รายงานพิเศษ “ค้าประเวณี ปัญหาสังคมที่รอแก้ไข” ความยาว 3 ตอนจบ
ตอน 2
คนบางคนยึดถือคติแม้เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกเส้นทางเดินของชีวิตได้ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด อาชีพโสเภณี ย่อมไม่ใช่หนทางที่เลือกเดิน แต่คนบางคนกลับใช้ชีวิตแบบไม่คิดให้เสียเวลา ทั้งยังตัดสินว่ามีเพียงอาชีพนี้ที่เป็นทางเลือกเดียวที่ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้การอ้างความยากจน ไร้การศึกษา ขาดโอกาส พ่อตาย แม่ติดคุก ถูกผัวทิ้ง ลูกยังเล็ก ฯลฯ จึงกลายเป็นเหตุผลคลาสสิกที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นคำอธิบายในกลุ่มชนที่สมัครใจดำรงชีพด้วยการค้าประเวณี ขณะที่นักสังคมสงเคราะห์ก็ฉวยใช้ปัญหามาสร้างภาพสร้างผลงานเป็นด้านหลัก
....................................
“ผมไม่มีทางเลือกพี่ ผมมายืนครั้งนี้เป็นครั้งสอง บ้านผมอยู่แถวตลิ่งชัน ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆ ให้มายืนแถวนี้ พี่ถามซอกแซกจัง จะเที่ยวหรือเปล่า ผมคิดชั่วคราว 500 น่ะไม่แพงหรอกไปโรงแรมไหนก็ได้ แต่ถ้าโรส อินน์ ตรงแถวปิ่นเกล้าก็ดีนะ ห้องไม่แพง ราคาอยู่ที่ 200-300 บาท เสร็จแล้วผมจะได้กลับมายืนต่อ” หนุ่มน้อยหน้ามน มาดแมน อายุราว 16 – 17 ปี เสนอตัวต่อ “ทีมข่าวเฉพาะกิจ” ในคราบนักเที่ยว เมื่อเห็นรถตระเวณวนรอบสวนสราญรมย์ เป็นครั้งที่สอง
นั่นคือวิถีของผู้ชายป้ายเหลืองที่ยึดทำเลทองแถวสวนสราญรมย์เป็นแหล่งทำมาหากิน ทุกค่ำคืนกลุ่มวัยรุ่นชายพวกนี้จะจับกลุ่มกันกระจายอยู่รอบสวน เชิญชวนบรรดาเกย์คิงส์ เกย์ควีน กระเทย และกระเทียม ร่วมสร้างสวรรค์บนดิน กระทั่งสวนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งที่ขึ้นชื่อว่ามีผู้ชายอย่างว่ามากที่สุด
สวนสราญรมย์ในวันนี้แตกต่างไปจากเมื่อวันวานมาก มีการติดตั้งไฟส่องสว่างสองข้างทางเพื่อป้องกันการลับลอบค้าประเวณีของกลุ่มเด็กชายวัยรุ่น แต่แสงไฟก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดค้าเนื้อสดของบรรดาผู้ชายป้ายเหลืองซบเซาลง เป็นแต่เพียงว่าต้องระมัดระวังมากขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น
“พี่เป็นตำรวจหรือเปล่า?” เป็นคำถามแรกที่หลุดจากปากของหนุ่มมาดแมน แต่กลับทาปากสีแดง เมื่อรถของ “ทีมข่าวเฉพาะกิจ” เข้าไปจอดเทียบแล้วลดกระจกลงเพื่อสนทนา
“ผมเพิ่งกลับจากโรงพัก(สน.พระราชวัง) เพราะถูกจับเมื่อกี้เอง ถูกปรับตั้ง 500 บาท” หนุ่นน้อยหน้ามนคนเดิมยืนคุยกับเราขณะที่สายตาสอดส่ายเข้ามาในรถของผู้มาเยือน
การถูกจับปรับแต่ละครั้งหมายถึงการสูญค่าตัวต่อเที่ยว ดังนั้นหนุ่มๆ หน้าตาดีที่ยืนรอแขกจึงวางมาดไม่สนใจใยดีกับผู้ผ่านทาง กระทั่งต่างฝ่ายต่างส่งสัญญาณถึงกันบรรดาเด็กหนุ่มจึงเริ่มจ้องมองมายังเป้าหมายที่คาดว่าจะเป็นลูกค้า พวกเขามองมาที่รถพร้อมกับก้มโค้งแล้วพยักหน้าให้ราวกับจะไต่ถามว่า
“สนใจพวกผมมั๊ยครับ?”
ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากการซื้อขายในช่วงแรก อาจได้รับการถักสานพัฒนากลายเป็นคู่รักขาประจำ และนั่นอาจทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายชวนสยองติดตามมาในที่สุด
พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุทธารมณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งรับผิดชอบงานด้านเด็กและสตรี กล่าวว่าปัญหาโสเภณีชายไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ห่วงในประเด็นขายบริการทางเพศ ที่น่าห่วงเป็นเรื่องการก่ออาชญากรรมมากกว่า
“คนกลุ่มนี้สภาวะอารมณ์แปรปรวนไม่คงที่ ขึ้นๆ ลงๆ อารมณ์รุนแรง หึงหวง รักแรง เกลียดแรง ทะเลาะกัน ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ลงมือทำร้ายทุบตีรุนแรง บางครั้งถึงขั้นฆ่ากัน ก่อคดีสะเทือนขวัญอย่างที่ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยๆ” รองผู้บัญชาการฯ กล่าว
ถึงแม้เจ้าหน้าที่ของรัฐฯ จะห่วงสวัสดิภาพของโสเภณีชาย แต่ชีวิตวัยคะนองรอบสวนสราญรมย์ ยังคงดำเนินไปตามปกติด้วยเหตุผลคลาสสิกที่ว่า “ผมไม่มีทางเลือก”
เฉกเช่นเดียวกับผีขนุนริมคลองหลอดที่มีเส้นทางหากินทอดยาวถึงสนามหลวงที่บอกกับเราว่า “พ่อตาย แม่ติดคุก หนูอยู่กับยาย ไม่มีเงินค่าเล่าเรียน” หญิงสาววัย 18 ปี จากดาวคะนอง ซึ่งข้ามถิ่นมาไกลถึงสนามหลวงให้เหตุผลเบื้องหลังฉากชีวิตที่เลือกไม่ได้
“ไม่มีใครต้องการทำอาชีพนี้หรอก” เธอกล่าวย้ำ
ขณะที่การพูดคุยกำลังออกรส เสียงตะโกนโหวกเหวกฟังไม่ได้ศัพท์แต่ทำให้หญิงสาวสองคนที่กำลังนั่งคุยกับ “ทีมข่าวเฉพาะกิจ” ลุกพรวดพราดวิ่งหนีเอาตัวรอดตามหลังวัยรุ่นอีกกลุ่มที่เพิ่งผ่านไป
“ตำรวจมา พ่อมึงมา” เสียงร้องบอกพรรคพวกชัดเจนขึ้น แต่คล้อยหลัง 15 นาทีเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านพ้นไป บรรยากาศการซื้อขายต่อรองก็กลับมาเหมือนเดิม
ถ้าจะว่าไปแล้ว ผีขนุน ผีมะขาม นับเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ถูกป้องปราบมากที่สุด บ่อยที่สุด แต่เพียงชั่วครู่การเร่ขายบริการทางเพศก็กลับมาคึกคักโจ่งครึ่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนจนใกล้รุ่งสางของวันใหม่
หญิงสาวคนหนึ่ง บอกว่า ถูกจับแล้วหลายครั้งและก็ปล่อยตัวออกมาโดยทางการไม่เคยเข้าไปดูแล เพื่อจัดหาอาชีพให้ทำตามที่เหล่านักสังคมสงเคราะห์ชอบให้ข่าวว่า จะเข้าไปช่วยเหลือ ดังนั้นชีวิตนี้ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเองก็อยู่ไม่ได้ ถึงแม้จะขายตัวก็ต้องยอมเพื่อความอยู่รอด
ขณะที่ผีขนุน ผีมะขาม มีให้เลือกคละเคล้ากันไประหว่างวัยรุ่นและไม่รุ่น แต่หากแวะเวียนไปที่สวนลุมพินี แหล่งค้าประเวณีใจกลางกรุงอีกแห่งจะพบเด็กสาววัยรุ่น อายุระหว่าง 14-20 ปี เป็นหลัก พวกเธอจับกลุ่มรายรอบสวนทั้งสี่ด้านที่ทีมงานลัดเลาะไปตั้งแต่ ถ.วิทยุ ผ่านหน้าสน.ลุมพินี เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.หลังสวน ซึ่งจุดที่มีการเสนอขายบริการทางเพศอยู่หน้าโรงพัก พอดิบพอดี!
“เที่ยวไหมพี่ เที่ยวไหม” เสียงร้องเรียกของบรรดาสาวรุ่นทั้งหลาย เมื่อรถของเราขับเข้าไปใกล้ชิดขอบทาง เราลดกระจกไม่กล้าลงไป เพราะย่านนี้เคยมีประวัติซ้อม จี้ชิงทรัพย์หนุ่มวัยกลัดมันทั้งหลายที่ไม่ระมัดระวังตัว
“300 บาท ค่ะพี่ แต่น้องคนนี้ 800 บาท เพิ่งมายืนไม่กี่วัน”
โอ้ พระเจ้า! เราอุทานอยู่ในใจ เพราะจากรูปร่างและหน้าตาของเธอประมาณได้ว่าอายุน่าจะอยู่ในช่วงระหว่าง 14-16 ปี
หนึ่งในทีมงานถามซอกแซกด้วยความแปลกใจสร้างความไม่พอใจแก่สาวผู้เสนอตัว แต่ข้อมูลราคาค่าบริการที่ถามไถ่รอบสวนลุมฯ จะตกอยู่ประมาณ 300 – 1,500 บาท
“300 เหมือนกันแหละพี่” หญิงสาวอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ถัดไปร้องบอกขณะที่ทีมงานลดกระจกรถลงอย่างช้าๆ พร้อมๆ กับการส่งยิ้มให้อย่างมีไมตรี “ไปเหรอเปล่าพี่ แต่ต้องโรงแรม(ทุ่งมหาเมฆ) ของหนูนะ อยู่ซอยสาทร 1 ค่าโรงแรมชั่วคราว 150 บาท ไม่แพงหรอกพี่ เนี้ยะ พี่มากัน 3 คนพอดี หนูก็ 3 คนเหมือนกัน” เธอแนะนำต้นสังกัด เมื่อเห็นว่า ท่าทีของเรากำลังจะตกลง...
ราคาที่นี่ทำไมจึงถูกกว่าย่านโรงแรมชื่อดังที่ ถ.เพชรบุรี ?
“ก็หน้าตาพวกหนูสวย สู้สาวๆ ย่านนั้นไม่ได้ กลัวตั้งราคาสูงไปแล้วหาจะแขกไม่ได้”
คำตอบสั้นๆ จากปากเธอ ทำให้เรารู้ว่าโรงแรมศูนย์แปดเพชรบุรี ที่ซอยเพชรบุรี 37 เป็นสถานที่รองรับการให้บริการแขกโดยรับหญิงค้าบริการจากย่านสวนลุมพินีด้วย
แม้ทำเลค้ากามที่สวนลุมของเด็กสาววัยรุ่นจะดูท้าทายนายตำรวจบนสถานีถึงขนาดซื้อขายกันหน้าโรงพัก แต่การเปิดเกมแมวจับหนูที่ สน.ลุมพินี ออกมาไล่กวดขันตลอดคืนก็สร้างความหวาดหวั่นและต้องเตรียมพร้อมไหวตัวให้ทันตลอดเวลา
“ตำรวจเค้ามาไล่หนูทุกคืนแหละ ที่นี่เค้าจับปรับ 100 เดียว แล้วปล่อยตัว หนูไม่รู้จะทำอย่างไร ก็มันไม่มีงานอื่นทำ ถ้าตำรวจออกมาไล่ก็วิ่งกันอย่างเดียว ตัวใครตัวมัน” แม่ค้าเนื้อสดวัยกระเตาะซึ่งยืนอยู่มุมเสาไฟฟ้าติดริมรั้วฝั่ง ถ.วิทยุ บอกกับเราก่อนลาจากกัน
ตอน 2
คนบางคนยึดถือคติแม้เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกเส้นทางเดินของชีวิตได้ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด อาชีพโสเภณี ย่อมไม่ใช่หนทางที่เลือกเดิน แต่คนบางคนกลับใช้ชีวิตแบบไม่คิดให้เสียเวลา ทั้งยังตัดสินว่ามีเพียงอาชีพนี้ที่เป็นทางเลือกเดียวที่ดีที่สุด ด้วยเหตุนี้การอ้างความยากจน ไร้การศึกษา ขาดโอกาส พ่อตาย แม่ติดคุก ถูกผัวทิ้ง ลูกยังเล็ก ฯลฯ จึงกลายเป็นเหตุผลคลาสสิกที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นคำอธิบายในกลุ่มชนที่สมัครใจดำรงชีพด้วยการค้าประเวณี ขณะที่นักสังคมสงเคราะห์ก็ฉวยใช้ปัญหามาสร้างภาพสร้างผลงานเป็นด้านหลัก
....................................
“ผมไม่มีทางเลือกพี่ ผมมายืนครั้งนี้เป็นครั้งสอง บ้านผมอยู่แถวตลิ่งชัน ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆ ให้มายืนแถวนี้ พี่ถามซอกแซกจัง จะเที่ยวหรือเปล่า ผมคิดชั่วคราว 500 น่ะไม่แพงหรอกไปโรงแรมไหนก็ได้ แต่ถ้าโรส อินน์ ตรงแถวปิ่นเกล้าก็ดีนะ ห้องไม่แพง ราคาอยู่ที่ 200-300 บาท เสร็จแล้วผมจะได้กลับมายืนต่อ” หนุ่มน้อยหน้ามน มาดแมน อายุราว 16 – 17 ปี เสนอตัวต่อ “ทีมข่าวเฉพาะกิจ” ในคราบนักเที่ยว เมื่อเห็นรถตระเวณวนรอบสวนสราญรมย์ เป็นครั้งที่สอง
นั่นคือวิถีของผู้ชายป้ายเหลืองที่ยึดทำเลทองแถวสวนสราญรมย์เป็นแหล่งทำมาหากิน ทุกค่ำคืนกลุ่มวัยรุ่นชายพวกนี้จะจับกลุ่มกันกระจายอยู่รอบสวน เชิญชวนบรรดาเกย์คิงส์ เกย์ควีน กระเทย และกระเทียม ร่วมสร้างสวรรค์บนดิน กระทั่งสวนแห่งนี้กลายเป็นแหล่งที่ขึ้นชื่อว่ามีผู้ชายอย่างว่ามากที่สุด
สวนสราญรมย์ในวันนี้แตกต่างไปจากเมื่อวันวานมาก มีการติดตั้งไฟส่องสว่างสองข้างทางเพื่อป้องกันการลับลอบค้าประเวณีของกลุ่มเด็กชายวัยรุ่น แต่แสงไฟก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดค้าเนื้อสดของบรรดาผู้ชายป้ายเหลืองซบเซาลง เป็นแต่เพียงว่าต้องระมัดระวังมากขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น
“พี่เป็นตำรวจหรือเปล่า?” เป็นคำถามแรกที่หลุดจากปากของหนุ่มมาดแมน แต่กลับทาปากสีแดง เมื่อรถของ “ทีมข่าวเฉพาะกิจ” เข้าไปจอดเทียบแล้วลดกระจกลงเพื่อสนทนา
“ผมเพิ่งกลับจากโรงพัก(สน.พระราชวัง) เพราะถูกจับเมื่อกี้เอง ถูกปรับตั้ง 500 บาท” หนุ่นน้อยหน้ามนคนเดิมยืนคุยกับเราขณะที่สายตาสอดส่ายเข้ามาในรถของผู้มาเยือน
การถูกจับปรับแต่ละครั้งหมายถึงการสูญค่าตัวต่อเที่ยว ดังนั้นหนุ่มๆ หน้าตาดีที่ยืนรอแขกจึงวางมาดไม่สนใจใยดีกับผู้ผ่านทาง กระทั่งต่างฝ่ายต่างส่งสัญญาณถึงกันบรรดาเด็กหนุ่มจึงเริ่มจ้องมองมายังเป้าหมายที่คาดว่าจะเป็นลูกค้า พวกเขามองมาที่รถพร้อมกับก้มโค้งแล้วพยักหน้าให้ราวกับจะไต่ถามว่า
“สนใจพวกผมมั๊ยครับ?”
ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากการซื้อขายในช่วงแรก อาจได้รับการถักสานพัฒนากลายเป็นคู่รักขาประจำ และนั่นอาจทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายชวนสยองติดตามมาในที่สุด
พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุทธารมณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งรับผิดชอบงานด้านเด็กและสตรี กล่าวว่าปัญหาโสเภณีชายไม่ใช่เรื่องใหม่และไม่ห่วงในประเด็นขายบริการทางเพศ ที่น่าห่วงเป็นเรื่องการก่ออาชญากรรมมากกว่า
“คนกลุ่มนี้สภาวะอารมณ์แปรปรวนไม่คงที่ ขึ้นๆ ลงๆ อารมณ์รุนแรง หึงหวง รักแรง เกลียดแรง ทะเลาะกัน ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ลงมือทำร้ายทุบตีรุนแรง บางครั้งถึงขั้นฆ่ากัน ก่อคดีสะเทือนขวัญอย่างที่ปรากฏให้เห็นอยู่บ่อยๆ” รองผู้บัญชาการฯ กล่าว
ถึงแม้เจ้าหน้าที่ของรัฐฯ จะห่วงสวัสดิภาพของโสเภณีชาย แต่ชีวิตวัยคะนองรอบสวนสราญรมย์ ยังคงดำเนินไปตามปกติด้วยเหตุผลคลาสสิกที่ว่า “ผมไม่มีทางเลือก”
เฉกเช่นเดียวกับผีขนุนริมคลองหลอดที่มีเส้นทางหากินทอดยาวถึงสนามหลวงที่บอกกับเราว่า “พ่อตาย แม่ติดคุก หนูอยู่กับยาย ไม่มีเงินค่าเล่าเรียน” หญิงสาววัย 18 ปี จากดาวคะนอง ซึ่งข้ามถิ่นมาไกลถึงสนามหลวงให้เหตุผลเบื้องหลังฉากชีวิตที่เลือกไม่ได้
“ไม่มีใครต้องการทำอาชีพนี้หรอก” เธอกล่าวย้ำ
ขณะที่การพูดคุยกำลังออกรส เสียงตะโกนโหวกเหวกฟังไม่ได้ศัพท์แต่ทำให้หญิงสาวสองคนที่กำลังนั่งคุยกับ “ทีมข่าวเฉพาะกิจ” ลุกพรวดพราดวิ่งหนีเอาตัวรอดตามหลังวัยรุ่นอีกกลุ่มที่เพิ่งผ่านไป
“ตำรวจมา พ่อมึงมา” เสียงร้องบอกพรรคพวกชัดเจนขึ้น แต่คล้อยหลัง 15 นาทีเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านพ้นไป บรรยากาศการซื้อขายต่อรองก็กลับมาเหมือนเดิม
ถ้าจะว่าไปแล้ว ผีขนุน ผีมะขาม นับเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ถูกป้องปราบมากที่สุด บ่อยที่สุด แต่เพียงชั่วครู่การเร่ขายบริการทางเพศก็กลับมาคึกคักโจ่งครึ่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนจนใกล้รุ่งสางของวันใหม่
หญิงสาวคนหนึ่ง บอกว่า ถูกจับแล้วหลายครั้งและก็ปล่อยตัวออกมาโดยทางการไม่เคยเข้าไปดูแล เพื่อจัดหาอาชีพให้ทำตามที่เหล่านักสังคมสงเคราะห์ชอบให้ข่าวว่า จะเข้าไปช่วยเหลือ ดังนั้นชีวิตนี้ถ้าไม่ช่วยเหลือตัวเองก็อยู่ไม่ได้ ถึงแม้จะขายตัวก็ต้องยอมเพื่อความอยู่รอด
ขณะที่ผีขนุน ผีมะขาม มีให้เลือกคละเคล้ากันไประหว่างวัยรุ่นและไม่รุ่น แต่หากแวะเวียนไปที่สวนลุมพินี แหล่งค้าประเวณีใจกลางกรุงอีกแห่งจะพบเด็กสาววัยรุ่น อายุระหว่าง 14-20 ปี เป็นหลัก พวกเธอจับกลุ่มรายรอบสวนทั้งสี่ด้านที่ทีมงานลัดเลาะไปตั้งแต่ ถ.วิทยุ ผ่านหน้าสน.ลุมพินี เลี้ยวซ้ายเข้า ถ.หลังสวน ซึ่งจุดที่มีการเสนอขายบริการทางเพศอยู่หน้าโรงพัก พอดิบพอดี!
“เที่ยวไหมพี่ เที่ยวไหม” เสียงร้องเรียกของบรรดาสาวรุ่นทั้งหลาย เมื่อรถของเราขับเข้าไปใกล้ชิดขอบทาง เราลดกระจกไม่กล้าลงไป เพราะย่านนี้เคยมีประวัติซ้อม จี้ชิงทรัพย์หนุ่มวัยกลัดมันทั้งหลายที่ไม่ระมัดระวังตัว
“300 บาท ค่ะพี่ แต่น้องคนนี้ 800 บาท เพิ่งมายืนไม่กี่วัน”
โอ้ พระเจ้า! เราอุทานอยู่ในใจ เพราะจากรูปร่างและหน้าตาของเธอประมาณได้ว่าอายุน่าจะอยู่ในช่วงระหว่าง 14-16 ปี
หนึ่งในทีมงานถามซอกแซกด้วยความแปลกใจสร้างความไม่พอใจแก่สาวผู้เสนอตัว แต่ข้อมูลราคาค่าบริการที่ถามไถ่รอบสวนลุมฯ จะตกอยู่ประมาณ 300 – 1,500 บาท
“300 เหมือนกันแหละพี่” หญิงสาวอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ถัดไปร้องบอกขณะที่ทีมงานลดกระจกรถลงอย่างช้าๆ พร้อมๆ กับการส่งยิ้มให้อย่างมีไมตรี “ไปเหรอเปล่าพี่ แต่ต้องโรงแรม(ทุ่งมหาเมฆ) ของหนูนะ อยู่ซอยสาทร 1 ค่าโรงแรมชั่วคราว 150 บาท ไม่แพงหรอกพี่ เนี้ยะ พี่มากัน 3 คนพอดี หนูก็ 3 คนเหมือนกัน” เธอแนะนำต้นสังกัด เมื่อเห็นว่า ท่าทีของเรากำลังจะตกลง...
ราคาที่นี่ทำไมจึงถูกกว่าย่านโรงแรมชื่อดังที่ ถ.เพชรบุรี ?
“ก็หน้าตาพวกหนูสวย สู้สาวๆ ย่านนั้นไม่ได้ กลัวตั้งราคาสูงไปแล้วหาจะแขกไม่ได้”
คำตอบสั้นๆ จากปากเธอ ทำให้เรารู้ว่าโรงแรมศูนย์แปดเพชรบุรี ที่ซอยเพชรบุรี 37 เป็นสถานที่รองรับการให้บริการแขกโดยรับหญิงค้าบริการจากย่านสวนลุมพินีด้วย
แม้ทำเลค้ากามที่สวนลุมของเด็กสาววัยรุ่นจะดูท้าทายนายตำรวจบนสถานีถึงขนาดซื้อขายกันหน้าโรงพัก แต่การเปิดเกมแมวจับหนูที่ สน.ลุมพินี ออกมาไล่กวดขันตลอดคืนก็สร้างความหวาดหวั่นและต้องเตรียมพร้อมไหวตัวให้ทันตลอดเวลา
“ตำรวจเค้ามาไล่หนูทุกคืนแหละ ที่นี่เค้าจับปรับ 100 เดียว แล้วปล่อยตัว หนูไม่รู้จะทำอย่างไร ก็มันไม่มีงานอื่นทำ ถ้าตำรวจออกมาไล่ก็วิ่งกันอย่างเดียว ตัวใครตัวมัน” แม่ค้าเนื้อสดวัยกระเตาะซึ่งยืนอยู่มุมเสาไฟฟ้าติดริมรั้วฝั่ง ถ.วิทยุ บอกกับเราก่อนลาจากกัน