ผู้จัดการรายวัน - "อำพน" พร้อมทำงานเป็นทีมร่วมกับ ขรก.สภาพัฒน์ เผยนายกฯยังไม่วางกรอบการทำงานให้ แต่ย้ำให้เป็นตัวของตัวเอง ยอมรับการเป็นข้าราชการ ต้องทำตามคำสั่ง แต่งานวิชาการต้องมีความเป็นอิสระในตัวเอง รับตามทัวร์นกขมิ้นกับ "ทักษิณ" ไม่เคยขาด "วิษณุ" แจงอีกรอบ เลขาฯสศช.ผ่านการคัดสรรมาอย่างดีแล้ว ด้าน "หมอจักรธรรม" ปลื้มรับตำแหน่ง ผอ.พุทธศาสนา เผยอยู่กระทรวงหมอไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ทำชัดเจน
นายอำพน กิตติอำพน ว่าที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)กล่าวถึง กระแสข่าวการต่อต้านตัวเขาจากนักวิชาการในสภาพัฒน์ ว่า เท่าที่ทราบไม่เห็นมีการต่อต้าน เพราะนับตั้งแต่ทราบข่าวได้รับตำแหน่ง บรรดาเพื่อนๆ ที่เป็นคีย์แมนในสภาพัฒน์ ก็โทรมาแสดงความยินดี ซึ่งถือเรื่องปกติ เมื่อมีการเปลี่ยนผู้นำขององค์กรก็ต้องมีการจับกลุ่มคุยกันเป็นธรรมดา
นายอำพน ยังกล่าวอีกว่าได้เข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อรายงานตัว แต่การเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการต้องรอโปรดเกล้าฯ อีกครั้ง จากการพูดคุยกับนายกฯ ท่านยังไม่ได้วางกรอบการทำงานให้ เพียงแต่พูดเปรยๆว่า ให้เป็น"ดร.กบ"คนเดิมและใช้ความรู้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่
ต่อกระแสข่าวที่มีการระบุว่านายอำพน เป็นลิ่วล้อรัฐบาล นายกฯ สามารถสั่งการได้ จึงไว้วางใจให้รับตำแหน่งนี้ นายอำพน กล่าวว่า เป็นข้าราชการผู้บังคับบัญชาสั่งการอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตาม เป็นเรื่องปกติของการทำงาน แต่ในการทำงานทางวิชาการมันเป็นอิสระในตัวของมันเอง
"ในเรื่องวิชาการสิ่งใดที่ถูกต้องก็ต้องปฏิบัติตามนั้น ซึ่งวิชาการมีความอิสระเป็นของตัวเอง ส่วนกรอบนโยบายขององค์กร ผู้บังคับบัญชาก็สามารถกำหนดหรือสั่งการได้"
ส่วนเรื่องที่ นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ให้สัมภาษณ์ ผ่านสื่อมวลชน แสดงความรู้สึกผิดหวังที่เสนอคนในเป็นเลขาฯ แต่ที่ประชุมครม.ไม่เอา ก็จะไม่ตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ท่านให้สัมภาษณ์แสดงความผิดหวังถึงสองครั้ง
นายอำพน กล่าวว่า ช่วงที่อยู่กระทรวงเกษตร ก็ทำงานทุกอย่าง ทั้งเรื่องของการพัฒนาแบบยั่งยืน ทำงานกับชุมชน และก็เคยได้รับมอบหมายให้ทำงานรับผิดชอบด้านการเจรจาระหว่างประเทศของกระทรวงเกษตรฯ เกือบทั้งหมด
ส่วนการทำงานที่ได้สัมผัสกับนายกรัฐมนตรีโดยตรงนั้น จะเป็นการประชุม และช่วงทัวร์นกขมิ้น ที่นายกรัฐมนตรีไปสำรวจปัญหาภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางส่วน ก็ตามท่านไปตลอด ยกเว้นทางใต้ที่ประสบอุบัติเหตุเลยไม่ได้ไปด้วย
"ผมไม่คิดว่างานตรงนี้เป็นเรื่องที่กดดัน แต่เป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่า ที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่า ว่าในตำแหน่งที่ได้รับผิดชอบเราจะสามารถทุ่มเท หรือดึงเอาความสามารถของเราเข้าไปทำงานร่วมกับทีม ผมมองการทำงานเป็นทีมมากกว่า เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมคิดว่า คนที่สภาพัฒน์ส่วนใหญ่ เป็นนักวิชาการ เป็นคนที่ได้รับการศึกษาสูง และเป็นคลังสมองที่สำคัญขององค์กรหนึ่งของรัฐเลยทีเดียว ดังนั้นตรงนี้การไปทำงานเพื่อส่วนรวมผมคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะสายงานที่กระทรวงเกษตรฯ ก็ทำงานเชื่อมโยงกับสภาพัฒน์มาเป็นสิบปีแล้ว และผมคิดว่าเราเข้าไปในฐานะเพื่อนร่วมงาน การรับฟังและการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การแลกเปลี่ยน ผมคิดว่าน่าจะเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น"
นางสาววิไลพร ลิ่วเกษมศานติ์ รองเลขาฯสศช. กล่าวถึงเรื่องจะแต่งชำดำประท้วงนั้นได้อ่านจากหนังสือพิมพ์เหมือนกัน ไม่ทราบมาก่อน แต่คิดว่าคนที่ทำงานตรงนี้ มานานเป็น 20 ปี ก็อยากจะหารือเหมือนกันว่า ที่เขาทำกันมาไม่เหมาะสมอย่างไร
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่ข้าราชการสภาพัฒน์ ข้องใจในการแต่งตั้งนายอำพน เป็นเลขาฯสศช.เพราะเกรงความไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ว่า ให้เป็นดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาหลายระดับที่ดูด้วยกัน การเป็นหัวหน้าหน่วยข้าราชการระดับ 11นั้นคือ การไปปกครอง บังคับบัญชา แต่ในส่วนที่รัฐบาลจะใช้งานก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ที่จะเลือกคนที่มีคุณสมบัติที่จะนำมาใช้ในการตอบสนองแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล อย่าไปคิดคิดตามแบบเดิมว่า คนที่นั่นต้องได้ขึ้น ระยะหลังจะเห็นว่ามีการสลับสับเปลี่ยนกันอยู่ และโอกาสเจริญก้าวหน้ามันก็กระจายไปทั่ว
ส่วนที่ ข้าราชการใน สศช.เกรงว่านายอำพน เชี่ยวชาญแต่เรื่องเกษตร หากมาจับงานด้านเศรษฐกิจอาจจะทำไม่ได้ นายวิษณุ กล่าวว่า คงอาศัย 2 อย่างประกอบกัน คือ ดุลพินิจผู้บังคับบัญชาที่จะเลือก ต้องดูแล้วว่านายอำพนทำได้ อีกส่วนหนึ่งนายอำพน ต้องไปเรียนรู้เอง ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนในสำนักงาน รัฐบาลจะใช้นายอำพน ในสิ่งที่นายอำพนทำได้ สิ่งที่นายอำพนทำไม่ได้ ก็ต้องมอบให้รองคนอื่นทำ ไม่ใช่ นายอำพนจะโชว์ออฟอยู่คนเดียว ส่วนใหญ่เราจะใช้นายอำพนในงานต่างประเทศ อย่างการประชุมครม.รองเลขาฯ ที่ปรึกษา ก็สามารถสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาได้
สำหรับเรื่องที่เกรงกันว่า นายอำพนจะเข้ามาเพื่อตกแต่งตัวเลขทางด้าน เศรษฐกิจให้ดูดีขึ้นนั้นนายวิษณุ กล่าวว่าให้ช่วยจับตาดูต่อไป การตกแต่งไม่ใช่ทำง่ายๆ นายอำพน คนเดียวจะมีปัญญาทำอะไรได้ สังคมเขากำลังจับตาดู และสศช.ก็มีบอร์ด ถ้าสั่งเลขาฯตกแต่งง่ายๆ ครม.ก็สั่งนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช เลขาธิการ สศช. ได้ แต่ทำไมถึงสั่งไม่ได้ เพราะนายจักรมณฑ์บอกว่าบอร์ดเป็นคนผ่านตัวเลขนี้
ด้านนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช กล่าวว่า มีความผิดหวังเล็กน้อยที่คนในสภาพัฒน์ที่ตนเสนอชื่อไปไม่ได้รับคัดเลือก แต่เมื่อเป็นการตัดสินเชิงนโยบายก็ต้องรับ
"สภาพัฒน์กำลังปรับวัฒนธรรมองค์กรใหม่ และเน้นการทำงานเป็นทีมเพราะในอดีตเลขาฯเปรียบเหมือนภาพลักษณ์ของสภาพัฒน์ และเป็นสื่อที่สำคัญต่อประชาชน ดังนั้นเลขาฯจึงต้องมีความรู้ด้านวิชาการ สามารถสื่อสารข้อมูลต่อสาธารณชนและถ่ายทอดให้คณะรัฐมนตรีเข้าใจ ประสานงานกับหน่วยราชการได้ดี เก่งในเรื่องต่างประเทศ และรักชนบท" ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศทั่วไปในสำนักงาน สศช.เมื่อวานนี้ ไม่มีมีการต่อต้านและแต่งชุดดำประท้วง ภายหลังที่มีกระแสข่าวเกิดขึ้น ซึ่งนายจักรมณฑ์ กล่าวติดตลกว่า หากแต่งชุดใหม่ ก็เป็นเพียงแฟชั่นชุดดำเท่านั้น
"จักรธรรม"ปลื้มได้ทำงานที่ถูกใจ
น.พ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังทราบข่าวการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ ว่า เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ได้รับการทาบทามจากนายวิษณุ เครืองาม ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสรรหาข้าราชการระดับ 10 และ11 และหลังจากนั้นเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาจึงได้รับคำยืนยัน
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้ว เป็นคนที่สนใจในพระศาสนามาตั้งแต่เด็ก เป็นคนรักพระ ชอบอยู่กับพระ และก็ได้ช่วยงานในตำแหน่งอุปนายกพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย มากว่า 2 ปีแล้ว โดยได้เข้าไปช่วยในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับพระศาสนาเรื่อยมา และอาจเป็นเพราะเหตุนี้เอง ที่ทำให้นายวิษณุนึกถึง
อย่างไรก็ตาม งานในตำแหน่งผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา ก็รู้สึกหนักใจอยู่เหมือนกัน เพราะมีปัญหาและมีอะไรที่ต้องทำเยอะ แต่ก็ไม่ท้อแท้ หรือไม่อยากทำ ดังนั้น จึงตอบตกลงไป เพราะอยากที่จะทำงานที่เป็นประโยชน์กับองค์รวมทางสังคม สิ่งที่ใฝ่ฝันอยากจะทำให้สำเร็จคือ อยากเห็นสำนักงานพระพุทธศาสนาเข้มแข็ง และปัญหาที่ชาวพุทธเป็นห่วงคลี่คลายลง
นายอำพน กิตติอำพน ว่าที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)กล่าวถึง กระแสข่าวการต่อต้านตัวเขาจากนักวิชาการในสภาพัฒน์ ว่า เท่าที่ทราบไม่เห็นมีการต่อต้าน เพราะนับตั้งแต่ทราบข่าวได้รับตำแหน่ง บรรดาเพื่อนๆ ที่เป็นคีย์แมนในสภาพัฒน์ ก็โทรมาแสดงความยินดี ซึ่งถือเรื่องปกติ เมื่อมีการเปลี่ยนผู้นำขององค์กรก็ต้องมีการจับกลุ่มคุยกันเป็นธรรมดา
นายอำพน ยังกล่าวอีกว่าได้เข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อรายงานตัว แต่การเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการต้องรอโปรดเกล้าฯ อีกครั้ง จากการพูดคุยกับนายกฯ ท่านยังไม่ได้วางกรอบการทำงานให้ เพียงแต่พูดเปรยๆว่า ให้เป็น"ดร.กบ"คนเดิมและใช้ความรู้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่
ต่อกระแสข่าวที่มีการระบุว่านายอำพน เป็นลิ่วล้อรัฐบาล นายกฯ สามารถสั่งการได้ จึงไว้วางใจให้รับตำแหน่งนี้ นายอำพน กล่าวว่า เป็นข้าราชการผู้บังคับบัญชาสั่งการอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตาม เป็นเรื่องปกติของการทำงาน แต่ในการทำงานทางวิชาการมันเป็นอิสระในตัวของมันเอง
"ในเรื่องวิชาการสิ่งใดที่ถูกต้องก็ต้องปฏิบัติตามนั้น ซึ่งวิชาการมีความอิสระเป็นของตัวเอง ส่วนกรอบนโยบายขององค์กร ผู้บังคับบัญชาก็สามารถกำหนดหรือสั่งการได้"
ส่วนเรื่องที่ นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ให้สัมภาษณ์ ผ่านสื่อมวลชน แสดงความรู้สึกผิดหวังที่เสนอคนในเป็นเลขาฯ แต่ที่ประชุมครม.ไม่เอา ก็จะไม่ตอบโต้ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ท่านให้สัมภาษณ์แสดงความผิดหวังถึงสองครั้ง
นายอำพน กล่าวว่า ช่วงที่อยู่กระทรวงเกษตร ก็ทำงานทุกอย่าง ทั้งเรื่องของการพัฒนาแบบยั่งยืน ทำงานกับชุมชน และก็เคยได้รับมอบหมายให้ทำงานรับผิดชอบด้านการเจรจาระหว่างประเทศของกระทรวงเกษตรฯ เกือบทั้งหมด
ส่วนการทำงานที่ได้สัมผัสกับนายกรัฐมนตรีโดยตรงนั้น จะเป็นการประชุม และช่วงทัวร์นกขมิ้น ที่นายกรัฐมนตรีไปสำรวจปัญหาภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางบางส่วน ก็ตามท่านไปตลอด ยกเว้นทางใต้ที่ประสบอุบัติเหตุเลยไม่ได้ไปด้วย
"ผมไม่คิดว่างานตรงนี้เป็นเรื่องที่กดดัน แต่เป็นเรื่องที่ท้าทายมากกว่า ที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองมากกว่า ว่าในตำแหน่งที่ได้รับผิดชอบเราจะสามารถทุ่มเท หรือดึงเอาความสามารถของเราเข้าไปทำงานร่วมกับทีม ผมมองการทำงานเป็นทีมมากกว่า เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมคิดว่า คนที่สภาพัฒน์ส่วนใหญ่ เป็นนักวิชาการ เป็นคนที่ได้รับการศึกษาสูง และเป็นคลังสมองที่สำคัญขององค์กรหนึ่งของรัฐเลยทีเดียว ดังนั้นตรงนี้การไปทำงานเพื่อส่วนรวมผมคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะสายงานที่กระทรวงเกษตรฯ ก็ทำงานเชื่อมโยงกับสภาพัฒน์มาเป็นสิบปีแล้ว และผมคิดว่าเราเข้าไปในฐานะเพื่อนร่วมงาน การรับฟังและการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การแลกเปลี่ยน ผมคิดว่าน่าจะเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น"
นางสาววิไลพร ลิ่วเกษมศานติ์ รองเลขาฯสศช. กล่าวถึงเรื่องจะแต่งชำดำประท้วงนั้นได้อ่านจากหนังสือพิมพ์เหมือนกัน ไม่ทราบมาก่อน แต่คิดว่าคนที่ทำงานตรงนี้ มานานเป็น 20 ปี ก็อยากจะหารือเหมือนกันว่า ที่เขาทำกันมาไม่เหมาะสมอย่างไร
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่ข้าราชการสภาพัฒน์ ข้องใจในการแต่งตั้งนายอำพน เป็นเลขาฯสศช.เพราะเกรงความไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ว่า ให้เป็นดุลพินิจของผู้บังคับบัญชาหลายระดับที่ดูด้วยกัน การเป็นหัวหน้าหน่วยข้าราชการระดับ 11นั้นคือ การไปปกครอง บังคับบัญชา แต่ในส่วนที่รัฐบาลจะใช้งานก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ที่จะเลือกคนที่มีคุณสมบัติที่จะนำมาใช้ในการตอบสนองแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล อย่าไปคิดคิดตามแบบเดิมว่า คนที่นั่นต้องได้ขึ้น ระยะหลังจะเห็นว่ามีการสลับสับเปลี่ยนกันอยู่ และโอกาสเจริญก้าวหน้ามันก็กระจายไปทั่ว
ส่วนที่ ข้าราชการใน สศช.เกรงว่านายอำพน เชี่ยวชาญแต่เรื่องเกษตร หากมาจับงานด้านเศรษฐกิจอาจจะทำไม่ได้ นายวิษณุ กล่าวว่า คงอาศัย 2 อย่างประกอบกัน คือ ดุลพินิจผู้บังคับบัญชาที่จะเลือก ต้องดูแล้วว่านายอำพนทำได้ อีกส่วนหนึ่งนายอำพน ต้องไปเรียนรู้เอง ต้องอาศัยความร่วมมือจากคนในสำนักงาน รัฐบาลจะใช้นายอำพน ในสิ่งที่นายอำพนทำได้ สิ่งที่นายอำพนทำไม่ได้ ก็ต้องมอบให้รองคนอื่นทำ ไม่ใช่ นายอำพนจะโชว์ออฟอยู่คนเดียว ส่วนใหญ่เราจะใช้นายอำพนในงานต่างประเทศ อย่างการประชุมครม.รองเลขาฯ ที่ปรึกษา ก็สามารถสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาได้
สำหรับเรื่องที่เกรงกันว่า นายอำพนจะเข้ามาเพื่อตกแต่งตัวเลขทางด้าน เศรษฐกิจให้ดูดีขึ้นนั้นนายวิษณุ กล่าวว่าให้ช่วยจับตาดูต่อไป การตกแต่งไม่ใช่ทำง่ายๆ นายอำพน คนเดียวจะมีปัญญาทำอะไรได้ สังคมเขากำลังจับตาดู และสศช.ก็มีบอร์ด ถ้าสั่งเลขาฯตกแต่งง่ายๆ ครม.ก็สั่งนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช เลขาธิการ สศช. ได้ แต่ทำไมถึงสั่งไม่ได้ เพราะนายจักรมณฑ์บอกว่าบอร์ดเป็นคนผ่านตัวเลขนี้
ด้านนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช กล่าวว่า มีความผิดหวังเล็กน้อยที่คนในสภาพัฒน์ที่ตนเสนอชื่อไปไม่ได้รับคัดเลือก แต่เมื่อเป็นการตัดสินเชิงนโยบายก็ต้องรับ
"สภาพัฒน์กำลังปรับวัฒนธรรมองค์กรใหม่ และเน้นการทำงานเป็นทีมเพราะในอดีตเลขาฯเปรียบเหมือนภาพลักษณ์ของสภาพัฒน์ และเป็นสื่อที่สำคัญต่อประชาชน ดังนั้นเลขาฯจึงต้องมีความรู้ด้านวิชาการ สามารถสื่อสารข้อมูลต่อสาธารณชนและถ่ายทอดให้คณะรัฐมนตรีเข้าใจ ประสานงานกับหน่วยราชการได้ดี เก่งในเรื่องต่างประเทศ และรักชนบท" ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศทั่วไปในสำนักงาน สศช.เมื่อวานนี้ ไม่มีมีการต่อต้านและแต่งชุดดำประท้วง ภายหลังที่มีกระแสข่าวเกิดขึ้น ซึ่งนายจักรมณฑ์ กล่าวติดตลกว่า หากแต่งชุดใหม่ ก็เป็นเพียงแฟชั่นชุดดำเท่านั้น
"จักรธรรม"ปลื้มได้ทำงานที่ถูกใจ
น.พ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังทราบข่าวการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ ว่า เมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ได้รับการทาบทามจากนายวิษณุ เครืองาม ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการสรรหาข้าราชการระดับ 10 และ11 และหลังจากนั้นเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาจึงได้รับคำยืนยัน
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้ว เป็นคนที่สนใจในพระศาสนามาตั้งแต่เด็ก เป็นคนรักพระ ชอบอยู่กับพระ และก็ได้ช่วยงานในตำแหน่งอุปนายกพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย มากว่า 2 ปีแล้ว โดยได้เข้าไปช่วยในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับพระศาสนาเรื่อยมา และอาจเป็นเพราะเหตุนี้เอง ที่ทำให้นายวิษณุนึกถึง
อย่างไรก็ตาม งานในตำแหน่งผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา ก็รู้สึกหนักใจอยู่เหมือนกัน เพราะมีปัญหาและมีอะไรที่ต้องทำเยอะ แต่ก็ไม่ท้อแท้ หรือไม่อยากทำ ดังนั้น จึงตอบตกลงไป เพราะอยากที่จะทำงานที่เป็นประโยชน์กับองค์รวมทางสังคม สิ่งที่ใฝ่ฝันอยากจะทำให้สำเร็จคือ อยากเห็นสำนักงานพระพุทธศาสนาเข้มแข็ง และปัญหาที่ชาวพุทธเป็นห่วงคลี่คลายลง