สายสุนีย์ จ๊ะนะ นักกีฬาฟันดาบสาวไทยประเดิมเหรียญทองแรกในการแข่งขันพาราลิมปิก หรือ โอลิมปิกสำหรับคนพิการให้กับประเทศไทยได้เป็นเหรียญแรกจากกีฬาฟันดาบประเภทเอเป้ คลาสบี โดยสายสุนีย์ สามารถเอาชนะ ยุย ซง ซานจากฮ่องกง ไปได้ในรอบชิงชนะเลิศด้วยสกอร์ 15-13 แต้ม
การฉลองชัยชนะของวีระบุรุษและวีรสตรีไทยในโอลิมปิกเกมส์ยังไม่ทันเสร็จสิ้น เสียงเพลงชาติไทยก็ดังกระหึ่มกรุงเอเธนส์อีกครั้ง เมื่อ สายสุนีย์ จ๊ะนะ สาวนักฟันดาบไทย โชว์ฟอร์มเหลือชั้นเอาชนะ ยุย ซง ชาน นักกีฬาฟันดาบจากฮ่องกง ได้ในรอบชิงชนะเลิศ คว้าเหรียญทองแรกในการแข่งขัน พาราลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 12 ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ
ก่อนที่ สายสุนีย์ จะคว้าเหรียญทองในรอบชิงชนะเลิศนั้น ต้องฝ่าด่านนักกีฬาฟันดาบจากสหรัฐอเมริกาในรอบแรก ซึ่งสายสุนีย์ เป็นฝ่ายชนะไปอย่างขาดลอยด้วยคะแนน 15-1 แต้ม ในรอบที่สอง สายสุนีย์ พบกับนักฟันดาบจากอิตาลี ที่ชนะบายมาในรอบแรก ซึ่งนักฟันดาบสาวไทยชนะไปได้อย่างงดงาม 15-13 แต้ม
รอบรองชนะเลิศ สายสุนีย์ ต้องพบกับนักฟันดาบซึ่งเป็นตัวเก็งจากโปแลนด์ และเธอก็ยงไม่พลาดเอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 9-15 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ พบกันนักฟันดาบจากฮ่องกง ยุย ซง ชาน
ซึ่งเกมในรอบชิงชนะเลิศทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างสูสีต่างฝ่ายต่างฉวยโอกาสดักแทงเข้าเป้าฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแม่นยำ จนมาเสมอกันที่ 13-13 ก่อนที่ใน 2 คะแนนสุดท้าย สายสุนีย์ จะได้โอกาสแทงเข้าเป้า 2 แต้มติด และเป็นฝ่ายเอาชนะได้อย่างหวุดหวิด 15-13 พร้อมกับคว้าเหรียญทองมาครองได้อย่างน่าประทับใจ โดย ยุย ซง ชาน ได้เหรียญเงิน ส่วนเหรียญทองแดงเป็นของ มาร์ธ่า วายซายคอฟสก้า จาก โปแลนด์
สำหรับผลงานของ สายสุนีย์ ในครั้งนี้ถือว่าทำได้อย่างทะลุเป้าเพราะทัพฟันดาบคนพิการได้รับโควตาไปเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นแต่ก็สามารถคว้าเหรียญทองมาคล้องคอได้ ทั้งนี้ภายหลังจบการแข่งขัน “สายสุนีย์” ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
"ที่มาจนถึงขั้นนี้ได้เพราะตนเองนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ตลอดเวลาเพราะทำให้รู้สึกมีสมาธิและกำลังใจดี เวลาที่ลงทำการแข่งขันพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะเมื่อผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ การแข่งขันในตอนนั้นรู้ว่าคะแนนของตนเองเป็นฝ่ายตามหลังตลอด ตอนนั้นคิดว่ามันไม่มีอะไรจะเสียแล้วก็คิดขึ้นมาว่า ฉันต้องทำให้ได้ เหลือ 2 แต้มเอง ถ้าฉัน 14 เท่า ฉันตายแน่ ก็เลยบุกไว้ก่อน ใช้จังหวะเร็วเอาไว้ก่อนตัดสินใจเอากำลังทั้งหมดทุ่มเทลงไปจนได้เหรียญทองมาครอง ถึงเวลานี้รู้สึกมีความสุขมาก และความสำเร็จทั้งหมดในวันนี้ต้องขอขอบคุณผู้ฝึกสอน และสมาคมที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด”
ประวัติโดยย่อของ สายสุนีย์ จ๊ะนะ มีพื้นเพเดิมเป็นชาวจังหวัดเชียงใหม่เกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2517 จบการศึกษาชั้นสูงสุดในระดับ มัธยมศึกษาปีที่ 6 ‘สายสุนีย์’ เริ่มต้นเส้นทางนักกีฬาฟันดาบในฐานะทีมชาติครั้งแรกในการแข่งขันเฟสปิก เกมส์ครั้งที่ 7 ณ กรุงเทพมหานคร จากนั้นก็รับใช้ชาติเรื่อยมาและได้เข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกครั้งที่ 12 ณ กรุงเอเธนส์โดยเป็นนักกีฬาที่ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นจัดอยู่ในคลาสบี เนื่องจากขาทั้งสองข้างใช้ไม่ได้ตั้งแต่กำเนิด
ทางด้านเป้าหมายของทัพนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ของไทยนั้นอยู่ไม่ต่ำกว่า 6 เหรียญ หลังจาก 4 ปีก่อนได้มา 5 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง โดยความหวังสูงสุดอยู่ที่กีฬาวีลแชร์ เรสซิ่ง และว่ายน้ำ ที่ไทยเป็นเจ้าของสถิติโลกและพาราลิมปิกอยู่หลายรายการ
การฉลองชัยชนะของวีระบุรุษและวีรสตรีไทยในโอลิมปิกเกมส์ยังไม่ทันเสร็จสิ้น เสียงเพลงชาติไทยก็ดังกระหึ่มกรุงเอเธนส์อีกครั้ง เมื่อ สายสุนีย์ จ๊ะนะ สาวนักฟันดาบไทย โชว์ฟอร์มเหลือชั้นเอาชนะ ยุย ซง ชาน นักกีฬาฟันดาบจากฮ่องกง ได้ในรอบชิงชนะเลิศ คว้าเหรียญทองแรกในการแข่งขัน พาราลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 12 ณ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ
ก่อนที่ สายสุนีย์ จะคว้าเหรียญทองในรอบชิงชนะเลิศนั้น ต้องฝ่าด่านนักกีฬาฟันดาบจากสหรัฐอเมริกาในรอบแรก ซึ่งสายสุนีย์ เป็นฝ่ายชนะไปอย่างขาดลอยด้วยคะแนน 15-1 แต้ม ในรอบที่สอง สายสุนีย์ พบกับนักฟันดาบจากอิตาลี ที่ชนะบายมาในรอบแรก ซึ่งนักฟันดาบสาวไทยชนะไปได้อย่างงดงาม 15-13 แต้ม
รอบรองชนะเลิศ สายสุนีย์ ต้องพบกับนักฟันดาบซึ่งเป็นตัวเก็งจากโปแลนด์ และเธอก็ยงไม่พลาดเอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 9-15 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ พบกันนักฟันดาบจากฮ่องกง ยุย ซง ชาน
ซึ่งเกมในรอบชิงชนะเลิศทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างสูสีต่างฝ่ายต่างฉวยโอกาสดักแทงเข้าเป้าฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแม่นยำ จนมาเสมอกันที่ 13-13 ก่อนที่ใน 2 คะแนนสุดท้าย สายสุนีย์ จะได้โอกาสแทงเข้าเป้า 2 แต้มติด และเป็นฝ่ายเอาชนะได้อย่างหวุดหวิด 15-13 พร้อมกับคว้าเหรียญทองมาครองได้อย่างน่าประทับใจ โดย ยุย ซง ชาน ได้เหรียญเงิน ส่วนเหรียญทองแดงเป็นของ มาร์ธ่า วายซายคอฟสก้า จาก โปแลนด์
สำหรับผลงานของ สายสุนีย์ ในครั้งนี้ถือว่าทำได้อย่างทะลุเป้าเพราะทัพฟันดาบคนพิการได้รับโควตาไปเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นแต่ก็สามารถคว้าเหรียญทองมาคล้องคอได้ ทั้งนี้ภายหลังจบการแข่งขัน “สายสุนีย์” ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
"ที่มาจนถึงขั้นนี้ได้เพราะตนเองนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ตลอดเวลาเพราะทำให้รู้สึกมีสมาธิและกำลังใจดี เวลาที่ลงทำการแข่งขันพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะเมื่อผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ การแข่งขันในตอนนั้นรู้ว่าคะแนนของตนเองเป็นฝ่ายตามหลังตลอด ตอนนั้นคิดว่ามันไม่มีอะไรจะเสียแล้วก็คิดขึ้นมาว่า ฉันต้องทำให้ได้ เหลือ 2 แต้มเอง ถ้าฉัน 14 เท่า ฉันตายแน่ ก็เลยบุกไว้ก่อน ใช้จังหวะเร็วเอาไว้ก่อนตัดสินใจเอากำลังทั้งหมดทุ่มเทลงไปจนได้เหรียญทองมาครอง ถึงเวลานี้รู้สึกมีความสุขมาก และความสำเร็จทั้งหมดในวันนี้ต้องขอขอบคุณผู้ฝึกสอน และสมาคมที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด”
ประวัติโดยย่อของ สายสุนีย์ จ๊ะนะ มีพื้นเพเดิมเป็นชาวจังหวัดเชียงใหม่เกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2517 จบการศึกษาชั้นสูงสุดในระดับ มัธยมศึกษาปีที่ 6 ‘สายสุนีย์’ เริ่มต้นเส้นทางนักกีฬาฟันดาบในฐานะทีมชาติครั้งแรกในการแข่งขันเฟสปิก เกมส์ครั้งที่ 7 ณ กรุงเทพมหานคร จากนั้นก็รับใช้ชาติเรื่อยมาและได้เข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกครั้งที่ 12 ณ กรุงเอเธนส์โดยเป็นนักกีฬาที่ต้องนั่งอยู่บนรถเข็นจัดอยู่ในคลาสบี เนื่องจากขาทั้งสองข้างใช้ไม่ได้ตั้งแต่กำเนิด
ทางด้านเป้าหมายของทัพนักกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ของไทยนั้นอยู่ไม่ต่ำกว่า 6 เหรียญ หลังจาก 4 ปีก่อนได้มา 5 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง โดยความหวังสูงสุดอยู่ที่กีฬาวีลแชร์ เรสซิ่ง และว่ายน้ำ ที่ไทยเป็นเจ้าของสถิติโลกและพาราลิมปิกอยู่หลายรายการ