xs
xsm
sm
md
lg

อีเอ็มไอปรังองค์กรรับเทรนด์เปลี่ยนผุดนิวมีเดียแก้เกมยันปีนี้เป้าทรงตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - อีเอ็มไอ มิวสิคสั่งปรับโครงสร้างใหญ่ในไทย หันใช้กลยุทธ์จับมือพันธมิตรกระตุ้นตลาดเพลงพลิกฟื้น ระบุครึ่งปีแรกหดตัว 13% ประกาศแตกธุรกิจใหม่บุกดิจิตอล โมบายต่อยอดให้ธุรกิจ ตั้งเป้าปี 2548 รายได้โต 10% ชี้วัยรุ่นตัวแปรหลักทำตลาดเปลี่ยน เร่งปรับแผนนำเข้าเพลงเจาะผู้ใหญ่ลดความเสี่ยง จีเอ็มใหม่ฝันไต่ขึ้นเบอร์ 2 เบียดยูนิเวอร์แซลและวอร์เนอร์ มิวสิค

นางวรางคณา ไตรวิทยาคุณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเอ็มไอ มิวสิค (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้บริหารค่ายเพลงสากลอีเอ็มไอ เปิดเผยว่า ขณะนี้อีเอ็มไอได้เริ่มปรับโครงสร้างการบริหารงานใหม่ครั้งใหญ่ ซึ่งเริ่มทยอยปรับมาอย่างต่อเนื่อง ให้สอดรับกับสถานการณ์ในยุคดิจิตอล พร้อมขยายเข้าสู่ธุรกิจใหม่ "ดิจิตอล โมบาย" การจับมือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ เอไอเอส ดีแทค ออเร้นจ์ ไอโมบาย ชีวาส เพื่อสร้างกิจกรรมให้เป็นสีสันกับตลาดเพลงมากขึ้น รวมถึงการนำเข้าเพลงที่จับกลุ่มวัยผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย เพื่อให้รายได้ปีนี้ไม่ลดลงและในปีหน้ามีอัตราการเติบโต 5-10%

ในแง่การปรับโครงสร้างการบริหารนโยบายจากบริษัทแม่ ได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งจากกรรมการผู้จัดการที่เป็นตำแหน่งสูงสุดออกเป็นตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปแทน โดยมีตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเป็นคนแรกตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา แทนนายวิชาติ จิราธิยุทธ กรรมการผู้จัดการเดิม ตามวาระ และทีมงานบริหารใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีพื้นฐานทางด้านงานเพลงอย่างละเอียด เพราะตลาดเพลงมีความหลากหลายมากกว่าในอดีต รวมถึงการมีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ด้วย

อีกทั้ง ยังเสริมทีมงานด้านการหาสื่อใหม่หรือฝ่ายนิว มีเดียเพิ่มขึ้นมา เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจประเภทสื่อที่เกิดขึ้นใหม่ในเมืองไทย อาทิ โทรศัพท์มือถือ,รายการรูปแบบใหม่ของเคเบิ้ลทีวี,จอแอลซีดี,รถไฟลอยฟ้า,รถไฟฟ้าใต้ดิน และมีแนวโน้มที่จะมีสื่อใหม่เกิดขึ้นต่อเนื่องอีก

วิสัยทัศน์ในฐานะผู้บริหารคนใหม่มีเป้าหมายที่จะพาอีเอ็มไอขยายไปสู่ธุรกิจดิจิตอล โมบายที่ต่อยอดให้กับรายได้เดิมที่มาจากผลิตภัณฑ์เทปซีดีเพลงเพียงอย่างเดียว และจะใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างในการผลักดันให้อีเอ็มไอก้าวเป็นเบอร์ 2 ในตลาดค่ายเพลงสากลภายในปี 2548 แทนยูนิเวอร์แซลและวอร์เนอร์ มิวสิค ในขณะที่เจ้าตลาดยังคงเป็นโซนี่ มิวสิคและหากอีเอ็มไอจะเป็นอันดับ 1 คงต้องหันมาทำตลาดเพลงไทยด้วย บริษัทแม่เองหลังจากที่ยกเลิกทำตลาดเพลงไทยไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ยังไม่มีนโยบายที่จะหันกลับมาทำเพลงไทยอีก

ธุรกิจใหม่ดิจิตอลโมบายหรือธุรกิจเพลงผ่านโทรศัพท์มือถือ การดาวน์โหลดริงโทน รวมถึง โลโก้ศิลปินต่างๆ เป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงตามการเติบโตของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะเห็นได้ว่าค่ายเพลงไทยยักษ์ใหญ่ทั้งแกรมมี่และอาร์เอสก็หันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจนี้ค่อนข้างมาก เพราะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ได้ไม่น้อย แต่สำหรับอีเอ็มไอรายได้จากส่วนนี้จะเห็นได้ชัดเจนในปีหน้า คาดว่าจะมีสัดส่วน 10-15% จากรายได้เดิม 100% เป็นรายได้จากเทป ซีดีเท่านั้น

การที่อีเอ็มไอต้องหันมารุกธุรกิจอื่นเสริมกับธุรกิจหลักเพื่อต้องการรักษาฐานรายได้ไม่ให้หดตัวลง เนื่องจากปี 2546 ที่ผ่านมาตลาดเพลงรวมซึ่งแบ่งเป็นเพลงไทย 70% เพลงสากล 30% หดตัว 5% เมื่อเทียบกับปี 2545 ส่งผลให้รายได้อีเอ็มไอในไทยพลาดเป้าของบริษัทแม่ที่ตั้งไว้ 5-10% เป้ายอดขายปีนี้จึงถูกปรับให้เทียบเท่ากับปี 2546 มีมูลค่า 150 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสามารถทำได้ตามเป้าในขณะที่ตลาดรวมยังไม่ฟื้นตัว ยังคงหดตัวลงถึง 13%

ทั้งนี้ เป็นเพราะปัจจัยด้านเทปผี ซีดีเถื่อน การรับอัดเพลงนอกระบบ และราคาเครื่องเล่นวีซีดี ดีวีดีปรับตัวลดลงหลายเท่า จึงทำให้เป็นปีที่เห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่าเป็นช่วงที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเดิมเป็นฐานใหญ่ของตลาดเพลงมีสัดส่วนสูงถึง 70% หลังจากนี้จึงปรับทิศหันนำเข้าเพลงเจาะกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง ตั้งเป้าเปลี่ยนสัดส่วนทั้ง 2 กลุ่มให้เป็น 50% เท่ากัน

ปัจจัยที่ทำให้กลุ่มวัยรุ่นต้องหันไปนิยมซื้อเทป ซีดีนอกระบบหรือการสั่งทำในกลุ่มเพื่อนแทนการซื้อเทป ซีดีจริง มาจากการที่กลุ่มวัยรุ่นมีค่าใช้จ่ายที่เป็นความบันเทิงด้านอื่นเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ค่าโทรศัพท์มือถือ, ดูหนัง, ชอปปิ้ง, การเดินทาง จึงทำให้การใช้เงินกับการซื้อเทป ซีดีเพลงของจริงลดลง
กำลังโหลดความคิดเห็น