‘กอร์ปศักดิ์’ ให้เวลา นายกฯ 30 วัน ดำเนินการเล่นงานนักการเมืองเอี่ยว ‘ราเกซ’ งาบเงิน บีบีซี ไม่เช่นนั้นเจอแฉกลางสภา ขณะที่ โฆษก ทรท.ท้าแน่จริงเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ หรือส่งหลักฐานให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการ อย่าเอามาเป็นเงื่อนไขในการข่มขู่
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้ตั้งกระทู้ถามสดรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับข้อมูล คำสารภาพ ของ นายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาคดียักยอกเงิน จากธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ จำกัด หรือ บีบีซี ซึ่งมีข้อมูลคำสารภาพพร้อมทั้งลายเซ็นต์ที่ นายราเกซ ได้ให้การเอาไว้เมื่อ 8-9 ปีที่ผ่านมา ในสมัยที่ตนได้รับมอบหมายการตรวจสอบเรื่องนี้จากรัฐบาลในขณะนั้น และได้มอบให้ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งในฐานะที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปปง.ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ ท่านต้องไปดูเอกสารชิ้นนั้น เพื่อรับทราบข้อมูลและเป็นประโยชน์ในการทำงานของ นายกฯ ว่ามีรายชื่อใครบ้างที่คนให้สารภาพ พร้อมลายเซ็นต์มอบให้ โดยตนจะรอความคืบหน้าจากนายกฯ 30 วัน ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะตรงนี้เป็น นโยบาย สำคัญในการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น
“นายกฯพูดอยู่เสมอว่า การทุจริตแม้ไม่มีใบเสร็จก็จะจัดการ แต่เอกสารชิ้นนี้ ใกล้เคียงใบเสร็จ เนื่องจากมีคำสารภาพพร้อมลายเซ็นต์ของผู้ให้ข้อมูล อีกทั้งคดีของ นายราเกซ ใกล้หมดอายุความรัฐบาลต้องรีบดำเนินการนำตัวกลับมาประเทศไทย”
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า การที่ตนเก็บเอกสารเหล่านี้ไว้ ไม่ได้หวังผลอะไร เพียงแต่เป็นคนชอบเก็บของที่สำคัญ เช่น ข่าว หนังสือพิมพ์ กรณี บีบีซี ที่ผ่านมา 7-8 ปี แล้วก็ยังอยู่ที่บ้าน
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า หาก 30 วันแล้ว นายกฯไม่ดำเนินการอะไร ตนจะตั้งกระทู้ถามอีกครั้ง พร้อมทั้งจะเปิดเผยรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะตนมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และที่สำคัญบุคคลเหล่านั้นก็อยู่ในสภาและเป็นบุคคลที่อยู่กับนายกฯ ซึ่ง ตนไว้ใจนายกฯ และเชื่อว่า ท่านจะทำเพื่อตัวท่านเอง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับความผิดกรณีแชร์ชาเตอร์ของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร แล้ว เห็นว่าลักษณะความผิดแตกต่างกัน เนื่องจากเอกสารที่ตนมีอยู่คือคำสารภาพของผู้ให้ ผ่านมา 7-8 ปีแล้ว ส่วนายเอกยุทธ ตนยังไม่เห็นหลักฐานจึงบอกอะไรไม่ได้มากนัก
ด้าน นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า คดีบีบีซี คาราคาซังมาเป็นเวลานาน และเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ดังนั้น หากฝ่ายค้านมีหลักฐานอะไร ไม่ควรนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง ควรนำมาเปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้ และยื่นให้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบ และรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่เช่นนั้นคดีบีบีซีจะเป็นเครื่องมือให้ฝ่ายค้าน นำมาเล่นได้ตลอดเวลา และหากฝ่ายค้านยังติดใจควรเล่าเรื่องทั้งหมดเพื่อรัฐบาลจะได้ตรวจสอบได้
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า นักการเมืองกลุ่ม 16 เดิมที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับคดีบีบีซีนั้น เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ถ้านายกอร์ปศักดิ์มีหลักฐานว่า บุคคลเหล่านี้ เกี่ยวข้องต้องออกมาพูดตรง ๆ ว่าใครผิด ไม่ควรนำข้อมูลออกมาขู่ และพยายามแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้มีส่วนพัวพัน ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนได้ตั้งกระทู้ถามสดรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับข้อมูล คำสารภาพ ของ นายราเกซ สักเสนา ผู้ต้องหาคดียักยอกเงิน จากธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ จำกัด หรือ บีบีซี ซึ่งมีข้อมูลคำสารภาพพร้อมทั้งลายเซ็นต์ที่ นายราเกซ ได้ให้การเอาไว้เมื่อ 8-9 ปีที่ผ่านมา ในสมัยที่ตนได้รับมอบหมายการตรวจสอบเรื่องนี้จากรัฐบาลในขณะนั้น และได้มอบให้ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งในฐานะที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปปง.ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ ท่านต้องไปดูเอกสารชิ้นนั้น เพื่อรับทราบข้อมูลและเป็นประโยชน์ในการทำงานของ นายกฯ ว่ามีรายชื่อใครบ้างที่คนให้สารภาพ พร้อมลายเซ็นต์มอบให้ โดยตนจะรอความคืบหน้าจากนายกฯ 30 วัน ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะตรงนี้เป็น นโยบาย สำคัญในการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น
“นายกฯพูดอยู่เสมอว่า การทุจริตแม้ไม่มีใบเสร็จก็จะจัดการ แต่เอกสารชิ้นนี้ ใกล้เคียงใบเสร็จ เนื่องจากมีคำสารภาพพร้อมลายเซ็นต์ของผู้ให้ข้อมูล อีกทั้งคดีของ นายราเกซ ใกล้หมดอายุความรัฐบาลต้องรีบดำเนินการนำตัวกลับมาประเทศไทย”
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า การที่ตนเก็บเอกสารเหล่านี้ไว้ ไม่ได้หวังผลอะไร เพียงแต่เป็นคนชอบเก็บของที่สำคัญ เช่น ข่าว หนังสือพิมพ์ กรณี บีบีซี ที่ผ่านมา 7-8 ปี แล้วก็ยังอยู่ที่บ้าน
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า หาก 30 วันแล้ว นายกฯไม่ดำเนินการอะไร ตนจะตั้งกระทู้ถามอีกครั้ง พร้อมทั้งจะเปิดเผยรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะตนมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และที่สำคัญบุคคลเหล่านั้นก็อยู่ในสภาและเป็นบุคคลที่อยู่กับนายกฯ ซึ่ง ตนไว้ใจนายกฯ และเชื่อว่า ท่านจะทำเพื่อตัวท่านเอง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับความผิดกรณีแชร์ชาเตอร์ของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร แล้ว เห็นว่าลักษณะความผิดแตกต่างกัน เนื่องจากเอกสารที่ตนมีอยู่คือคำสารภาพของผู้ให้ ผ่านมา 7-8 ปีแล้ว ส่วนายเอกยุทธ ตนยังไม่เห็นหลักฐานจึงบอกอะไรไม่ได้มากนัก
ด้าน นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ โฆษกพรรคไทยรักไทย กล่าวว่า คดีบีบีซี คาราคาซังมาเป็นเวลานาน และเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ดังนั้น หากฝ่ายค้านมีหลักฐานอะไร ไม่ควรนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง ควรนำมาเปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้ และยื่นให้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบ และรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่เช่นนั้นคดีบีบีซีจะเป็นเครื่องมือให้ฝ่ายค้าน นำมาเล่นได้ตลอดเวลา และหากฝ่ายค้านยังติดใจควรเล่าเรื่องทั้งหมดเพื่อรัฐบาลจะได้ตรวจสอบได้
นายสุรนันทน์ กล่าวว่า นักการเมืองกลุ่ม 16 เดิมที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับคดีบีบีซีนั้น เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ถ้านายกอร์ปศักดิ์มีหลักฐานว่า บุคคลเหล่านี้ เกี่ยวข้องต้องออกมาพูดตรง ๆ ว่าใครผิด ไม่ควรนำข้อมูลออกมาขู่ และพยายามแสดงให้เห็นว่าคนเหล่านี้มีส่วนพัวพัน ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสม