"อันว่าลักษณะละเมิดมีประการต่างๆ คือการกระทำเหนือพระราชบัญญัติและขัดพระบัณฑูรพระโองการ และไม่กระทำตามตรัสใช้และเพโทบายเอาสิ่งของสิ่งของๆ เขาให้เสียราชการไป แลข่มเหงราษฎรเอามาจองจำ เก็บเอาเงินทองลูกเมียข้าคนท่านมาเป็นอาณาประโยชน์แก่ตน และป้องกันผู้มีคดีและผู้ร้ายไว้มิให้ส่งแก่กระลาการ แลต่อตีด่านายพะธรรมรง-มหาดไทย-ดาบ-นายนักการ นายคุมผู้ไปเรียกหา แลแปลงพระธรรมนูญแปลงพระโองการ แลแปลงพระราชบัญญัติกำหนดกฎหมาย แลแปลงตราสารสำนวนของท่านเสีย แลเสียดถ้อยคำอื่นเข้า และโลภนักมักใจใหญ่ใฝ่สูงให้เกินศักดิ์ มักกระทำตนให้ล้นเหลือบรรดาศักดิ์อันท่านให้แก่ตน แลทนงองอาจมิยำมิกลัวและมิจำพระราชนิยมพระเจ้าอยู่หัวบัญญัติไว้ และกระทำความผิดกระทรวงล่วงกรมอันท่านอายัดไว้โดยกระทรวงการ แลท่านสั่งให้ทำการในสถานแห่งใดๆ มิได้กระทำตาม ทำนอกทำเหนือทำเหลือทำเกินรับสั่งและเกียจคร้านละเมินราชการเสีย แลอำพรางบังอาจกรรโชกราษฎรให้ได้รับความเดือดร้อน ท่านให้มีโทษจงหนัก"
และลักษณะโทษ "ละเมิดระวางละเมิด" "อำพรางระวางอำพราง" "บังอาจระวางบังอาจ" "กรรโชกระวางกันโชค" มีโทษ 10 สถาน
(1) สถานหนึ่งคือฟันคอริบเรือน ริบราชบาตร เอาลูกเมียข้าคนเป็นระบาต ทรัพย์สิ่งของเข้าท้องพระคลังจงสิ้น (2) สถานหนึ่งให้ตัดมือตัดเท้าจำใส่ตรุไว้โดยัดถากรรมของมัน (3) สถานหนึ่งให้ทวนด้วยลวดหนัง-ไม้หวาย 1-2-3 ยก แล้วประจานจำใส่ตรุเดือนหนึ่ง 2 เดือน 3 เดือน (4) ให้ปรับไหมจตุรคูณ แล้วเอาตัวลงเป็น ตะพุ่นหญ้าช้าง (5) ให้ปรับไหมตรีคูณแล้วประจาน 3-8 วันให้พ้นโทษ (6) สถานหนึ่งให้ปรับไหมลาหนึ่งแล้วเอาตัวออกจากราชการ (7) สถานหนึ่งให้ปรับไหมทวีคูณแล้วประจาน 3-8 วันให้พ้นโทษ (8) สถานหนึ่งปรับไหมลาหนึ่งแล้วให้ใช้ของเขา (9) สถานหนึ่งให้ตัดปากแหวะปากเอามะพร้าวห้าวยัดปาก (10) สถานหนึ่งให้กดอุเบกษาไว้ ถ้าแลเสนาบดีมุขมนตรีขุนหมื่นพันทนายจ่าเสมียนผู้ใดมิได้กะทำตามพระราชบัญญัติคำนัลนี้ก็ดี ถ้าผู้ใดรู้เห็นเป็นใจด้วยผู้ใดซึ่งมิได้กระทำการพระราชกฤษฎีกานี้และรู้เห็นมิได้เป็นใจ แต่ว่ามิได้เอามาว่ากล่าวเพ็ดทูลก็ดี ท่านว่ามันผู้นั้นจะต้องได้รับการลงราชทัณฑ์เป็นมหันต์ ปถม มัธยม อวสาน โดยโทษ 8 ประการแล (พระไอยการอาชญาหลวง, กฎหมายตราสามดวง, กรมศิลปากร 2521)
ข้อความทั้งหมดนี้เป็นข้อความค่อนข้างสั้นในเอกสารกฎหมายเก่าของไทยซึ่งได้รวบรวมกันไว้ในปี พ.ศ. 2341 ในฐานะเป็นต้นตอของกฎหมายบ้านเมืองแต่ดั้งเดิมของไทยที่ยึดถือกันมาจนกระทั่งถึงกรุงรัตนโกสินทร์และกระทั่งทุกวันนี้ โดยสรุปแล้ว ข้อความทั้งหมดนั้นในปัจจุบันนี้เราเรียกกันว่า คอร์รัปชันและปัญหาคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นคำภาษาฝรั่ง หรือในภาษาไทยท่านเรียกว่า ฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นการกระทำต่อบ้านเมือง และอาณาประชาราษฎร์ของบรรดาผู้ปกครองบ้านเมือง หรือทุกวันนี้ก็คือข้าราชการ และนักการเมืองที่เข้ามาปกครองด้วยการซื้อเสียงเลือกตั้งเข้ามา
สัตว์ร้ายทางการเมืองตัวไหนที่ต้องการรวยเร็วเป็นแสนเป็นล้านให้ทันตาเห็น ก็จะต้องมีเงินที่จะใช้ประเทศชาติเป็นเครื่องมือทำมาหากินที่จะสามารถทำกินได้อย่างยั่งยืนจะต้องลงทุนซื้อตำแหน่งที่ตนต้องการโดยจะเริ่ม 200 ล้าน 400 ล้าน เป็นต้นไปจนกระทั่งพันล้านขึ้นไป และจะสามารถถอนทุนได้อย่างง่ายภายในไม่กี่วัน ขนาดไอ้ตี๋ที่หากินตามมีตามเกิดที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ถ้ามีโอกาสมีมิตรหรือมีความสัมพันธ์กับสัตว์ร้ายทางการเมือง พวกนี้อาจจะมีเงินติดตัวไม่เกินวันละ 20 บาทก่อนมาเป็นนักการเมือง แต่พอได้เป็นขึ้นมาไม่กี่วันก็จะรีบเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี และเป็น ฯพณฯ กันขึ้นมาทันตาเห็น ถ้าหากไม่โง่เกินไปหรือเป็นไอ้หน้าโง่ก็จะอดอยากนิดหน่อย เฉพาะเพียงการลงสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส.ซึ่งพรรคพวกที่ผมเคยคุ้นเคยบอกว่า ถ้าจะเข้าพรรคการเมืองใหญ่ๆ ตอนนี้จะได้รับแจกเงินในการหาเสียงเลือกตั้งตามปกติเพียงคนละ 20 ล้านบาทเท่านั้น และสำหรับคนที่มีพรรคมีพวกจะต้องเตรียมสำรองไว้ให้อีกไม่น้อยกว่า 120 ล้านบาท คำบอกกล่าวของอาจารย์สังศิต พิริยะรังสรรค์ จากคณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ ที่เคยเปิดเผยออกมาว่า ในการเลือกตั้งคราวต่อไปนี้ พรรคจะต้องลงทุนถึง 30,000 ล้านบาทนั้น อาจจะผิดความจริงเพียงมีกี่บาทเป็นอย่างน้อย
อาจจะเป็นไปได้ว่า คนไทยสมัยใหม่อาจจะมีไม่มากนักที่รู้จักกฎหมายนี้ แน่นอนที่สุด สำหรับเด็กรุ่นใหม่ทั้งหญิงทั้งชายที่ต่างก็เกิดมาเพื่อแย่งกันทำความชั่วต่างๆ ทุกวันนี้เท่าๆ กับนักการเมืองและผู้ใหญ่ในสังคมของเราไม่น้อย ต่างก็แข่งขันกันอยู่ด้วยความชั่วทุกอย่างตามที่กล่าวไว้ในกฎหมายฉบับนี้อย่างเอาเป็นเอาตายเช่นเดียวกัน ดู ดูเหมือนว่า คนทั้งสองประเภทนี้อาจจะไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยินชื่อกฎหมายนี้แม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ หรือแม้แต่คนรุ่นใหม่ของเราอาจจะมีบางคนอ่านหนังสือออกอยู่ไม่น้อย แต่ก็คงไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจความหมายของบทบัญญัติที่ท่านใช้ปกครองประเทศชาติและสร้างแผ่นดินไทยมาให้อยู่กันสนุกสนานอย่างทุกวันนี้
จะดีชั่วอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ หรือแล้วแต่ใครจะคิดจะเห็นอย่างไร ก็เลือกเอาตามความพอใจ แต่ที่แน่นอนว่าที่เมืองไทยและคนไทยอยู่กันมาจนถึงปัจจุบันนี้ เราก็อยู่กันมาด้วยกฎหมายฉบับนั้น ทั้งขนบประเพณีธรรมเนียมของคนไทยที่อยู่กันมาจนทุกวันนั้นก็มาจากกฎเกณฑ์เหล่านี้ทั้งสิ้น
การนำข้อความนี้มาเสนอผู้อ่านในระยะนี้ น่าจะเป็นการเสนอเรื่องที่เหมาะสมที่สุด เพราะประเทศสุดที่รักหรือบ้านเมืองอันแสนดีของเรากำลังมีเรื่องอึกทึกครึกโครมฉาวโฉ่ไปทุกหย่อมหญ้า ในเรื่องการทำทุจริตคิดมิชอบของเจ้าขุนมูลนายในบ้านเมือง เกี่ยวกับการคอร์รัปชัน และการหลับหูหลับตาประกาศโฆษณาอย่างไม่อายผีสางเทวดาว่าจะเริ่มลงมือปราบปรามคอร์รัปชันภายในไม่กี่วันนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำได้ด้วย
แต่การทุจริตคิดมิชอบในบ้านเมืองของเจ้าขุนมูลนายของเรา เป็นพฤติกรรมที่ยั่งยืน เป็นประเพณีอันยิ่งใหญ่ที่เจ้าบ้านผ่านเมืองไทยทุกยุคทุกสมัยยึดถือ และทำตามกันมาจนกระทั่งถึงวันนี้ยังไม่หยุด
แต่ที่เรายังรักษาความเป็นไทยรอดมาได้ถึงวันนี้ เพราะคนไทยทุกคนถือว่า พระมหากษัตริย์เป็นเจ้าชีวิตของทุกคน กฎเกณฑ์และขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ที่ออกมาสู่ประชาชนนั้น ถือว่าเป็นประกาศิตอันล่วงละเมิดมิได้ มีการลงอาญาอย่างรุนแรงที่เรียกว่า พระอัยการอาญาหลวง ซึ่งมีการลงโทษสถานหนัก 10 ประการตั้งแต่ฟันคอริบเรือนและตัดมือตัดตีนแล้วยัดใส่ตรุจนกระทั่งเอามะพร้าวห้าวยัดปากและขังไว้ในตรุโดยไม่มีการยกเว้น
แต่ทุกวันนี้ เราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เราใช้รัฐธรรมนูญแทนประกาศิตแทนองค์พระมหากษัตริย์ที่ใช้ในสมัยก่อน การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้ว่าจะมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสถาบันสูงสุดเหนือหัวเหนือเกล้าเหมือนยุคเก่าก่อนก็ตาม แต่โดยความเป็นจริงแล้ว พระมหากษัตริย์ที่ใครจะละเมิดมิได้นั้น ก็จะทรงทำหน้าที่เพียงคอยรับฟังสัจปฏิญาณของสัตว์ร้ายทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยว่าจะกระทำทุกอย่างตามกฎหมายบ้านเมืองเพื่อความสุขของประชาชนในวันที่ สัตว์ร้ายทางการเมือง ขึ้นมาปกครองประเทศตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีสัตว์ร้ายกลุ่มไหนทำตามคำสัจปฏิญาณที่ได้ปฏิญาณไว้
ตรงข้าม สัตว์ร้ายทางการเมืองทุกกลุ่มทุกพวก ที่เคยถวายสัตย์ปฏิญาณโดยเจตนาอันไม่สุจริตเหล่านั้น จะกระทำทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ของตัวเอง หมู่พวกและวงศาคณาญาติของตัวเอง โกหกมดเท็จ หลอกลวงและแบ่งปันผลประโยชน์แก่ผู้ที่ร่วมในการทรยศต่อบ้านเมือง และพระมหากษัตริย์แต่เพียงประการเดียวเท่านั้น
ข่าวการฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือ "การทำนอกทำเหนือทำเหลือทำเกิน ละเมิดราชการเสีย อำพรางบังอาจกรรโชกราษฎรให้ได้ความเดือดร้อน ซึ่งเนื้อความบางวรรคบางตอนในพระอัยการอาญาหลวงฉบับนี้ คงไม่มีอะไรผิดไปจากการคอร์รัปชันที่ยิ่งใหญ่ของชาติอีกเรื่องหนึ่ง ที่บรรดาสัตว์ร้ายทางการเมือง ยุคนี้ร่วมกันทำมา นั่นคือ คดี ส.ป.ก.ซึ่งเป็นคดีปล้นเงียบๆ ของกลุ่ม สัตว์ร้ายทางการเมือง หลายกลุ่มหลายพวกทำ กันมาโดยการนำที่ดินของประเทศที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เอามาแจกแบ่งปันซื้อขายกันระหว่างนักการเมืองชาติชั่วกับผู้มีอิทธิพลทุกจังหวัดทั่วประเทศโดยรัฐบาลหลายชุด
ที่ดินของประเทศเกือบครึ่งประเทศได้ถูกนำมาซื้อขายจ่ายแจกกัน
เคยมีเรื่องอื้อฉาวกันเล็กน้อยมาก่อนในสมัยหนึ่งแล้วก็เงียบไป เพราะมีการจัดสรรกันทุกคนร่วมกินร่วมปล้นร่วมปิดบังกันในลักษณะ ทำนอกทำเหนือทำเหลือทำเกินรับสั่ง เกียจคร้านและละเมินราชการเสีย อำพรางบังอาจกรรโชกราษฎร ซึ่งถ้าเป็นสมัยโบราณคนพวกนี้จะต้องถูกฟันคอริบเรือน ตัดตีนตัดมือหรือต้องแหวะปากเอามะพร้าวยัดปากให้สะใจ
แต่ สัตว์ร้ายทางการเมือง เหล่านั้นกลับพากันประสบความสำเร็จ มีอำนาจ วาสนาและรุ่งเรืองกันถึงขนาด
ตั้งหน้าตั้งตาฉ้อฉลปล้นสะดมกันต่อไปใหม่
เกิดความบังเอิญขึ้นพอเหมาะพอดี เพราะจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ การโกหกหลอกลวงและมดเท็จประชาชนพลเมืองวาระใหม่จะเริ่มขึ้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ สัตว์ร้ายทางการเมือง พวกนี้จะต้องหาเรื่องเอะอะโวยวายสร้างความอึกทึกครึกโครมขึ้นเป็นการหาเสียงระหว่างกลุ่มต่างๆ ที่จะต้องเห่าต้องกัดกันเพื่อสร้างเงื่อนแง่ให้มีความสำคัญกว่าฝ่ายหนึ่งตามวัฒนธรรม หมากินหมา ทางการเมืองหรือ DOG EAT DOG (เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น)
ความจริงปัญหาเรื่องที่ดิน ส.ป.ก.ไม่ใช่เรื่องแปลก นโยบายคัดสรรที่ดินชื่อนี้เป็นเพียงวิธีการหาทางหากินของสัตว์ร้ายทางการเมืองที่ทำกันมาเป็นเวลาหลายปีในรัฐบาลสมัยหนึ่ง ซึ่งสมัยนั้นก็เต็มไปด้วยการทุจริตฉ้อฉลอย่างหั่นแหลกของพวก สัตว์ร้ายทางการเมือง ด้วยกัน แต่หลังจากนั้น เรื่องราวก็เงียบไป เพราะมีการแบ่งสันปันส่วนกันกินในลักษณะการ "ทำนอกทำเหนือทำเหลือทำเกิน" กันเรียบร้อยแล้ว
ทว่าการกินที่ดินของบ้านมืองที่กำลังโวยวายอยู่ในขณะนี้ มันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผิดพระบรมราชโองการ มันก็ผิดมาตั้งแต่รัฐบาลชั่วเก่าๆ จัดทำกันขึ้นเป็นเวลาหลายปีมา และถ้ามันผิดมันก็ต้องมีการสะสางลงโทษ เพื่อหาคนที่จะต้องถูกฟันคอริบเรือนกันไปนานแล้ว
เรื่องอะไรที่ความชั่วมันจะต้องไปนอนซุกหัวอยู่ที่ไหน โดยไม่มีใครเอะอะโวยวายมาเสียในระยะนั้น
เช่นเดียวกันกับบรรดาสัตว์ร้ายทางการเมืองพวกใหม่ซึ่งลุกขึ้นมาขุดเรื่องนี้ขึ้นมาแสดงความรักชาติ รักประชาชน และความดีงามของตนเอง และกลุ่มของตัวเอง ทำไมจึงมาลงมือขุดคุ้ยวันนี้ ทั้งๆ ที่รัฐบาลหรือสัตว์ร้ายทางการเมืองชุดนี้จึงไม่ทำเสียตั้งแต่สมัยที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆ เมื่อสามปีมาแล้ว
มัวแต่ไปนอนเห่านอนหอนอะไรที่ไหนอยู่
หรือกว่าการทำผิดกฎหมายที่จะต้องเอาเป็นเอาตายมันรอคอยวันเลือกตั้งถึงจะเสือกกะโหลกออกมาปรากฏตัวเอะอะโวยกันในตอนนี้
หรือระหว่างสามปีที่ขึ้นมามีอำนาจนั้น มัวแต่ไปร่วมมือกันทำมาหากินอะไรอยู่ หรือว่าเพราะ "ท่านสั่งอะไรมามิได้กระทำตาม หรือไปเกียจคร้านละเมินราชการเสีย"
เปล่าเลย, ความจริงมันก็ชั่วพอๆ กันหรือเหมือนกันนั่นเอง
เช่นเดียวกัน ผู้ที่ถูกกล่าวหาฮุบที่ดินส.ป.ก. ก็ออกมาเถียงและยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ผิด ที่ดินนั้นเป็นที่ดินหลายผืนที่รวมกันแล้วครึ่งพันไร่นั่นก็เหมือนกัน คนที่เกี่ยวข้องนั้นมีคนเชื่อว่า เป็นผู้ถือศีลบริสุทธิ์ มีศักดิ์เป็นถึงอรหันต์ ถือศีล 5 เป็นคนไม่โลภโมโทสัน เพียงแต่อยากได้อะไรที่ไม่ใช่ของตัว ก็ฮุบเอามา โดยจัดตั้งรวบรวมให้มันเป็นผืนเดียวกันแล้วจัดตั้งมูลนิธิเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายที่ดินด้วยความชำนิชำนาญขั้นอรหันต์ แต่ความจริงแล้วกฎหมาย ส.ป.ก.เป็นกฎหมายที่ดินที่มีบัญญัติว่า ผู้ที่มีสิทธิจะได้รับการแจกจะต้องเป็นคนยากคนจนที่ไม่มีที่ทำกินเท่านั้น ไม่ว่าใครจะถือศีล 5 ศีล 1,000 หรือเป็นอรหันต์มาจากนรกขุมไหนก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย จะใช้ความกะล่อนรวบรวมเป็นของมนุษย์หรือสัตว์ประเภทไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น
กรณี ส.ป.ก.ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ความจริงมันก็คือ การคอร์รัปชันที่ทำกันมาตั้งแต่ประเทศไทยเกิดขึ้นนั่นเอง
ไม่มีทางรักษาได้ มันเป็นโรคดื้อยาชนิดหนึ่งของเมืองไทย.
และลักษณะโทษ "ละเมิดระวางละเมิด" "อำพรางระวางอำพราง" "บังอาจระวางบังอาจ" "กรรโชกระวางกันโชค" มีโทษ 10 สถาน
(1) สถานหนึ่งคือฟันคอริบเรือน ริบราชบาตร เอาลูกเมียข้าคนเป็นระบาต ทรัพย์สิ่งของเข้าท้องพระคลังจงสิ้น (2) สถานหนึ่งให้ตัดมือตัดเท้าจำใส่ตรุไว้โดยัดถากรรมของมัน (3) สถานหนึ่งให้ทวนด้วยลวดหนัง-ไม้หวาย 1-2-3 ยก แล้วประจานจำใส่ตรุเดือนหนึ่ง 2 เดือน 3 เดือน (4) ให้ปรับไหมจตุรคูณ แล้วเอาตัวลงเป็น ตะพุ่นหญ้าช้าง (5) ให้ปรับไหมตรีคูณแล้วประจาน 3-8 วันให้พ้นโทษ (6) สถานหนึ่งให้ปรับไหมลาหนึ่งแล้วเอาตัวออกจากราชการ (7) สถานหนึ่งให้ปรับไหมทวีคูณแล้วประจาน 3-8 วันให้พ้นโทษ (8) สถานหนึ่งปรับไหมลาหนึ่งแล้วให้ใช้ของเขา (9) สถานหนึ่งให้ตัดปากแหวะปากเอามะพร้าวห้าวยัดปาก (10) สถานหนึ่งให้กดอุเบกษาไว้ ถ้าแลเสนาบดีมุขมนตรีขุนหมื่นพันทนายจ่าเสมียนผู้ใดมิได้กะทำตามพระราชบัญญัติคำนัลนี้ก็ดี ถ้าผู้ใดรู้เห็นเป็นใจด้วยผู้ใดซึ่งมิได้กระทำการพระราชกฤษฎีกานี้และรู้เห็นมิได้เป็นใจ แต่ว่ามิได้เอามาว่ากล่าวเพ็ดทูลก็ดี ท่านว่ามันผู้นั้นจะต้องได้รับการลงราชทัณฑ์เป็นมหันต์ ปถม มัธยม อวสาน โดยโทษ 8 ประการแล (พระไอยการอาชญาหลวง, กฎหมายตราสามดวง, กรมศิลปากร 2521)
ข้อความทั้งหมดนี้เป็นข้อความค่อนข้างสั้นในเอกสารกฎหมายเก่าของไทยซึ่งได้รวบรวมกันไว้ในปี พ.ศ. 2341 ในฐานะเป็นต้นตอของกฎหมายบ้านเมืองแต่ดั้งเดิมของไทยที่ยึดถือกันมาจนกระทั่งถึงกรุงรัตนโกสินทร์และกระทั่งทุกวันนี้ โดยสรุปแล้ว ข้อความทั้งหมดนั้นในปัจจุบันนี้เราเรียกกันว่า คอร์รัปชันและปัญหาคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นคำภาษาฝรั่ง หรือในภาษาไทยท่านเรียกว่า ฉ้อราษฎร์บังหลวง เป็นการกระทำต่อบ้านเมือง และอาณาประชาราษฎร์ของบรรดาผู้ปกครองบ้านเมือง หรือทุกวันนี้ก็คือข้าราชการ และนักการเมืองที่เข้ามาปกครองด้วยการซื้อเสียงเลือกตั้งเข้ามา
สัตว์ร้ายทางการเมืองตัวไหนที่ต้องการรวยเร็วเป็นแสนเป็นล้านให้ทันตาเห็น ก็จะต้องมีเงินที่จะใช้ประเทศชาติเป็นเครื่องมือทำมาหากินที่จะสามารถทำกินได้อย่างยั่งยืนจะต้องลงทุนซื้อตำแหน่งที่ตนต้องการโดยจะเริ่ม 200 ล้าน 400 ล้าน เป็นต้นไปจนกระทั่งพันล้านขึ้นไป และจะสามารถถอนทุนได้อย่างง่ายภายในไม่กี่วัน ขนาดไอ้ตี๋ที่หากินตามมีตามเกิดที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ถ้ามีโอกาสมีมิตรหรือมีความสัมพันธ์กับสัตว์ร้ายทางการเมือง พวกนี้อาจจะมีเงินติดตัวไม่เกินวันละ 20 บาทก่อนมาเป็นนักการเมือง แต่พอได้เป็นขึ้นมาไม่กี่วันก็จะรีบเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี และเป็น ฯพณฯ กันขึ้นมาทันตาเห็น ถ้าหากไม่โง่เกินไปหรือเป็นไอ้หน้าโง่ก็จะอดอยากนิดหน่อย เฉพาะเพียงการลงสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส.ซึ่งพรรคพวกที่ผมเคยคุ้นเคยบอกว่า ถ้าจะเข้าพรรคการเมืองใหญ่ๆ ตอนนี้จะได้รับแจกเงินในการหาเสียงเลือกตั้งตามปกติเพียงคนละ 20 ล้านบาทเท่านั้น และสำหรับคนที่มีพรรคมีพวกจะต้องเตรียมสำรองไว้ให้อีกไม่น้อยกว่า 120 ล้านบาท คำบอกกล่าวของอาจารย์สังศิต พิริยะรังสรรค์ จากคณะรัฐศาสตร์จุฬาฯ ที่เคยเปิดเผยออกมาว่า ในการเลือกตั้งคราวต่อไปนี้ พรรคจะต้องลงทุนถึง 30,000 ล้านบาทนั้น อาจจะผิดความจริงเพียงมีกี่บาทเป็นอย่างน้อย
อาจจะเป็นไปได้ว่า คนไทยสมัยใหม่อาจจะมีไม่มากนักที่รู้จักกฎหมายนี้ แน่นอนที่สุด สำหรับเด็กรุ่นใหม่ทั้งหญิงทั้งชายที่ต่างก็เกิดมาเพื่อแย่งกันทำความชั่วต่างๆ ทุกวันนี้เท่าๆ กับนักการเมืองและผู้ใหญ่ในสังคมของเราไม่น้อย ต่างก็แข่งขันกันอยู่ด้วยความชั่วทุกอย่างตามที่กล่าวไว้ในกฎหมายฉบับนี้อย่างเอาเป็นเอาตายเช่นเดียวกัน ดู ดูเหมือนว่า คนทั้งสองประเภทนี้อาจจะไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยินชื่อกฎหมายนี้แม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ หรือแม้แต่คนรุ่นใหม่ของเราอาจจะมีบางคนอ่านหนังสือออกอยู่ไม่น้อย แต่ก็คงไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจความหมายของบทบัญญัติที่ท่านใช้ปกครองประเทศชาติและสร้างแผ่นดินไทยมาให้อยู่กันสนุกสนานอย่างทุกวันนี้
จะดีชั่วอย่างไรก็ไม่มีใครรู้ หรือแล้วแต่ใครจะคิดจะเห็นอย่างไร ก็เลือกเอาตามความพอใจ แต่ที่แน่นอนว่าที่เมืองไทยและคนไทยอยู่กันมาจนถึงปัจจุบันนี้ เราก็อยู่กันมาด้วยกฎหมายฉบับนั้น ทั้งขนบประเพณีธรรมเนียมของคนไทยที่อยู่กันมาจนทุกวันนั้นก็มาจากกฎเกณฑ์เหล่านี้ทั้งสิ้น
การนำข้อความนี้มาเสนอผู้อ่านในระยะนี้ น่าจะเป็นการเสนอเรื่องที่เหมาะสมที่สุด เพราะประเทศสุดที่รักหรือบ้านเมืองอันแสนดีของเรากำลังมีเรื่องอึกทึกครึกโครมฉาวโฉ่ไปทุกหย่อมหญ้า ในเรื่องการทำทุจริตคิดมิชอบของเจ้าขุนมูลนายในบ้านเมือง เกี่ยวกับการคอร์รัปชัน และการหลับหูหลับตาประกาศโฆษณาอย่างไม่อายผีสางเทวดาว่าจะเริ่มลงมือปราบปรามคอร์รัปชันภายในไม่กี่วันนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำได้ด้วย
แต่การทุจริตคิดมิชอบในบ้านเมืองของเจ้าขุนมูลนายของเรา เป็นพฤติกรรมที่ยั่งยืน เป็นประเพณีอันยิ่งใหญ่ที่เจ้าบ้านผ่านเมืองไทยทุกยุคทุกสมัยยึดถือ และทำตามกันมาจนกระทั่งถึงวันนี้ยังไม่หยุด
แต่ที่เรายังรักษาความเป็นไทยรอดมาได้ถึงวันนี้ เพราะคนไทยทุกคนถือว่า พระมหากษัตริย์เป็นเจ้าชีวิตของทุกคน กฎเกณฑ์และขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ที่ออกมาสู่ประชาชนนั้น ถือว่าเป็นประกาศิตอันล่วงละเมิดมิได้ มีการลงอาญาอย่างรุนแรงที่เรียกว่า พระอัยการอาญาหลวง ซึ่งมีการลงโทษสถานหนัก 10 ประการตั้งแต่ฟันคอริบเรือนและตัดมือตัดตีนแล้วยัดใส่ตรุจนกระทั่งเอามะพร้าวห้าวยัดปากและขังไว้ในตรุโดยไม่มีการยกเว้น
แต่ทุกวันนี้ เราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เราใช้รัฐธรรมนูญแทนประกาศิตแทนองค์พระมหากษัตริย์ที่ใช้ในสมัยก่อน การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้ว่าจะมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสถาบันสูงสุดเหนือหัวเหนือเกล้าเหมือนยุคเก่าก่อนก็ตาม แต่โดยความเป็นจริงแล้ว พระมหากษัตริย์ที่ใครจะละเมิดมิได้นั้น ก็จะทรงทำหน้าที่เพียงคอยรับฟังสัจปฏิญาณของสัตว์ร้ายทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยว่าจะกระทำทุกอย่างตามกฎหมายบ้านเมืองเพื่อความสุขของประชาชนในวันที่ สัตว์ร้ายทางการเมือง ขึ้นมาปกครองประเทศตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีสัตว์ร้ายกลุ่มไหนทำตามคำสัจปฏิญาณที่ได้ปฏิญาณไว้
ตรงข้าม สัตว์ร้ายทางการเมืองทุกกลุ่มทุกพวก ที่เคยถวายสัตย์ปฏิญาณโดยเจตนาอันไม่สุจริตเหล่านั้น จะกระทำทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ของตัวเอง หมู่พวกและวงศาคณาญาติของตัวเอง โกหกมดเท็จ หลอกลวงและแบ่งปันผลประโยชน์แก่ผู้ที่ร่วมในการทรยศต่อบ้านเมือง และพระมหากษัตริย์แต่เพียงประการเดียวเท่านั้น
ข่าวการฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือ "การทำนอกทำเหนือทำเหลือทำเกิน ละเมิดราชการเสีย อำพรางบังอาจกรรโชกราษฎรให้ได้ความเดือดร้อน ซึ่งเนื้อความบางวรรคบางตอนในพระอัยการอาญาหลวงฉบับนี้ คงไม่มีอะไรผิดไปจากการคอร์รัปชันที่ยิ่งใหญ่ของชาติอีกเรื่องหนึ่ง ที่บรรดาสัตว์ร้ายทางการเมือง ยุคนี้ร่วมกันทำมา นั่นคือ คดี ส.ป.ก.ซึ่งเป็นคดีปล้นเงียบๆ ของกลุ่ม สัตว์ร้ายทางการเมือง หลายกลุ่มหลายพวกทำ กันมาโดยการนำที่ดินของประเทศที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เอามาแจกแบ่งปันซื้อขายกันระหว่างนักการเมืองชาติชั่วกับผู้มีอิทธิพลทุกจังหวัดทั่วประเทศโดยรัฐบาลหลายชุด
ที่ดินของประเทศเกือบครึ่งประเทศได้ถูกนำมาซื้อขายจ่ายแจกกัน
เคยมีเรื่องอื้อฉาวกันเล็กน้อยมาก่อนในสมัยหนึ่งแล้วก็เงียบไป เพราะมีการจัดสรรกันทุกคนร่วมกินร่วมปล้นร่วมปิดบังกันในลักษณะ ทำนอกทำเหนือทำเหลือทำเกินรับสั่ง เกียจคร้านและละเมินราชการเสีย อำพรางบังอาจกรรโชกราษฎร ซึ่งถ้าเป็นสมัยโบราณคนพวกนี้จะต้องถูกฟันคอริบเรือน ตัดตีนตัดมือหรือต้องแหวะปากเอามะพร้าวยัดปากให้สะใจ
แต่ สัตว์ร้ายทางการเมือง เหล่านั้นกลับพากันประสบความสำเร็จ มีอำนาจ วาสนาและรุ่งเรืองกันถึงขนาด
ตั้งหน้าตั้งตาฉ้อฉลปล้นสะดมกันต่อไปใหม่
เกิดความบังเอิญขึ้นพอเหมาะพอดี เพราะจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ การโกหกหลอกลวงและมดเท็จประชาชนพลเมืองวาระใหม่จะเริ่มขึ้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ สัตว์ร้ายทางการเมือง พวกนี้จะต้องหาเรื่องเอะอะโวยวายสร้างความอึกทึกครึกโครมขึ้นเป็นการหาเสียงระหว่างกลุ่มต่างๆ ที่จะต้องเห่าต้องกัดกันเพื่อสร้างเงื่อนแง่ให้มีความสำคัญกว่าฝ่ายหนึ่งตามวัฒนธรรม หมากินหมา ทางการเมืองหรือ DOG EAT DOG (เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น)
ความจริงปัญหาเรื่องที่ดิน ส.ป.ก.ไม่ใช่เรื่องแปลก นโยบายคัดสรรที่ดินชื่อนี้เป็นเพียงวิธีการหาทางหากินของสัตว์ร้ายทางการเมืองที่ทำกันมาเป็นเวลาหลายปีในรัฐบาลสมัยหนึ่ง ซึ่งสมัยนั้นก็เต็มไปด้วยการทุจริตฉ้อฉลอย่างหั่นแหลกของพวก สัตว์ร้ายทางการเมือง ด้วยกัน แต่หลังจากนั้น เรื่องราวก็เงียบไป เพราะมีการแบ่งสันปันส่วนกันกินในลักษณะการ "ทำนอกทำเหนือทำเหลือทำเกิน" กันเรียบร้อยแล้ว
ทว่าการกินที่ดินของบ้านมืองที่กำลังโวยวายอยู่ในขณะนี้ มันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผิดพระบรมราชโองการ มันก็ผิดมาตั้งแต่รัฐบาลชั่วเก่าๆ จัดทำกันขึ้นเป็นเวลาหลายปีมา และถ้ามันผิดมันก็ต้องมีการสะสางลงโทษ เพื่อหาคนที่จะต้องถูกฟันคอริบเรือนกันไปนานแล้ว
เรื่องอะไรที่ความชั่วมันจะต้องไปนอนซุกหัวอยู่ที่ไหน โดยไม่มีใครเอะอะโวยวายมาเสียในระยะนั้น
เช่นเดียวกันกับบรรดาสัตว์ร้ายทางการเมืองพวกใหม่ซึ่งลุกขึ้นมาขุดเรื่องนี้ขึ้นมาแสดงความรักชาติ รักประชาชน และความดีงามของตนเอง และกลุ่มของตัวเอง ทำไมจึงมาลงมือขุดคุ้ยวันนี้ ทั้งๆ ที่รัฐบาลหรือสัตว์ร้ายทางการเมืองชุดนี้จึงไม่ทำเสียตั้งแต่สมัยที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆ เมื่อสามปีมาแล้ว
มัวแต่ไปนอนเห่านอนหอนอะไรที่ไหนอยู่
หรือกว่าการทำผิดกฎหมายที่จะต้องเอาเป็นเอาตายมันรอคอยวันเลือกตั้งถึงจะเสือกกะโหลกออกมาปรากฏตัวเอะอะโวยกันในตอนนี้
หรือระหว่างสามปีที่ขึ้นมามีอำนาจนั้น มัวแต่ไปร่วมมือกันทำมาหากินอะไรอยู่ หรือว่าเพราะ "ท่านสั่งอะไรมามิได้กระทำตาม หรือไปเกียจคร้านละเมินราชการเสีย"
เปล่าเลย, ความจริงมันก็ชั่วพอๆ กันหรือเหมือนกันนั่นเอง
เช่นเดียวกัน ผู้ที่ถูกกล่าวหาฮุบที่ดินส.ป.ก. ก็ออกมาเถียงและยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ผิด ที่ดินนั้นเป็นที่ดินหลายผืนที่รวมกันแล้วครึ่งพันไร่นั่นก็เหมือนกัน คนที่เกี่ยวข้องนั้นมีคนเชื่อว่า เป็นผู้ถือศีลบริสุทธิ์ มีศักดิ์เป็นถึงอรหันต์ ถือศีล 5 เป็นคนไม่โลภโมโทสัน เพียงแต่อยากได้อะไรที่ไม่ใช่ของตัว ก็ฮุบเอามา โดยจัดตั้งรวบรวมให้มันเป็นผืนเดียวกันแล้วจัดตั้งมูลนิธิเพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายที่ดินด้วยความชำนิชำนาญขั้นอรหันต์ แต่ความจริงแล้วกฎหมาย ส.ป.ก.เป็นกฎหมายที่ดินที่มีบัญญัติว่า ผู้ที่มีสิทธิจะได้รับการแจกจะต้องเป็นคนยากคนจนที่ไม่มีที่ทำกินเท่านั้น ไม่ว่าใครจะถือศีล 5 ศีล 1,000 หรือเป็นอรหันต์มาจากนรกขุมไหนก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย จะใช้ความกะล่อนรวบรวมเป็นของมนุษย์หรือสัตว์ประเภทไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น
กรณี ส.ป.ก.ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ความจริงมันก็คือ การคอร์รัปชันที่ทำกันมาตั้งแต่ประเทศไทยเกิดขึ้นนั่นเอง
ไม่มีทางรักษาได้ มันเป็นโรคดื้อยาชนิดหนึ่งของเมืองไทย.