ศูนย์ข่าวภูมิภาค-ศาลอุทธรณ์ภาค 8 กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นไล่ "บุ่นเก้ง ศรีแสนสุชาติ" พ้นที่ดิน ส.ป.ก.2 แปลงกว่า 80 ไร่ที่เทือกเขานางพันธุรัตน์ เหตุขาดคุณสมบัติการเป็นเกษตรกรมีที่ดิน 20 แปลง ทำอาชีพค้าขายทั้งขนส่ง บ้านจัดสรร มีหุ้นและรายได้หลายสิบล้านบาท รวมทั้งที่ดินยังตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติด้วย
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (7 ก.ย.) ศาลจังหวัดภูเก็ตนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1005/43 เลขแดงที่ 1734/44 คดีสำนักงานปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องขับไล่นายบุ่นเก้ง ศรีแสนสุชาติ พ้นจากที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 2 แปลงที่บริเวณป่าเทือกเขากมลา (เทือกเขานางพันธุรัตน์) ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยฝ่ายโจทก์มีตัวแทนอัยการจังหวัดภูเก็ต และนายธีรวุฒิ ถาวรพัฒนพงศ์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ตมาฟังคำพิพากษา ขณะที่ฝ่ายจำเลยนั้นนายบุ่นเก้ง ไม่ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาพร้อมทั้งไม่ได้ส่งทนายความและตัวแทนไปฟัง
โดยศาลอุทธรณ์ได้กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น พิพากษาให้นายบุ่นเก้ง และบริวารพ้นจากที่ดิน ส.ป.ก.ทั้ง 2 แปลง เนื่องจากที่ดินทั้ง 2 แปลงตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา และนายบุ่นเก้ง ยังเคยยอมรับกับศาลชั้นต้นว่า ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจริง
นอกจากนี้นายบุ่นเก้ง ยังขาดคุณสมบัติการเป็นเกษตรกร เนื่องจากมีบริษัทถึง 4 บริษัท มีร้านค้า 1 ร้าน มีทุนจดทะเบียนหลายสิบล้านบาท ทำอาชีพค้าขายทั้งบริษัทขนส่งและบ้านจัดสรร มีรายได้จากธุรกิจการค้าปีละหลายสิบล้านบาท พร้อมทั้งมีที่ดินเป็นโฉนดที่ใช้ชื่อตนเอง และเป็นกรรมสิทธิของบริษัทต่างๆ เกือบ 20 แปลง โดยที่ดินทั้งหมดติดจำนองกับธนาคาร เพื่อนำเงินมาทำธุรกิจ จึงเชื่อไม่ได้ว่านายบุ่นเก้ง มีอาชีพหลักเป็นเกษตรกรและมีอาชีพรองทำการค้าขาย เพราะรายได้จากการค้าขายพิสูจน์ได้ว่ามากกว่าอาชีพเกษตรกรรม จึงทำให้นายบุ่นเก้ง ขาดคุณสมบัติการเป็นเกษตรกรตาม พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มาตรา 4 ศาลจึงตัดสินให้นายบุ่นเก้ง และบริวารพ้นจากที่ดิน ส.ป.ก.ทั้ง 2 แปลง
สำหรับที่ดิน ส.ป.ก.ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้นายบุ่นเก้ง และบริวารออกจากที่ดินในวันนี้มีทั้งหมด 2 แปลงพื้นที่แปลงแรก 21 ไร่ แปลงที่ 2 จำนวน 68 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขานางพันธุรัตน์ ซึ่งเป็นที่ดินในบริเวณใกล้เคียงกับที่ดินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.ทำการอายัดที่ดินของนายบุ่นเก้ง จำนวน 4 แปลง เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2547 ที่ผ่านมา เนื่องจากกองปราบปรามได้ตรวจสอบพบว่าออกเอกสารสิทธิไม่ถูกต้อง และยังมีที่ดินของนายบุ่นเก้ง และพรรคพวกอีกหลายแปลงที่บริเวณเทือกเขานางพันธุรัตน์ ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกองปราบปราม ที่คาดว่ามีการออกเอกสารสิทธิที่ไม่ถูกต้อง
สำหรับนายบุ่นเก้ง ศรีแสนสุชาติ เป็นนักธุรกิจชาวภูเก็ต เริ่มต้นการทำธุรกิจขนส่งในนามของบริษัท ภูเก็ตศรีสุชาติขนส่ง บริการขนส่งสินค้าทั่วราชอาณาจักร ซึ่งหลังจากธุรกิจขนส่งประสบความสำเร็จได้หันมาซื้อที่ดินบริเวณถนนบายพาสเป็นจำนวนมาก รวมทั้งที่ดินบริเวณเทือกเขานางพันธุรัตน์และนำที่ดินที่ซื้อมาพัฒนาในนามของโครงการศรีสุชาติแกรนด์วิว ซึ่งขณะนี้มีหลายโครงการแล้ว
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (7 ก.ย.) ศาลจังหวัดภูเก็ตนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 คดีแพ่งหมายเลขดำที่ 1005/43 เลขแดงที่ 1734/44 คดีสำนักงานปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องขับไล่นายบุ่นเก้ง ศรีแสนสุชาติ พ้นจากที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 2 แปลงที่บริเวณป่าเทือกเขากมลา (เทือกเขานางพันธุรัตน์) ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยฝ่ายโจทก์มีตัวแทนอัยการจังหวัดภูเก็ต และนายธีรวุฒิ ถาวรพัฒนพงศ์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ตมาฟังคำพิพากษา ขณะที่ฝ่ายจำเลยนั้นนายบุ่นเก้ง ไม่ได้เดินทางไปฟังคำพิพากษาพร้อมทั้งไม่ได้ส่งทนายความและตัวแทนไปฟัง
โดยศาลอุทธรณ์ได้กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น พิพากษาให้นายบุ่นเก้ง และบริวารพ้นจากที่ดิน ส.ป.ก.ทั้ง 2 แปลง เนื่องจากที่ดินทั้ง 2 แปลงตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเทือกเขากมลา และนายบุ่นเก้ง ยังเคยยอมรับกับศาลชั้นต้นว่า ที่ดินดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติจริง
นอกจากนี้นายบุ่นเก้ง ยังขาดคุณสมบัติการเป็นเกษตรกร เนื่องจากมีบริษัทถึง 4 บริษัท มีร้านค้า 1 ร้าน มีทุนจดทะเบียนหลายสิบล้านบาท ทำอาชีพค้าขายทั้งบริษัทขนส่งและบ้านจัดสรร มีรายได้จากธุรกิจการค้าปีละหลายสิบล้านบาท พร้อมทั้งมีที่ดินเป็นโฉนดที่ใช้ชื่อตนเอง และเป็นกรรมสิทธิของบริษัทต่างๆ เกือบ 20 แปลง โดยที่ดินทั้งหมดติดจำนองกับธนาคาร เพื่อนำเงินมาทำธุรกิจ จึงเชื่อไม่ได้ว่านายบุ่นเก้ง มีอาชีพหลักเป็นเกษตรกรและมีอาชีพรองทำการค้าขาย เพราะรายได้จากการค้าขายพิสูจน์ได้ว่ามากกว่าอาชีพเกษตรกรรม จึงทำให้นายบุ่นเก้ง ขาดคุณสมบัติการเป็นเกษตรกรตาม พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 มาตรา 4 ศาลจึงตัดสินให้นายบุ่นเก้ง และบริวารพ้นจากที่ดิน ส.ป.ก.ทั้ง 2 แปลง
สำหรับที่ดิน ส.ป.ก.ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาให้นายบุ่นเก้ง และบริวารออกจากที่ดินในวันนี้มีทั้งหมด 2 แปลงพื้นที่แปลงแรก 21 ไร่ แปลงที่ 2 จำนวน 68 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขานางพันธุรัตน์ ซึ่งเป็นที่ดินในบริเวณใกล้เคียงกับที่ดินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.ทำการอายัดที่ดินของนายบุ่นเก้ง จำนวน 4 แปลง เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2547 ที่ผ่านมา เนื่องจากกองปราบปรามได้ตรวจสอบพบว่าออกเอกสารสิทธิไม่ถูกต้อง และยังมีที่ดินของนายบุ่นเก้ง และพรรคพวกอีกหลายแปลงที่บริเวณเทือกเขานางพันธุรัตน์ ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกองปราบปราม ที่คาดว่ามีการออกเอกสารสิทธิที่ไม่ถูกต้อง
สำหรับนายบุ่นเก้ง ศรีแสนสุชาติ เป็นนักธุรกิจชาวภูเก็ต เริ่มต้นการทำธุรกิจขนส่งในนามของบริษัท ภูเก็ตศรีสุชาติขนส่ง บริการขนส่งสินค้าทั่วราชอาณาจักร ซึ่งหลังจากธุรกิจขนส่งประสบความสำเร็จได้หันมาซื้อที่ดินบริเวณถนนบายพาสเป็นจำนวนมาก รวมทั้งที่ดินบริเวณเทือกเขานางพันธุรัตน์และนำที่ดินที่ซื้อมาพัฒนาในนามของโครงการศรีสุชาติแกรนด์วิว ซึ่งขณะนี้มีหลายโครงการแล้ว