แบล็คแคนยอนสบช่องคนเมืองแห่จัดงานเลี้ยงมาก หันบุกธุรกิจใหม่เปิดศึกแคเทอริ่งสู้คู่แข่งเจ้าประจำ ซุ่มทำกาแฟพร้อมดื่มทดลองตลาด ตั้งเป้า 2 ปีเตรียมส่งขายนอกร้าน แนวโน้มดีเล็งตั้งโรงงาน ล่าสุด รุกเจาะช่องทางใหม่ ประกาศหันหน้าขยายสาขาในปั๊มน้ำมันและโรงพยาบาล รับนโยบายรัฐสั่งปิดห้างเร็ว ด้านคอฟฟี่เวิล์ดเอาด้วยเตรียมผุด 3 สาขาใหม่ในปั๊มน้ำมัน
นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบล็คแคนยอน(ประเทศไทย)จำกัด ผู้บริหารร้านกาแฟ แบล็คแคนยอน เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายตัวไปยังธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมอย่างต่อเนื่องพร้อมกับหาช่องทางใหม่ โดยล่าสุด มีความพร้อมที่จะหันมาทำธุรกิจการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ หรือแคเทอริ่งในลักษณะคอฟฟี่ เบรกแล้ว จำหน่ายกาแฟ เครื่องดื่ม และเบเกอรี่ รวมกว่า 30 รายการ
เนื่องจากมองภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีทำให้คนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหรือตามหัวเมืองใหญ่นิยมจัดงานเลี้ยงภายในองค์กรของตัวเองมากขึ้น จึงทำให้ตลาดนี้มีอัตราการเติบโตที่ดี
นอกจากนี้ภาพรวมของยอดขายการซื้ออาหารเครื่องดื่มกลับบ้านก็มีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน ซึ่งหลังจากที่แบล็คแคนยอนได้ทดลองจำหน่ายกาแฟบรรจุขวดพร้อมดื่ม ภายใต้ชื่อ "Black Canyon Coffee:Bottle to Go" เมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมาในทุกสาขาได้รับผลตอบรับที่ดี จึงทำให้บริษัทวางเป้าไว้ภายใน 2 ปีจะขยายช่องทางไปนอกร้าน และอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะตั้งโรงงานผลิตเองหรือจ้างที่อื่นผลิตให้ แต่จะไม่ลงไปทำตลาดกาแฟกระป๋อง เพราะแบล็คแคนยอนมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูงมาก
ส่วนแผนขยายสาขาตั้งเป้าที่จะเปิดเพิ่มให้ครบ 120 สาขา จากปัจจุบันมี 111 สาขา โดยจะมองหาช่องทางใหม่ที่ไม่จำกัดในเรื่องเวลาการเปิดให้บริการ และยิ่งรัฐบาลมีนโยบายประหยัดพลังงานด้วยวิธีขอความร่วมมือให้เปิดห้างช้าลงและปิดห้างเร็วขึ้น ยิ่งทำให้บริษัทต้องเร่งหาช่องทางใหม่ต่อเนื่อง โดยในวันที่ 9 กันยายนนี้ จะเปิดสาขาโรงพยาบาลลาดพร้าวเป็นสาขาแรกที่เปิดในโรงพยาบาล และหลังจากนี้จะเน้นขยายสาขาในปั๊มน้ำมันและโรงพยาบาลเป็นหลัก
งบลงทุนในแต่ละสาขาจะแตกต่างกัน ถ้าเป็นร้านเต็มรูปแบบ พื้นที่ 150 ตรม. ใช้เงินลงทุน 4-5 ล้านบาท ร้านขนาดเล็ก พื้นที่ 100 ตรม. ใช้เงินลงทุน 3-4 ล้านบาท ร้านในปั๊มน้ำมันและคีออส พื้นที่ 30-50 ตรม. ใช้เงินลงทุน 1-2 ล้านบาท ซึ่งสาขาในปั๊มน้ำมันก็เป็นสาขาที่ใช้เงินลงทุนน้อย ขยายได้คล่องตัว และคืนทุนเร็ว โดยบริษัทได้พูดคุยกับพันธมิตรปั๊มน้ำมันหลายราย อาทิ ปั๊มเจท บางจาก และเชลล์ ในปีนี้มีแผนจะเปิดในปั๊มน้ำมันอีกประมาณ 12 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 11 สาขา
ในขณะที่โรงพยาบาลถือว่าเป็นช่องทางที่ดี เนื่องจากโรงพยาบาลแต่ละแห่งจะมียอดผู้ป่วยนอกไม่ต่ำกว่า 500 คน และในโรงพยาบาลบางแห่งยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดเข้าไปขยายสาขาอย่างจริงจัง อีกทั้งสาขาในโรงพยาบาลสามารถเปิดบริการได้ 24 ชั่วโมง และสามารถบริการส่งยังห้องผู้ป่วยได้ด้วย
ด้านแผนการขายแฟรนไชส์ในต่างประเทศนั้นภายในช่วงสิ้นปีนี้มีแผนที่เปิดอีก 1 สาขา จากปัจจุบันมี 5 สาขา คือสิงคโปร์ 1 สาขา อินโดนีเซีย 1 สาขา และมาเลเซีย 3 สาขา โดยตั้งเป้าเติบโต 10-15% จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 730 ล้านบาท
ปัจจุบันตลาดกาแฟมีมูลค่ารวมประมาณ 15,300 ล้านบาท แบ่งเป็นกาแฟสำเร็จรูปและทรีอินวัน 6,800 ล้านบาท กาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม 6,000 ล้านบาท และร้านกาแฟคั่วบด 2,500 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ร้านกาแฟคั่วบดมีอัตราการเติบโตของธุรกิจสูงถึงปีละ 10-15% โดยแบล็คแคนยอนมีส่วนแบ่งตลาด 15-20%
คอฟฟี่เวิล์ดหันบุกปั๊มน้ำมัน
นายธวัทชัย ทองเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายแฟรนไชส์ บริษัท โกลบอล แฟรนไชส์ อาคิเท็คส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟคอฟฟี่เวิล์ด และธุรกิจอาหารภายใต้แบรนด์นิวยอร์คเดลี่ เปิดเผยว่า คอฟฟี่เวิล์ดมีแผนจะขยายสาขาใหม่ในสถานีปั้มน้ำมันย่านกรุงเทพฯ ประมาณ 3 แห่ง บนพื้นที่ประมาณ 50 ตารางเมตร ด้วยงบลงทุน 1-2 ล้านบาทต่อสาขา ส่งผลให้สิ้นปีนี้จะมีสาขาครบ 90 แห่ง จากปัจจุบัน 55 แห่ง และจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00 - 24.00 น. ซึ่งมาตรการปิดปั๊มน้ำมันเที่ยงคืนและปิดห้างเร็วขึ้นจะไม่กระทบต่อรายได้อย่างแน่นอน
ช่วงครึ่งปีแรก 2547 บริษัทมีอัตราการเติบโตประมาณ 5-10% คาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้รวมเติบโตอยู่ที่กว่า 10% เพราะขยายสาขาใหม่มากขึ้น และมีการเพิ่มเมนูใหม่ และคาดว่าภายหลังจากที่บริษัทได้ปรับปรุงรูปแบบร้านใหม่ครบทุกสาขา ประกอบกับมีการเพิ่มร้านอาหารนิวยอร์คเดลี่เข้าไปในร้านคอฟฟี่เวิร์ด และมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ปีหน้าบริษัทจะมีรายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบล็คแคนยอน(ประเทศไทย)จำกัด ผู้บริหารร้านกาแฟ แบล็คแคนยอน เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายตัวไปยังธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมอย่างต่อเนื่องพร้อมกับหาช่องทางใหม่ โดยล่าสุด มีความพร้อมที่จะหันมาทำธุรกิจการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ หรือแคเทอริ่งในลักษณะคอฟฟี่ เบรกแล้ว จำหน่ายกาแฟ เครื่องดื่ม และเบเกอรี่ รวมกว่า 30 รายการ
เนื่องจากมองภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีทำให้คนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลหรือตามหัวเมืองใหญ่นิยมจัดงานเลี้ยงภายในองค์กรของตัวเองมากขึ้น จึงทำให้ตลาดนี้มีอัตราการเติบโตที่ดี
นอกจากนี้ภาพรวมของยอดขายการซื้ออาหารเครื่องดื่มกลับบ้านก็มีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน ซึ่งหลังจากที่แบล็คแคนยอนได้ทดลองจำหน่ายกาแฟบรรจุขวดพร้อมดื่ม ภายใต้ชื่อ "Black Canyon Coffee:Bottle to Go" เมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมาในทุกสาขาได้รับผลตอบรับที่ดี จึงทำให้บริษัทวางเป้าไว้ภายใน 2 ปีจะขยายช่องทางไปนอกร้าน และอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะตั้งโรงงานผลิตเองหรือจ้างที่อื่นผลิตให้ แต่จะไม่ลงไปทำตลาดกาแฟกระป๋อง เพราะแบล็คแคนยอนมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูงมาก
ส่วนแผนขยายสาขาตั้งเป้าที่จะเปิดเพิ่มให้ครบ 120 สาขา จากปัจจุบันมี 111 สาขา โดยจะมองหาช่องทางใหม่ที่ไม่จำกัดในเรื่องเวลาการเปิดให้บริการ และยิ่งรัฐบาลมีนโยบายประหยัดพลังงานด้วยวิธีขอความร่วมมือให้เปิดห้างช้าลงและปิดห้างเร็วขึ้น ยิ่งทำให้บริษัทต้องเร่งหาช่องทางใหม่ต่อเนื่อง โดยในวันที่ 9 กันยายนนี้ จะเปิดสาขาโรงพยาบาลลาดพร้าวเป็นสาขาแรกที่เปิดในโรงพยาบาล และหลังจากนี้จะเน้นขยายสาขาในปั๊มน้ำมันและโรงพยาบาลเป็นหลัก
งบลงทุนในแต่ละสาขาจะแตกต่างกัน ถ้าเป็นร้านเต็มรูปแบบ พื้นที่ 150 ตรม. ใช้เงินลงทุน 4-5 ล้านบาท ร้านขนาดเล็ก พื้นที่ 100 ตรม. ใช้เงินลงทุน 3-4 ล้านบาท ร้านในปั๊มน้ำมันและคีออส พื้นที่ 30-50 ตรม. ใช้เงินลงทุน 1-2 ล้านบาท ซึ่งสาขาในปั๊มน้ำมันก็เป็นสาขาที่ใช้เงินลงทุนน้อย ขยายได้คล่องตัว และคืนทุนเร็ว โดยบริษัทได้พูดคุยกับพันธมิตรปั๊มน้ำมันหลายราย อาทิ ปั๊มเจท บางจาก และเชลล์ ในปีนี้มีแผนจะเปิดในปั๊มน้ำมันอีกประมาณ 12 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 11 สาขา
ในขณะที่โรงพยาบาลถือว่าเป็นช่องทางที่ดี เนื่องจากโรงพยาบาลแต่ละแห่งจะมียอดผู้ป่วยนอกไม่ต่ำกว่า 500 คน และในโรงพยาบาลบางแห่งยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดเข้าไปขยายสาขาอย่างจริงจัง อีกทั้งสาขาในโรงพยาบาลสามารถเปิดบริการได้ 24 ชั่วโมง และสามารถบริการส่งยังห้องผู้ป่วยได้ด้วย
ด้านแผนการขายแฟรนไชส์ในต่างประเทศนั้นภายในช่วงสิ้นปีนี้มีแผนที่เปิดอีก 1 สาขา จากปัจจุบันมี 5 สาขา คือสิงคโปร์ 1 สาขา อินโดนีเซีย 1 สาขา และมาเลเซีย 3 สาขา โดยตั้งเป้าเติบโต 10-15% จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 730 ล้านบาท
ปัจจุบันตลาดกาแฟมีมูลค่ารวมประมาณ 15,300 ล้านบาท แบ่งเป็นกาแฟสำเร็จรูปและทรีอินวัน 6,800 ล้านบาท กาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม 6,000 ล้านบาท และร้านกาแฟคั่วบด 2,500 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ร้านกาแฟคั่วบดมีอัตราการเติบโตของธุรกิจสูงถึงปีละ 10-15% โดยแบล็คแคนยอนมีส่วนแบ่งตลาด 15-20%
คอฟฟี่เวิล์ดหันบุกปั๊มน้ำมัน
นายธวัทชัย ทองเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายแฟรนไชส์ บริษัท โกลบอล แฟรนไชส์ อาคิเท็คส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านกาแฟคอฟฟี่เวิล์ด และธุรกิจอาหารภายใต้แบรนด์นิวยอร์คเดลี่ เปิดเผยว่า คอฟฟี่เวิล์ดมีแผนจะขยายสาขาใหม่ในสถานีปั้มน้ำมันย่านกรุงเทพฯ ประมาณ 3 แห่ง บนพื้นที่ประมาณ 50 ตารางเมตร ด้วยงบลงทุน 1-2 ล้านบาทต่อสาขา ส่งผลให้สิ้นปีนี้จะมีสาขาครบ 90 แห่ง จากปัจจุบัน 55 แห่ง และจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00 - 24.00 น. ซึ่งมาตรการปิดปั๊มน้ำมันเที่ยงคืนและปิดห้างเร็วขึ้นจะไม่กระทบต่อรายได้อย่างแน่นอน
ช่วงครึ่งปีแรก 2547 บริษัทมีอัตราการเติบโตประมาณ 5-10% คาดว่าสิ้นปีจะมีรายได้รวมเติบโตอยู่ที่กว่า 10% เพราะขยายสาขาใหม่มากขึ้น และมีการเพิ่มเมนูใหม่ และคาดว่าภายหลังจากที่บริษัทได้ปรับปรุงรูปแบบร้านใหม่ครบทุกสาขา ประกอบกับมีการเพิ่มร้านอาหารนิวยอร์คเดลี่เข้าไปในร้านคอฟฟี่เวิร์ด และมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ปีหน้าบริษัทจะมีรายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%