xs
xsm
sm
md
lg

เอกยุทธฟ้องนายกฯ-รมต.สัปดาห์หน้าฐานทำเครดิตเสีย-ธุรกิจพังนับพันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

‘เอกยุทธ’ ไม่หยุดเคลื่อนไหวเดินหน้าฟ้อง นายกฯ รมต. และป.ป.ง.ฐานทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและเครดิต จนธุรกิจพังพันล้าน โดยจะฟ้องศาลแพ่งในประเทศและศาลโลก สัปดาห์หน้า ขณะที่ ‘สุเทพ’ ดันระดับนำ ปชป.ลงเลือกตั้ง กทม. แต่ตัวเองหนีอ้างทะเบียนบ้านไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ ‘บัญญัติ’ ขอเวลา 2 สัปดาห์ตัดสินใจ ด้าน นักวิชาการ ฟันธง กกต.ไม่มีสิทธิออกกฎเหล็กห้ามผู้สมัครเลือกตั้งทำผิด กม.ก่อนมีพระราชกฤษฎีกา แนะให้ออกเป็นคู่มือการปฎิบัติแทน

นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ประธานบริหาร เครือโอเรียนเต็ล มาร์ท กรุ๊ป ประเทศอังกฤษกล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้จะสามารถรวบรวมหลักฐานเอกสาร
ทั้งหมดเพื่อยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และ ป.ป.ง.ต่อศาลแพ่ง ที่ออกมากล่าวหา ทำให้ตนเสียชื่อเสียง เสียเครดิตในการทำการค้า ทำให้ธุรกิจของตนเสียหายเป็นพันล้านบาท และสัปดาห์หน้าจะเริ่มฟ้องนายกรัฐมนตรีต่อศาลโลกแน่นอน

นายเอกยุทธ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้คนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลต่างต้องถูกรังแก ถูกกลั่นแกล้งกันเป็นแถว ทั้งๆ ที่บุคคลเหล่านี้ ต่างไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัวไม่มีการทำงานเป็นขบวนการเพียงแต่เขารักความเป็นธรรม รัฐบาลไม่น่าจะไปยุ่งกับเขา ประเทศประชาธิปไตยไม่มีใครเขาทำกันอย่างนี้มีแต่ประเทศเผด็จการเท่านั้น

“รัฐบาลจ้องจะเชือดคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามให้หมด ผมอยากดูว่าจะเชือดได้ทั้งประเทศหรือไม่ อย่าคิดว่าเงินจะซื้อทุกอย่างได้ วันหนึ่งประชาชนจะได้เห็นธาตุแท้ ของรัฐบาลเผด็จการ” นายเอกยุทธกล่าว

ประสงค์โผล่หารือบัญญัติ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่าก่อนการประชุมคณะผู้บริหารพรรค วานนี้ (21 ก.ย.) น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ คอลัมนิสต์ชื่อดังได้เข้าพบ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค โดยบอกว่าพาเพื่อนมาพบนายบัญญัติ แต่ไม่ยอมเปิดเผยเรื่องที่จะหารือกับนายบัญญัติ ขณะที่นายบัญญัติ กล่าวว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ น.ต.ประสงค์จะมาเยี่ยมเยียนและไม่กลัวว่าการพบกับ น.ต.ประสงค์จะทำให้ถูกรัฐบาลเหมารวมว่า เป็นพวกเดียวกันกับกลุ่มคนที่จ้องล้มรัฐบาล เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเปิดกว้างพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย และการที่น.ต.ประสงค์มาพบตน ถือเป็นเรื่องปกติ คิดว่าคงมาเสนอความคิด หรือแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมือง

สุเทพดันส่งบิ๊กปชป.ลงกทม.

รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหาร และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ได้หยิบยกข้อเสนอการส่งส.ส.บัญชีรายชื่อที่ได้รับความเชื่อถือของพรรคลงสมัครส.ส.แบบระบบเขตเลือกตั้งใน กทม.มาหารือ โดยนายสุเทพระบุว่า การเสนอแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้โหนกระแสการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. แต่ต้องการให้ผู้ใหญ่หลายคนที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ ได้เข้ามาร่วมทำงานรับใช้คนกทม.เนื่องจากเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ และการเสนอแนวคิดดังกล่าวนี้ไม่ได้ดูถูกคนกรุงเทพ แต่ต้องการเสนอเป็นทางเลือก โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้เสนอตัวเพื่ออาสาเข้ามาทำงาน

รายงานข่าวแจ้งว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรค เห็นด้วยกับแนวคิดของนายสุเทพ โดยพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ และผู้ที่จะเสนอตัวต้องเต็มใจอยากจะเข้ามาทำงานในกทม.อย่างจริงจัง โดยจะไม่มีการบังคับ ซึ่งมี ส.ส.กทม. อาทิ นายกอร์ปศักดิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่พรรคมีมติให้ลงในเขตปทุมวัน ราชเทวี และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.กทม. กล่าวเห็นด้วยกับเรื่องนี้ โดยการส่งผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงลงสมัครแบบเขตเลือกตั้งในกทม.จะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับพรรค และกทม.

บัญญัติรับลูกขอเวลาพิจารณา2สัปดาห์

ในขณะที่ นายบัญญัติ ระบุว่า ยินดีจะรับข้อเสนอนี้ไว้พิจารณาเพื่อกำหนดเป็น ยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรค แต่จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง โดยให้ผู้สนใจเสนอตัวเองผ่านคณะทำงานกิจการอำนวยการ กทม.เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของคณะผู้บริหารและกรรมการบริหารพรรค ซึ่งขอเวลาพิจารณาอีก 2 สัปดาห์

ส่วนนายสุเทพที่ประกาศตัวว่าจะลงสมัครส.ส.กทม.ในตอนแรก หลังจากพิจารณาข้อกฎหมายแล้ว นายสุเทพ ไม่สามารถที่จะลงสมัครได้เพราะไม่มีสำเนาทะเบียนบ้านในกทม.และไม่ได้ศึกษาในกทม. หากจะย้ายสำเนาทะเบียนบ้านก็ไม่ครบกำหนดเวลา 1 ปี ดังนั้นนายสุเทพ ขอเป็นผู้ร่วมวางแผนและกำหนดยุทธศาสตร์เลือกตั้งกทม.

กกต.ถกออกกฎเหล็กห้ามทำผิดกม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (21 ก.ย.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 5 คนได้ร่วมประชุมกับที่ปรึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายอาทิ นายนรนิติ เศรษฐบุตร เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า นายสุรพล นิติไกรพจน์ ว่าที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับการที่ กกต. จะออกวิธีการหรือลักษณะต้องห้ามในการ หาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.และการที่จะกำหนดระยะเวลาห้ามกระทำการเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งก่อนครบวาระและก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งว่าสามารถทำได้หรือไม่

รายงานข่าวแจ้งว่า ความเห็นของนักวิชาการต่างเห็นไปแนวทางเดียวกันว่า แม้กฎหมายจะให้อำนาจกกต.ในการออกประกาศหรือระเบียบต่างๆได้ แต่หาก กฎหมายต้องการให้ กกต.ออกประกาศใดๆ ก็จะระบุไว้ท้ายมาตราว่า “ทั้งนี้ให้เป็นไปตามประกาศของกกต.” ดังนั้นหาก กกต.ไปเขียนกำหนดว่าก่อนครบวาระ 60 วันหรือ 90 วัน ห้ามกระทำการดังต่อไปนี้ ก็จะเท่ากับว่า กกต.ไปเขียนขยาย ขอบเขตอำนาจ ของกกต.เองและการใช้ดุลยพินิจของกกต.ก็จะเป็นไปโดยลำบาก

นักวิชาการยังมองว่าถึงรัฐธรรมนูญมาตรา 147 ( 3 )จะให้อำนาจกกต. ดำเนินการกับผู้ที่ กกต.มีหลักฐานว่าก่อนได้รับเลือกตั้งมาได้กระทำการไม่สุจริต เพื่อให้ตนเองได้รับเลือกตั้ง แต่โทษใบแดงถือเป็นโทษทางอาญาคือผู้ที่ถูกใบแดงจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย การจะดำเนินการจึงต้องมีกฎหมายมารองรับ ซึ่งก็ต้องยึด ตามมาตรา 40 ประกอบ 44 ของกฎหมายเลือกตั้งส.ส.และส.ว.คือเป็นการกระทำความผิดนับแต่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง

แต่ทั้งนี้การกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายเพื่อให้ตนเองได้รับเลือกตั้งที่เกิดก่อน ที่จะมีพระราชกฤษฎีกากกต.ก็สามารถเอาผิดได้แต่เป็นเพียงโทษใบเหลืองเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากเป็นการกระทำควาผิดคาบเกี่ยวก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีกา
จนถึงมีพระราชกฤษฎีกาแล้วกกต.ก็สามารถให้ใบแดงได้

แนะออกประกาศแทนออกระเบียบบังคับ
นักวิชาการได้เสนอแนะว่าเพื่อให้การทำงานของกกต.สะดวกขึ้นและเพื่อเป็นการสร้างความชัดเจนให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งแทนที่กกต.จะออกเป็นประกาศวิธีการหรือลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งก็ให้ออกเป็นหลักเกณฑ์ ในการพิจารณาใช้ดุลยพินิจของกกต.โดยระบุว่าพฤติการณ์ใดบ้างที่ไม่ควรกระทำก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งเพราะกกต.สามารถหยิบมาพิจารณาเป็นความผิดสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือมีผลให้ถูกเพิกถอนสิทธิได้ในภายหลัง

“นักกฎหมายท่านหนึ่งระบุ ให้กกต.เข้าใจโดยใช้คำว่า ถ้ามีพฤติการณ์ผิดปกติ ใดเกิดก่อนครบวาระกกต.อาจนำมาพิจารณาได้ และถ้ามีความจำเป็นที่กกต.จะต้องขีดเส้นห้ามกระทำก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเส้นที่ขีดไม่ใช่ความผิดทางอาญา แต่เป็นการที่กกต.จะดูแลอย่างจริงจังและใกล้ชิด ซึ่งเกณฑ์การกำหนด 60 วันหรือ 90
วันก่อนครบวาระมิได้เป็นการจำกัดดุลยพินิจของกกต.ที่จะไม่ดูการกระทำที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านั้น ถ้ามีความผิดปกติก่อนกกต.ก็สามารถดำเนินการได้”

ส่วนประเด็นที่อายุสภาผู้แทนฯจะสิ้นสุด กกต.สามารถขอออกพระราชกฤษฎีกา กำหนดวันเลือกตั้งก่อนได้หรือไม่โดยในวันเลือกตั้งนั้นอยู่ใน 45 วันนับแต่วันที่อายุสภาสิ้นสุดลงแล้ว

ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของ กกต.ที่จะออกประกาศห้ามกระทำการในลักษณะเข้าข่ายกระทำความผิด 60 หรือ 90 วันก่อนครบวาระ ซึ่งนักวิชาการ ได้ระบุว่าไม่สามารถกระทำได้ เพราะกฎหมายเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าการออกพระราชกฤษฎีกาจะต้องออกเมื่ออายุของสภาสิ้นสุดลงแล้วเท่านั้น

พล.ต.ต.เอกชัย วารุณประภา เลขาธิการกกต. กล่าวว่าตนจะนำความเห็นของนักกฎหมายบรรจุเป็นระเบียบวาระการประชุมวันนี้ (22 ก.ย.)ซึ่งขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯว่าจะหยิบขึ้นมาพิจารณาหรือไม่

ศาลรธน.รับรองยุบชพน.รวมทรท.

นายนพดล เฮงเจริญ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ที่ประชุม คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 15 คน ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุบพรรคชาติพัฒนาเข้ารวมกับพรรคไทยรักไทย โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยพรรคการเมือง มาตรา 65 วรรคสอง
ส่วนสมาชิกภาพของสมาชิกพรรคชาติพัฒนาที่ไม่ต้องการไปสังกัดพรรคไทยรักไทยก็ให้ดำเนินการหาพรรคสังกัดให้ได้ภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค สำหรับสมาชิกภาพ ส.ส.พรรคชาติพัฒนาที่ไปรวมกับพรรคไทยรักไทยจะนับต่อเนื่องหรือไม่ให้ กกต.พิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันเดียวกัน กกต. มีมติเกี่ยวกับการนับอายุสมาชิกชาติพัฒนา ตามข้อหารือของพรรคชาติพัฒนาที่ส่งมา โดยพล.ต.ต.เอกชัยวารุณประภา เลขาธิการ กกต.ว่ากรณีการยุบรวมพรรคนั้นสมาชิกพรรคที่ยุบ และไปสังกัดพรรคใหม่ให้เริ่มนับตั้งแต่ที่ทั้ง 2 พรรคมีมติที่ประชุมใหญ่ให้การยุบรวมและรับพรรคเข้าสังกัดโดยไม่ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบรวมพรรค
กำลังโหลดความคิดเห็น