"ทักษิณ"เปิดงานยักษ์ ไทยแลนด์โฟกัส 2004วันนี้ พร้อมแสดงปาฐกถาพิเศษ โชว์ศักยภาพประเทศไทยให้บรรดากองทุนไทยเทศกว่า 300 กองทุน "สุเทพ"ประธานสภาตลาดทุนไทย หัวเรือใหญ่ชี้ 200กองทุนนอกร่วมงาน สะท้อนกระแสตอบรับดีมาก ขณะที่โบรกเกอร์เชื่อเงินไหลเข้าแน่ บิ๊ก KTC เผยล่าสุดนักลงทุนสิงคโปร์จะเพิ่มน้ำหนักลงทุนใน SET วงในเผยเบื้องหลังการจัดงานมาจาก 2 บิ๊กโบรกดัง "เอเซียพลัส" "เครดิต สวิส เฟิร์สท์ บอสตัน"อยากโรดโชว์ให้ลูกค้า จึงแนะตลท.ให้จัดใหญ่ เลยเจอเสียงนินทาลูกค้าของ 2แห่งได้เข้าร่วมงานมากกว่าใคร ขณะที่ SCIB ได้จังหวะโชว์ผลประกอบการ และทริสให้คะแนนกำกับดูแลกิจการดีมากในงาน แถมคุยนักลงทุนขอพบนอกรอบ 7 รายแล้ว
วันนี้(20 ก.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเปิดงานและแสดงปฐกถาพิเศษหัวข้อ "เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของบประเทศไทย" ในงานไทยแลนด์โฟกัส 2004 หรือ งานโรดโชว์ในประเทศ จัดขึ้นโดยสภาตลาดทุนไทย ซึ่งประกอบด้วย 6 องค์กรในตลาดทุนไทย ตลาดหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมบริษัทจดทะเบียน และสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ในระหว่างวันที่ 20-23 ก.ย.นี้ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น
นายสุเทพ พีตกานนท์ ประธานสภาตลาดทุนไทย ในฐานะหัวเรือใหญ่การจัดงานครั้งนี้ กล่าวว่า ถือเป็นงานชิ้นแรกของสภาตลาดทุนไทย ที่จัดขึ้นในกรณีพิเศษ มีนักลงทุนต่างประเทศให้ความสำคัญและเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยในงานครั้งนี้ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศ โดยจุดขายของงานนี้น่าจะอยู่ที่มีนายกรัฐมนตรีมาปาฐกถาพิเศษ รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำคัญๆ ทางเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวงการคลัง,กระทรวงไอซีที และยังได้รับรู้แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่ใน SET50 ซึ่งจะมีผู้บริหารระดับสูงมาชี้แจงซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะรับรู้ข้อมูลต่างๆเหล่านี้ในระยะเวลา 3 วัน
"ตอนแรกคาดว่าจะมีผู้จัดการกองทุนต่างประเทศเข้าร่วมงานประมาณ200 คนแต่ปรากฏว่า ข้อมูลล่าสุดได้รับการตอบรับจากผู้จัดการกองทุนต่างประเทศเข้ามามากกว่าจำนวนที่คาดไว้ นับว่าประสบความสำเร็จเกินกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างประเทศยังให้ความสนใจตลาดหุ้นไทยอยู่"
สำหรับความคาดหวังในเรื่องของเม็ดเงินที่จะไหลเข้ามานั้น ยังต้องเฝ้าติดตามดูกันต่อไปว่าจะมีการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศหรือไม่ หลังจากที่ได้รับข้อมูลจากงานไทยแลนด์โฟกัสแล้ว ส่วนเงินทุนจากต่างประเทศที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงนี้ มองว่ามาจากปัจจัยหลายอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น ทั้งเรื่องของราคาน้ำมันที่มีทิศทางที่ดีขึ้น,ทิศทางตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่ดีขึ้น,ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำทำให้มีเงินทุนไหลเข้าและเหตุการณ์ความไม่สงบต่างๆเริ่มดีขึ้น ส่วนปัจจัยเรื่องการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้นักลงทุนต่างประเทศสนใจลงทุนมากขึ้น
"อย่างที่บอกช่วงแรกว่า การจัดงานไทยแลนด์โฟกัสในครั้งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนต่างประเทศมากกว่าที่คาดการณ์ไว้"
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด กล่าวว่า การจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส คาดว่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างประเทศได้มากขึ้น เพราะตามปกติหากบริษัทในประเทศไทยเดินทางออกไปโรดโชว์ที่ต่างประเทศ นักลงทุนจะมีความเชื่อเพียง 50% เท่านั้น แต่การที่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ได้พูดคุยกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนโดยตรง และยังมีการพาไปเยี่ยมชมกิจการ จะทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นได้มากกว่าเพราะได้มาเห็นกับตาตนเอง
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนที่จะถึงวันงาน มีนักลงทุนต่างชาติเข้าดักซื้อหุ้นบลูชิพเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวขึ้นแรง เนื่องจากตามปกตินักลงทุนเหล่านี้ได้ลงทุนในบริษัทจดทะเบียนของไทยอยู่แล้ว และทราบข้อมูลของบจ.พอสมควรว่าเป็นบริษัทที่ดี ซึ่งการที่จะได้เดินทางมาเห็นของจริงจะทำให้โอกาสที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อเพิ่มมีมากขึ้น ทำให้เกิดการเข้ามาซื้อดักไว้ก่อน
อย่างไรก็ตามอาจมีส่วนหนึ่งที่มาซื้อดักไว้เพื่อขายทำกำไรเมื่อถึงวันงาน แต่คาดว่าจะมีเป็นส่วนน้อย เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว เศรษฐกิจของประเทศไทยยังถือว่าเติบโตได้ดี แม้จะมีการปรับประมาณลงเหลือเพียง 6%แต่ก็ยังดีกว่าอีกหลายประเทศ
นายกัมปนาท กล่าวว่า บล.ทรีนิตี้ประเมินว่าในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้ตลาดหุ้นไทยจะยังคงเป็นขาขึ้น แต่หลังจากนี้คือในช่วงสิ้นปียังไม่แน่นอน เพราะมีปัจจัยเสี่ยงในเรื่องของการเลือกตั้ง ทั้งของไทยและอเมริกา โดยเฉพาะในส่วนของการเลือกตั้งอเมริกาที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการก่อการร้าย ส่วนการเลือกตั้งในประเทศไทยนั้นตามสถิติพบว่า หลังการเลือกตั้งหุ้นมักจะปรับตัวลดลง
ในส่วนของธุรกิจโบรกเกอร์ มองว่าในปีนี้จะดีกว่าปีก่อน ถึงแม้ว่าตลาดจะค่อนข้างผันผวน แต่มูลค่าการซื้อขายยังหนาแน่นเมื่อเทียบกับปี 2546 ที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.89 หมื่นล้านบาทต่อวัน แต่ในปีนี้หากในช่วงที่เหลือมูลค่าการซื้อขายยืนเหนือ 2 หมื่นล้านบาทได้ คาดว่าทั้งปีน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่ามากกว่าปีก่อน ในขณะที่มีบริษัทจดทะเบียนเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้โบรกเกอร์มีรายได้เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามในปีนี้ยังไม่มีดีลขนาดใหญ่เข้ามามากนักบริษัทจดทะเบียนไทยพร้อมลุยไทยแลนด์โฟกัส มั่นใจต่างประเทศสนใจลงทุนในไทยมากขึ้น
**เบื้องหลัง 2 โบรกผู้ริเริ่มจัดงานยักษ์
แหล่งข่าว จากวงการหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า แนวคิดการจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส เกิดจาก บล.เอเซียพลัส และ บล.เครดิต สวิส เฟิร์สท์ บอสตัน (ประเทศไทย)ที่ต้องการพาลูกค้าต่างประเทศของตนเองเข้ามาเยี่ยมชมกิจการของบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย จึงไปปรึกษากับ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ จากนั้นจึงเกิดเป็นความคิดที่ว่าน่าจะจัดงานใหญ่ โดยการเชิญกองทุนต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมกิจการ บจ.ในเมืองไทย หรือการโรดโชว์ในประเทศ
ดังนั้นในส่วนของนักลงทุนสถาบันที่รับเชิญมาส่วนใหญ่จึงเป็นลูกค้าของทั้ง 2 โบรกเกอร์ โดยลูกค้าของโบรกเกอร์อื่นจะมีไม่มากนัก เพราะได้รับข้ออ้างว่ามีข้อจำกัดในด้านของสถานที่
"ที่ทราบมาคือลูกค้าของโบรกเกอร์อื่นก็จะถูกกีดกันนิดหน่อย เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย และส่วนใหญ่ต้องเป็นลูกค้าของ เอเซียพลัส และเครดิตสวิส เพราะเป็นผู้ต้นคิดจัดงาน อย่างไรก็ตามเห็นว่าการจัดงานดังกล่าวก็จะเป็นผลดีต่อประเทศไทยโดยรวม"แหล่งข่าว กล่าว
**SCIB โชว์ 7 รายขอพบนอกรอบ
นางสาวอังคณา สวัสดิ์พูล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจัดงานไทยแลนด์โฟกัส 2004 ธนาคารในฐานะที่ได้รับเชิญให้นำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน ขณะนี้ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนต่างประเทศเป็นอย่างดี ซึ่งนอกเหนือจากการนำเสนอข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนพร้อมกันในวันแรกแล้ว ยังมีนักลงทุนสนใจขอพบส่วนตัว กับธนาคารถึงวันละ 6-7 คน ซึ่งจะใช้เวลาในการสนทนาประมาณ รายละ 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ธนาคารได้เตรียมนำเสนอข้อมูลผลประกอบการ ซึ่งที่ผ่านมา พบว่า นักลงทุนให้ความสนใจในเรื่องนี้ รวมถึงธนาคารยังได้รับการจัดอันดับการกำกับดูแลกิจการจาก บริษัท ไทยเรทติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส จำกัด (ทริส) โดยได้คะแนนรวม 7.50 ซึ่ง อยู่ในระดับดี ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงให้ส่วนลดค่าธรรมเนียมรายปี 50% เป็นเวลา 2 ปี
“การจัดงานในครั้งนี้ ดีสำหรับคนไทยและและตลาดหลักทรัพย์ เพราะเป็นการพบกับนักลงทุนจำนวนมาก โดยในงานนี้เราจะได้พบกับผู้ที่ถือหุ้นของนครหลวงไทยอยู่แล้วและผู้ที่สนใจจะถือหุ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ เราก็ได้โรดโชว์ไปแล้วเมื่อต้นปีก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน”นางอังคณา กล่าว
**บิ๊กKTCเชื่อเงินไหลเข้าแน่
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี กล่าวว่า มั่นใจว่านักลงทุนต่างชาติจะให้ความสนใจมาลงทุนในประเทศไทยแน่นอน เพราะจากการที่ไปโรดโชว์ในต่างประเทศที่ผ่านมา ปรากฏว่า มีกระแสการตอบรับของนักลงทุนต่างประเทศต่อไทยเป็นอย่างดี แต่อาจจะมีบางเรื่องที่ยังมีความไม่แน่นอน คือ ความมั่นคง และความขัดแย้งของรัฐบาลด้วยกันเอง
“จากที่ผมไปโรดโชว์เมื่อ 6 เดือนท่าผ่านมา นักลงทุนสนใจมาก เจ้าใหญ่ๆ ถึง 17 รายมาขอพบเราทั้ง 3 วัน เชื่อว่างานปีนี้เงินไหลเข้าไทยแน่ๆ ดูจากคำถามที่เขาถามเราว่าจัดการเอ็นพีแอลยังไง และตอนนี้ได้ข่าวว่าสิงคโปร์ได้กลับมาเข้าตลาดหลักทรัพย์และจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนอีก ซึ่งต่างประเทศเห็นว่าไทยได้อันดับเครดิตที่ดี และการเมืองเริ่มคงที่ น้ำมันก็เริ่มนิ่ง”นายนิวัตต์ กล่าว
นายวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ต่อไปในอนาคตเงินลงทุนจากต่างประเทศจะไหลเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง จากการที่เห็นประเทศไทยมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ประกอบกับไทยมีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ที่ดีสำหรับปัญหาน้ำมันก็เป็นปัญหาทั่วโลก ส่วนปัญหาภาคใต้ เชื่อว่า หากไม่ร้อนระอุขึ้นมาถึงในกรุงเทพฯ เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ งานไทยแลนด์โฟกัส 2004 จะจัดขึ้นในวันที่ 20-23 กันยายน นี้ เป็นงานประชุมนักลงทุนสถาบันและนักวิเคราะห์จากนานาชาติ โดยประเทศไทยได้จัดเป็นปีแรก และมีผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ 50 แห่ง นำเสนอข้อมูลความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไทย ในการสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริหารกองทุนจากต่างชาติ