลักทรัพย์ ก็ไม่ได้สอบถามถึงสาเหตุการเทขายแต่อย่างใด
"ตลาดหลักทรัพย์เข้าไปตรวจสอบการซื้อขายในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งก็พบว่า นักลงทุนสถาบันในประเทศขายออกมามากจริง ซึ่งก็รู้ด้วยว่ากองทุนไหนขายออกมา แต่ลักษณะการเทขายนั้นไม่ใช่มีจุดประสงค์เทขายหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่ก็มีแรงซื้อเข้ามาด้วย โดยแรงซื้อนั้นอาจจะน้อยกว่าแรงเทขาย ซึ่งก็อาจจะเป็นลักษณะของการปรับพอร์ตการลงทุนเท่านั้น"นายกิตติรัตน์ กล่าว