คนกรุงเลือก"อภิรักษ์"เป็นผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ชนะ"ปวีณา"ขาดลอย เจ้าของฉายา"หล่อเล็ก"ประกาศจะเร่งแก้ปัญหาของกทม.ตามที่ได้ให้สัญญาไว้ มั่นใจทำงานร่วมกับรัฐบาลได้ "ทักษิณ"ระบุผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งส.ส. เผยรู้ว่า"ปวีณา"แพ้ตั้งแต่ 8 วันที่แล้ว พร้อมแสดงความยินดีกับ"อภิรักษ์" ด้าน"เจ๊ปิ๊ก"ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี และจะไม่หวนลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.อีกแล้วเพราะอายุมากขึ้น ส่วนเส้นทางการเมืองต้องขอคิดดูก่อน ยืนยันยังจะเป็น "ปวีณา 24 ชั่วโมง" เหมือนเดิม ขณะที่"ชูวิทย์"ประกาศยกที่ดิน 6 ไร่ ย่านสุขุมวิท สร้างสวนสาธารณะ ตอบแทนน้ำใจคนกรุง
การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)ได้เริ่มต้นขึ้นในเวลา 08.00 น.วานนี้ (29ส.ค.) ก่อนการเปิดหีบบัตรเลือกตั้งให้มีการลงคะแนน คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ปลัด กทม. ได้เดินทางออกตรวจการปล่อยหีบบัตรเลือกตั้งของเขตต่างๆ และเปิดเผยว่า จากการสุ่มตรวจการปล่อยหีบบัตรเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บางเขตมีการปล่อยหีบ ตั้งแต่เวลา 04.30 น.อย่างไรก็ตาม การทำงานของเจ้าหน้าที่ช่วงเปิดหีบบัตรเลือกตั้ง 08.00 น.มีหลายหน่วยตื่นเต้น ไม่คล่อง แต่ทุกหน่วยก็เข้าระบบเรียบร้อยและไม่มีปัญหาแต่ประการใด
สำหรับบรรยากาศการออกมาลงคะแนนนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลตลอดทั้งวัน ปรากฏว่า มีนักการเมือง ตลอดจนผู้มีชื่อเสียงของสังคมทยอยไปลงคะแนนกันเป็นจำนวนมาก
ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 14 และ 15 โรงเรียนพิมลวิทย์ ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยบุตรชาย และบุตรสาว นายพานทองแท้ ชินวัตร และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร มาเดินทางไปลงคะแนนเลือกตั้งเวลาประมาณ 9.00 น. โดยที่หน่วยนี้ มีประชาชนทยอยกันมาลงคะแนนกันอย่างคึกคัก รวมไปถึงผู้พิการ สำหรับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อายุยังไม่ถึงเกณฑ์เลือกตั้งจึงไม่ได้ลงคะแนน ด้านคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ได้ไปลงคะแนนที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร เขตดุสิต
ส่วนพล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปลงคะเเนนเลือกตั้งในหน่วยที่ 71 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. โดยกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และได้ทำหน้าที่เสร็จสิ้นลงแล้ว ทั้งนี้หลังการเลือกตั้งจะเดินทางกลับ จ.กาญจนบุรี เพื่อทำหน้าที่ตามเดิม ส่วนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป คงไม่สนับสนุนผู้สมัครคนใดอีก
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 3 ขับรถส่วนตัวไปหน่วยเลือกตั้งวัดบางบอนคนเดียว โดยมีผู้ติดตาม และผู้สื่อข่าวติดตามร.ต.อ.เฉลิม เป็นจำนวนมาก ร.ต.อ.เฉลิม มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยกล่าวว่า ตื่นตั้งแต่ 6.30 น.ตามปกติ และนิมนต์พระมารับบาตรที่บ้านเหมือนทุกวัน ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ
ด้านนางปวีณา หงสกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 7 เมื่อเวลาประมาณ 9.45 น.ได้รับประทานอาหารมื้อเช้าพร้อมหน้าครอบครัว โดยถือฤกษ์ดีใส่เสื้อสีแดง เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ และทักทายกับผู้สื่อข่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยหลังจากนั้นได้เดินทางไปปล่อยปลา เพื่อเป็นศิริมงคล และเดินทางไปหน่วยเลือกตั้งที่ 59 วัดมงคลชัย เขตบางเขน เพื่อลงคะแนน
ด้านครอบครัวรัตตกุล นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมภรรยา เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 80 อาคารที่จอดรถหน้าสระน้ำ หมู่บ้านปัญญา แขวงและเขตสวนหลวง โดยนายพิจิตต รัตตกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ร่วมเดินทางไปด้วย แต่ไม่สามารถใช้สิทธิลงคะแนนครั้งนี้ได้ เนื่องจากมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ในขณะเดียวกันมีบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนได้ทยอยเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง เช่น ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในหน่วยที่ 108 เขตจตุจักร แต่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เช่นเดียวกับ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข ได้เดินทางไปลงคะแนนเสียงในหน่วยนี้เช่นกัน ขณะที่ คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปลงคะแนนไปที่หน่วยเลือกตั้งที่ 47 โรงเรียนวัดราชนัดดา แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร
นอกจากนี้ ดาราหลายคนก็ออกมาใช้สิทธิเช่นกัน อาทิ น.ส.บงกช คงมาลัย นายธงไชย แมคอินไตย์ น.ส.เมทินี กิ่งโพยม นางนุสบา ปุณณกันต์ พร้อมด้วยนายพุฒิพงศ์ ปุณณกันต์
คนกรุงใช้สิทธิ 62.50
นางณฐนนท ทวีสิน ปลัด กทม.เปิดเผยถึงผลการใช้สิทธิเลือกตั้งว่า เมื่อเวลา 21.30 น. สำนักงานเขตทั้ง 50 เขตได้รับหีบบัตรเลือกตั้งและบันทึกผลการรับหีบบัตรครบทั้ง 5,999 หน่วยแล้ว ซึ่งสถิติผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งกรุงเทพฯ คิดเป็นร้อยละ 62.50 จากเดิมที่ครั้งที่แล้วมีผู้มาใช้สิทธิ์ร้อยละ 58.80 โดยครั้งนี้เขตที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งสูงสุด ได้แก่ เขตทวีวัฒนา มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งคิดเป็นร้อยละ 68.42 เขตที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งต่ำที่สุด ได้แก่ เขตคลองเตย มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งคิดเป็นร้อยละ 52.16
ผลการหยั่งเสียง"อภิรักษ์"ชนะทุกโพล
ภายหลังปิดการลงคะแนนเลือกตั้ง สื่อมวลชนได้เปิดเผยผลการหยั่งเสียงของสำนักต่างๆ โดยโพลของสถาบันราชภัฎสวนดุสิต ร่วมกับ ไอทีวี ให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้คะแนนร้อยละ 36.03 นางปวีณา หงสกุล ได้คะแนนร้อยละ 25.53 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้คะแนนร้อยละ 19.00 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้คะแนนร้อยละ 8.95 และนายพิจิตต รัตตกุล ได้คะแนนร้อยละ 4.94 ตามลำดับ
ขณะที่โพลของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ เอไอเอส ช่อง 7 ช่อง 5 ช่อง 3 และ เนชั่นทีวี ให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้คะแนนร้อยละ 27.27 นางปวีณา หงสกุล ได้คะแนนร้อยละ 24.83 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้คะแนนร้อยละ 15.06 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้คะแนนร้อยละ 13.47 และนายพิจิตต รัตตกุล ได้คะแนนร้อยละ 7.71 และ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ได้คะแนนร้อยละ 3.78 ตามลำดับ
สำหรับโพลของช่อง 9 ร่วมกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้คะแนนร้อยละ 29.1 นางปวีณา หงสกุล ได้คะแนนร้อยละ 27.2 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้คะแนนร้อยละ 10.1 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้คะแนนร้อยละ 8.8 และนายพิจิตต รัตตกุล ได้คะแนนร้อยละ 7.3 ตามลำดับ
ปชป.รายงานจาก 50 เขตตรงสู่พรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ติดตั้งคอมพิวเตอร์รวบรวมคะแนนจาก 50 เขตใน 5 อันดับแรกโดยมีการส่งคะแนนจากผู้สังเกตการณ์ของพรรค จากสถานที่นับคะแนนเขตละ 2 คน รวมคะแนนส่งเข้ามาเป็นระยะ นอกจากนี้ ยังติดโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่ เพื่อรายงานผลการเลือกตั้ง ณ บริเวณลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม ซึ่งมีผู้ให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์กว่า 200 คน มาร่วมลุ้นคะแนน บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ผลที่ออกมานายอภิรักษ์ จะชนะเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม แต่ขณะนี้ทำพวกเรารู้สึกสบายใจพอสมควร คือประชาชนออกมาให้สิทธิ์กันอย่างเต็มที่ ถ้าสมมุติสุดท้ายผู้สมัครของพรรคเป็นผู้ชนะ คิดว่าความสำเร็จครั้งนี้เป็นของคนกทม.มากกว่าเป็นความสำเร็จของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะอย่างน้อยคิดว่าประชาชนเหล่านั้นได้ออกมาทำหน้าที่ของการมีส่วนร่วมการกำหนดตัวผู้ว่าฯกทม. ด้วยตัวของเขาเอง และที่สำคัญมากที่สุดคือน่าจะเกิดจากประชาชนพากันมาสะท้อนความรู้สึกนึกคิดที่เกี่ยวข้องกับการเมืองระดับชาติได้ไม่น้อยเหมือนกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคในฐานะ ผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่มาลงคะแนน และหากจะให้ประเมินถึงสาเหตุที่ประชาชนเลือกนายอภิรักษ์มาก ก็น่าจะเป็นเพราะความตั้งใจมุ่งมั่นและตรงไปตรงมาของนายอภิรักษ์ และทีมงานซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่
“ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้ชมเขา แต่จะเป็นการคุยกันอย่างเคร่งเครียดมากกว่า วันนี้จึงขอชมว่าเขาขยันมาก และอยากให้ขยันอย่างนี้ตลอดไป และอยากบอกว่า 7 เดือนเหน็ดเหนื่อยมากอย่างไร อีก 4 ปีจะเหนื่อยกว่านี้ เพราะ กทม.มีปัญหาหนักและซับซ้อน แต่ผมเชื่อว่าด้วยบุคคลิกของคุณอภิรักษ์จะสามารถประสานงานและได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย แม้ว่าในการแข่งขันจะเข้มข้นมาก แต่เมื่อจบไปแล้วจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เองก็พร้อมที่จะรับผิดชอบต่อการบริหารงานของคุณอภิรักษ์ด้วย อย่างไรก็ตามผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในการเลือกตั้งอื่นๆเสมอไป ขึ้นอยู่กับการทำงานของพรรคด้วย”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
พร้อมปฏิบัติภาระกิจตอบแทนคนกรุง
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ว่าที่ผู้ว่าฯกทม.จากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตั้งใจที่จะบริหารกรุงเทพฯใน 4 ภารกิจเร่งด่วน คือ จะเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวกทม.อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปัญหาจราจร มลภาวะและสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวกทม. ซึ่งชัยชนะครั้งนี้เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์มีทีมงาน ที่ประกอบด้วย ส.ส., ส.ก., ส.ข. ที่ทำงานอย่างเข้มแข็ง มีคะแนนนิยมเป็นพื้นฐาน และประชาชนพิจารณาในเรื่องนโยบายและความเหมาะสมของผู้สมัครประกอบด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสามารถร่วมงานกับรัฐบาลได้หรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า จะร่วมงานกับรัฐบาลโดยยึดทุกข์ของประชาชนเป็นหลัก เช่นโครงการจราจรเร่งด่วน 6 โครงการที่ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หากได้เป็นผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ก็จะทุ่มพลังความสามารถในการทำงานเต็มที่ โดยให้ผู้ว่าฯกทม.เป็นเจ้าภาพหลักในการเดินหน้าผลักดันเต็มที่ และหากหลังจากที่กกต.ได้รับรองผลการเลือกตั้งแล้วก็จะเริ่มผลักดันนโยบายตามที่ประกาศไว้ในปฏิญญา”กรุงเทพฯของเรา”
ส่วนสาเหตุที่ทำให้คนกรุงเทคะแนนให้นั้น นายอภิรักษ์ กล่าวว่าเป็นเพราะความมุ่งมั่นตั้งใจในการประกาศตัวตั้งแต่เดือนมกราคม และการทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ตลอดมา และประสบการณ์การบริหารพร้อมทีมงานที่มีประสบการณ์ในการทำงานแต่ละด้าน ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เตือนว่าจะต้องทำงานหนักกว่าเดิมนั้น ก็ยอมรับว่า จะทุ่มเทให้เต็มที่และจะทำงานร่วมกับข้าราชการกว่า 8 หมื่นคน
ขณะที่นางปฏิมา โกษะโยธิน ภรรยานายอภิรักษ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณชาวกทม.ที่ลงคะแนนให้กับนายอภิรักษ์ ส่วนตัวคงจะไม่สามารถช่วยงานกทม.อะไรได้ แต่จะทำหน้าที่แม่บ้านเหมือนเดิมที่เคยปฏิบัติมา ส่วนกรณีที่โดนโจมตีระหว่างหาเสียงนั้นมองว่าเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมสำหรับตนเองและครอบครัว
"ทักษิณ"แสดงความยินดีกับ"อภิรักษ์"
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ภายหลังทราบผลการเลือกตั้งในเบื้องต้นว่านายอภิรักษ์ นำเป็นอันดับ 1 ว่า นายอภิรักษ์ชนะชัดเจน และอย่างที่บอกไว้รัฐบาลพร้อมจะทำงานกับทุกคน
"กทม.เป็นเมืองหลวงต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ถ้าไม่เช่นนั้นการทำงานในส่วนงบประมาณกทม.ที่มีจำกัด แต่ปัญหาของกทม.ใหญ่ ฉะนั้นรัฐบาลจะให้การสนับสนุนเต็มที่ ใครก็ช่างที่มาเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่ประชาชนเลือกไปแล้ว รัฐบาลพร้อมจะทำงานด้วย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเลือกตั้งเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าในทางการเมืองไม่เกี่ยวกันประชาชนเวลาเลือกตั้งเหมือนถามคำถามเรื่องหนึ่ง เขาก็ตอบเรื่องหนึ่ง เขาไม่ตอบคำถามสองเรื่อง เมื่อถามว่าจะส่งผลไปถึงผลการเลือกตั้งใหญ่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวเลย เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เที่ยวนี้ ขอแสดงความยินดีกับ นายอภิรักษ์ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนในการทำงาน ในฐานะผู้ว่ากทม.ให้ประสบความสำเร็จ
เมื่อถามว่าในส่วนของพรรคไทยรักไทยคิดว่าเป็นกระแสขาลงหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าไม่เกี่ยวเพราะไทยรักไทยไม่ได้ส่ง ดังนั้นแสดงว่าเป็นเรื่องของประชาชน การเลือกนายอภิรักษ์เป็นเรื่องที่เหมาะสมเมื่อถามว่านโยบายบางอย่างขัดกับรัฐบาลจะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีหรอกการขัดกันในการทำงานเป็นเรื่องธรรมดาตราบใดที่เราไม่ไปเล่นการเมืองเท่านั้นเองไม่มีปัญหาหรอก
"โอ๊ย อันนี้ไม่เป็นไรเลย เพราะว่าในเมื่อพรรคไม่ได้ส่งใคร แล้วใครจะไปสนับสนุนใครก็เป็นอิสระของเขา ซึ่งเขาสนับสนุนผู้สมัครคนอื่นด้วยเช่นกัน ถือว่าพรรคไม่ได้ส่งเราตั้งใจอยู่แล้วว่าต้องการให้การเมืองระดับชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรามั่นใจว่าโอกาสที่เราจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกมันมี เราไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแข่งขันการเมืองระดับท้องถิ่น แต่ต้องการสนับสนุนให้ผู้บริหารท้องถิ่นที่ประชาชนเลือกมานั้นได้รับการสนับสนุนการทำงานให้ประสบความสำเร็จ" พ.ต.ทักษิณ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายของนายอภิรักษ์ โดยเฉพาะเรื่องจราจรออกมาคล้ายกับของรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเลย ต้องทำงานด้วยกันอยู่แล้วจริงๆ แล้วนโยบายจราจรของ กทม.ทำอย่างไรก็ต้องใช้เงินของรัฐบาล และทำอย่างไรรัฐบาลจะเข้าไปจัดระบบการขนส่งระดับใหญ่ซึ่ง กทม.วันนี้รถติดมาก ต้องใช้การขนส่งระดับใหญ่และเมื่อเป็นระดับใหญ่ จะไปเอาตังค์ที่ไหนก็ต้องเอาตังค์ของรัฐบาล รัฐบาลมีสำนักนโยบายขนส่ง(สนข.)โดยผู้ว่าฯกทม.เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ และตนเป็นประธาน
เมื่อถามว่านายกฯมองนายอภิรักษ์ เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่พร้อมทำงานหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ เป็นนักบริหารก็ดี ได้ใช้มิติของการบริหารไปแก้ปัญหากทม.ซึ่งค่อนข้างเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและยุ่งยาก เมื่อถามว่านายอภิรักษ์ จะทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม.ได้ดีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คนรุ่นใหม่น่าจะทำงานได้ ไม่มีปัญหาเขาคงจะไม่มีปาร์ตี้ไลน์(เส้นแบ่งทางการเมือง)มาเป็นอุปสรรคในการทำงานร่วมกับรัฐบาลมากนัก
รู้"ปวีณา"แพ้ตั้งแต่ 8 วันที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมา การทำโพล นายอภิรักษ์ นำมาตลอดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มานำช่วงหลัง เพราะว่าโพลช่วงหลังเราเห็นชัด นางปวีณาไหลลงเร็วมากตอน 8 วันสุดท้าย ตนเองรู้แล้วว่านายอภิรักษ์ ชนะ
เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่านายอภิรักษ์ ขึ้นมานำเพราะอะไร นายกฯ กล่าวว่าตัวเลือกตัวแรกมันเหมือนกับฝุ่นตลบ คนยังมองหาไม่เห็นว่าจะเอาอย่างไร พอฝุ่นหายตลบคนก็ตัดสินใจได้ว่าควรจะเลือกใคร นี่เป็นเรื่องปกติที่คนกรุงเทพฯต้องใช้วิจารณญาณในการเลือกคนมาทำงานให้เขาได้ เพราะเขามั่นใจว่า นายอภิรักษ์ ยังดูหนุ่มซึ่งเป็นนักบริหารมาก่อนน่าจะทำงานได้
การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคจะเน้นคนรุ่นใหม่ไฟแรงลงสนามมากขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่อง ส.ส.ไม่เหมือนกัน เขาเลือก ส.ส.มาทำงานในสภา พรรคต่างหากที่เป็นคนเลือกรัฐมนตรี แต่ว่าผู้ว่าฯกทม. มันเป็นการสมัครมาเป็นนักบริหาร มันคนละแบบเลยเรื่องพวกนี้ประชาชนแยกแยะออกหมด ถ้าคนเข้าใจเรื่องจิตวิทยามวลชน ก็จะเข้าใจได้ดี
"เจ๊ปิ๊ก"ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
นางปวีณา หงสกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. กล่าวภายหลังการนับคะแนนดำเนินไปได้ครึ่งทาง โดยนายอภิรักษ์ มีคะแนนนำห่าง ว่า ขอยอมรับความพ่ายแพ้ และยินดีกับผู้ที่ได้ตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้ด้วยความจริงใจ ซึ่งสาเหตุที่แพ้เกิดจากตนลงสมัครในนามผู้สมัครอิสระ ทำให้สู้ไม่ได้ แม้ว่าจะมีฐานเสียงของตนเองบ้าง แต่เมื่อมีกระแสอะไรเข้ามาก็มีผลให้คะแนนในฐานของตนเองเกิดการถ่ายเทไปที่อื่นได้ แต่ก็ต้องยอมรับความจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดผลการนับคะแนนบางเขตเลือกตั้งนายอภิรักษ์ จึงมีคะแนนนำ ทั้งที่เป็นพื้นที่ฐานเสียงของนางปวีณา โดยนางปวีณา กล่าวว่า ในส่วนนั้นขอให้ติดตามการนับคะแนนให้เสร็จสิ้นลงก่อน เพราะการนับคะแนนยังไม่เสร็จ นอกจากนี้ก็คงไม่ร้องเรียนคัดค้านผลการเลือกตั้ง แม้ว่าจะพบการทุจริตบ้างก็ตาม
“ในอนาคตคงไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แล้ว เนื่องจากมีอายุมากเกินไป น่าจะมีคนที่เหมาะสม มีความสามารถมาสมัครแข่งขันเพื่อรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพมากกว่า ส่วนอนาคตทางการเมืองคงต้องดูก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป” นางปวีณา กล่าวและว่า “จะไม่ย่อท้อและขอเป็นปวีณา 24 ชั่วโมงต่อไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางปวีณา เตรียมตัวที่จะไปพักผ่อนที่แอตแลนต้า ประเทศสหรัฐอเมริกาในเร็วๆ นี้ ภายหลังพบความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ให้กับนายอภิรักษ์
“ชูวิทย์”นำที่ดิน 6ไร่ ตอบแทนคนกรุง
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายอภิรักษ์ เพราะคาดหมายแล้วว่าน่าจะได้รับเลือกตั้ง ขอฝากระยะเวลา 4 ปี เป็นงานหนัก คนกรุงเทพฯ ทุกคนรอความหวัง และเชื่อในศักยภาพของนายอภิรักษ์ และการสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์ คงจะไปถึงจุดมุ่งหมายได้ และเนื่องในวันเกิดของตน วันนี้ มีคนมาอวยพร ก็ขอมอบพรนี้แก่นายอภิรักษ์ ทำงานในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำเร็จตามความหวังของคนกรุงเทพฯ
นายชูวิทย์ เปิดเผยด้วยว่า เตรียมโครงการใหญ่ที่จะทำให้คนกรุงเทพฯ ด้วยการนำที่ดินส่วนตัวบนถนนสุขุมวิท 10 จำนวน 6ไร่ มาสร้างเป็นสวนสาธารณะ ห้องสมุด และสถานที่รับเลี้ยงเด็ก โดยจะล้มโครงการเดิมที่ออกแบบไว้แล้วมูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเสียค่าออกแบบไปแล้ว 25 ล้านบาท แต่จะนำมาทำให้สะใจ ให้คนที่เลือกตน และคนที่ไม่เลือก และปรามาสเหยียดหยาม จะได้รู้ว่า คนอย่างชูวิทย์ เป็นคนทำจริง และคืนกำไรให้สังคมอยู่เสมอ โครงการที่จะทำนี้จะบริหารโดยมูลนิธิต้นตระกูลกมลวิศิษฏ์ ซึ่งจะเร่งทำให้เสร็จภายใน 1 ปี หรือเร็วกว่านี้ เพื่อเปิดให้ประชาชนใช้
“มานะ”เผยได้ทำดีที่สุดแล้ว
นายมานะ มหาสุวีระชัย ผู้สมัครหมายเลข 5 กล่าวว่า ไม่รู้สึกเสียใจอะไร เพราะได้ทำดีที่สุดแล้ว ได้คะแนนเท่าใดก็เท่านั้น และต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ลงคะแนนให้ ทั้งนี้ สิ่งที่ได้จากการลงสมัคร คือ การตกผลึกทางความคิด เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหา กทม.ซึ่งที่ผ่านมาปัญหากทม.มีมาโดยตลอด แต่ไม่มีใครที่สามารถตกผลึกความคิดในการแก้ไขปัญหาได้ จึงรู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ทำงาน อย่างไรก็ตาม ขอฝากผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ว่า อย่าทำให้ประชาชนผิดหวังก็แล้วกัน และหากจะนำวิธีการที่ตนได้นำเสนอไปใช้ก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์ เพราะวิธีการของตนมีความสั้น ง่าย
ส่วนอนาคตทางการเมืองนั้น นายมานะ กล่าวว่า คงอยู่ในวงการการเมืองต่อไป ซึ่งจะทำอะไรต่อไปนั้น จะต้องหารือกับญาติและพรรคพวกก่อน แต่คงจะอยู่ในกทม.ไม่กลับไปจ.ศรีสะเกษอีกแล้ว ซึ่งในเรื่องของการลงสมัคร ส.ส.นั้น ขณะนี้ยังไม่คิด และยังไม่มีอะไรแน่นอน
สำหรับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตผู้ว่าฯกทม.ที่ให้การสนับสนุนนั้น นายมานะ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณที่ได้ช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ ซึ่งรู้สึกประทับใจ เพราะพล.ต.จำลอง มีความซื่อสัตย์ จึงต้องการจะให้กำลังใจในการทำงานต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงบทเรียนในการลงสมัครครั้งนี้ นายมานะ กล่าวว่า ได้ข้อสรุปว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจในเนื้อหาสาระ คือ วิธีการในการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ที่ตนไม่เสนอนโยบาย เพราะเห็นว่าเรื่องนี้สามารถหลอกลวงกันได้ แต่ได้นำเสนอวิธีการปฏิบัติที่เป็นระบบ ที่ผ่านมาปัญหาของชาติมักจะพูดกันเรื่อยเปื่อย แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มองได้ 2 ทาง คือ ประชาชนต้องการของจริง หรือ แปรตามกระแสของคนในสังคม ที่เอาสีสันเป็นหลัก หากเป็นส่วนหลังนี้ตนก็คงประสบความสำเร็จทางการเมืองได้ยาก
“ดร.โจ”ยอมรับความพ่ายแพ้
นายพิจิตต รัตนกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 19 กล่าวภายหลังทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ โดยยอมรับความพ่ายแพ้ ว่า ตนเองอาจจะไม่เหมาะกับตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.แล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็คงต้องประเมินตัวเอง แบบตรงไปตรงมา ไม่เข้าข้างว่าประชาชนอยากให้เป็นอะไร และยังมีคุณค่าต่อประชาชนอยู่หรือไม่ ก่อนที่จะกำหนดอนาคตต่อไป ยืนยันหากมีโอกาสขอทำงานท้องถิ่นต่อและไม่จำกัดวงอยู่ใน กทม.เท่านั้น เพราะตนได้ทำงานด้านการกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นหัวใจของประชาธิปไตยนำร่องในหลายพื้นที่แล้ว และไม่ว่าจะทำอะไรก็จะจับมือกับกลุ่มมดงานตลอดไป เพราะถือว่าได้ร่วมหัวจมท้ายกันมาโดยตลอด
นายพิจิตต ยังฝากแสดงความยินดีถึงนายอภิรักษ์ ที่ได้รับเลือกให้เป็นพ่อเมืองคนใหม่ด้วย โดยขอให้ทำงานอย่างเต็มที่ เพราะประชาชนหวังพึ่งอยู่ สำหรับตนขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบให้ ถือเป็นของขวัญการทำงานเป็นผู้ว่าฯ มา 4 ปี และจะไม่ลืมบุญคุณไปตลอดชีวิต
ด้านนายพิชัย รัตตกุล บิดานายพิจิตต กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายอภิรักษ์ และพรรคประชาธิปัตย์ที่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ในส่วนของ ดร.พิจิตต ในฐานะพ่อก็ขอบอกว่า “ลูกทำดีที่สุดแล้ว ไม่อยากให้เสียใจ ดร.พิจิตต เหมาะเป็นผู้ว่าฯในช่วงหนึ่ง และในวันพรุ่งนี้เป็นวันเกิด ของ ดร.พิจิตต อยากบอกลูกว่า ลูกเป็นคนดี ตั้งใจทำงานมาตลอด”
นายอัศวิน อภัยวงศ์หัวหน้ากลุ่มมดงาน กล่าวว่า แม้จะพ่ายแพ้การเลือกตั้งแต่ก็ขอบคุณประชาชนที่ลงคะแนนเลือกตั้งให้นายพิจิตต อย่างไรก็ตามในส่วนของมดงานจะทำงานด้านท้องถิ่นต่อไป และจะส่งผู้สมัคร สก. สข.ลงทุกเขตในการเลือกตั้งอีก 2 ปีข้างหน้า รวมทั้งในอีก 4 ปีข้างหน้าก็จะส่งผู้สมัครในนามของกลุ่มมดงานด้วย ทั้งนี้ ทางกลุ่มมดงานกล่าวว่า พร้อมจะทำงานกับนายอภิรักษ์ เช่นกัน
การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)ได้เริ่มต้นขึ้นในเวลา 08.00 น.วานนี้ (29ส.ค.) ก่อนการเปิดหีบบัตรเลือกตั้งให้มีการลงคะแนน คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ปลัด กทม. ได้เดินทางออกตรวจการปล่อยหีบบัตรเลือกตั้งของเขตต่างๆ และเปิดเผยว่า จากการสุ่มตรวจการปล่อยหีบบัตรเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บางเขตมีการปล่อยหีบ ตั้งแต่เวลา 04.30 น.อย่างไรก็ตาม การทำงานของเจ้าหน้าที่ช่วงเปิดหีบบัตรเลือกตั้ง 08.00 น.มีหลายหน่วยตื่นเต้น ไม่คล่อง แต่ทุกหน่วยก็เข้าระบบเรียบร้อยและไม่มีปัญหาแต่ประการใด
สำหรับบรรยากาศการออกมาลงคะแนนนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลตลอดทั้งวัน ปรากฏว่า มีนักการเมือง ตลอดจนผู้มีชื่อเสียงของสังคมทยอยไปลงคะแนนกันเป็นจำนวนมาก
ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 14 และ 15 โรงเรียนพิมลวิทย์ ปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยบุตรชาย และบุตรสาว นายพานทองแท้ ชินวัตร และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร มาเดินทางไปลงคะแนนเลือกตั้งเวลาประมาณ 9.00 น. โดยที่หน่วยนี้ มีประชาชนทยอยกันมาลงคะแนนกันอย่างคึกคัก รวมไปถึงผู้พิการ สำหรับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อายุยังไม่ถึงเกณฑ์เลือกตั้งจึงไม่ได้ลงคะแนน ด้านคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ได้ไปลงคะแนนที่โรงเรียนเศรษฐเสถียร เขตดุสิต
ส่วนพล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปลงคะเเนนเลือกตั้งในหน่วยที่ 71 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. โดยกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และได้ทำหน้าที่เสร็จสิ้นลงแล้ว ทั้งนี้หลังการเลือกตั้งจะเดินทางกลับ จ.กาญจนบุรี เพื่อทำหน้าที่ตามเดิม ส่วนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป คงไม่สนับสนุนผู้สมัครคนใดอีก
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 3 ขับรถส่วนตัวไปหน่วยเลือกตั้งวัดบางบอนคนเดียว โดยมีผู้ติดตาม และผู้สื่อข่าวติดตามร.ต.อ.เฉลิม เป็นจำนวนมาก ร.ต.อ.เฉลิม มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยกล่าวว่า ตื่นตั้งแต่ 6.30 น.ตามปกติ และนิมนต์พระมารับบาตรที่บ้านเหมือนทุกวัน ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ
ด้านนางปวีณา หงสกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 7 เมื่อเวลาประมาณ 9.45 น.ได้รับประทานอาหารมื้อเช้าพร้อมหน้าครอบครัว โดยถือฤกษ์ดีใส่เสื้อสีแดง เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ และทักทายกับผู้สื่อข่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยหลังจากนั้นได้เดินทางไปปล่อยปลา เพื่อเป็นศิริมงคล และเดินทางไปหน่วยเลือกตั้งที่ 59 วัดมงคลชัย เขตบางเขน เพื่อลงคะแนน
ด้านครอบครัวรัตตกุล นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมภรรยา เดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 80 อาคารที่จอดรถหน้าสระน้ำ หมู่บ้านปัญญา แขวงและเขตสวนหลวง โดยนายพิจิตต รัตตกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ร่วมเดินทางไปด้วย แต่ไม่สามารถใช้สิทธิลงคะแนนครั้งนี้ได้ เนื่องจากมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ในขณะเดียวกันมีบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนได้ทยอยเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง เช่น ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในหน่วยที่ 108 เขตจตุจักร แต่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เช่นเดียวกับ นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข ได้เดินทางไปลงคะแนนเสียงในหน่วยนี้เช่นกัน ขณะที่ คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ปลัดกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางไปลงคะแนนไปที่หน่วยเลือกตั้งที่ 47 โรงเรียนวัดราชนัดดา แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร
นอกจากนี้ ดาราหลายคนก็ออกมาใช้สิทธิเช่นกัน อาทิ น.ส.บงกช คงมาลัย นายธงไชย แมคอินไตย์ น.ส.เมทินี กิ่งโพยม นางนุสบา ปุณณกันต์ พร้อมด้วยนายพุฒิพงศ์ ปุณณกันต์
คนกรุงใช้สิทธิ 62.50
นางณฐนนท ทวีสิน ปลัด กทม.เปิดเผยถึงผลการใช้สิทธิเลือกตั้งว่า เมื่อเวลา 21.30 น. สำนักงานเขตทั้ง 50 เขตได้รับหีบบัตรเลือกตั้งและบันทึกผลการรับหีบบัตรครบทั้ง 5,999 หน่วยแล้ว ซึ่งสถิติผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งกรุงเทพฯ คิดเป็นร้อยละ 62.50 จากเดิมที่ครั้งที่แล้วมีผู้มาใช้สิทธิ์ร้อยละ 58.80 โดยครั้งนี้เขตที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งสูงสุด ได้แก่ เขตทวีวัฒนา มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งคิดเป็นร้อยละ 68.42 เขตที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งต่ำที่สุด ได้แก่ เขตคลองเตย มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งคิดเป็นร้อยละ 52.16
ผลการหยั่งเสียง"อภิรักษ์"ชนะทุกโพล
ภายหลังปิดการลงคะแนนเลือกตั้ง สื่อมวลชนได้เปิดเผยผลการหยั่งเสียงของสำนักต่างๆ โดยโพลของสถาบันราชภัฎสวนดุสิต ร่วมกับ ไอทีวี ให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้คะแนนร้อยละ 36.03 นางปวีณา หงสกุล ได้คะแนนร้อยละ 25.53 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้คะแนนร้อยละ 19.00 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้คะแนนร้อยละ 8.95 และนายพิจิตต รัตตกุล ได้คะแนนร้อยละ 4.94 ตามลำดับ
ขณะที่โพลของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ เอไอเอส ช่อง 7 ช่อง 5 ช่อง 3 และ เนชั่นทีวี ให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้คะแนนร้อยละ 27.27 นางปวีณา หงสกุล ได้คะแนนร้อยละ 24.83 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้คะแนนร้อยละ 15.06 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้คะแนนร้อยละ 13.47 และนายพิจิตต รัตตกุล ได้คะแนนร้อยละ 7.71 และ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ ได้คะแนนร้อยละ 3.78 ตามลำดับ
สำหรับโพลของช่อง 9 ร่วมกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้คะแนนร้อยละ 29.1 นางปวีณา หงสกุล ได้คะแนนร้อยละ 27.2 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้คะแนนร้อยละ 10.1 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้คะแนนร้อยละ 8.8 และนายพิจิตต รัตตกุล ได้คะแนนร้อยละ 7.3 ตามลำดับ
ปชป.รายงานจาก 50 เขตตรงสู่พรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ติดตั้งคอมพิวเตอร์รวบรวมคะแนนจาก 50 เขตใน 5 อันดับแรกโดยมีการส่งคะแนนจากผู้สังเกตการณ์ของพรรค จากสถานที่นับคะแนนเขตละ 2 คน รวมคะแนนส่งเข้ามาเป็นระยะ นอกจากนี้ ยังติดโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่ เพื่อรายงานผลการเลือกตั้ง ณ บริเวณลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม ซึ่งมีผู้ให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์กว่า 200 คน มาร่วมลุ้นคะแนน บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ผลที่ออกมานายอภิรักษ์ จะชนะเลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม แต่ขณะนี้ทำพวกเรารู้สึกสบายใจพอสมควร คือประชาชนออกมาให้สิทธิ์กันอย่างเต็มที่ ถ้าสมมุติสุดท้ายผู้สมัครของพรรคเป็นผู้ชนะ คิดว่าความสำเร็จครั้งนี้เป็นของคนกทม.มากกว่าเป็นความสำเร็จของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะอย่างน้อยคิดว่าประชาชนเหล่านั้นได้ออกมาทำหน้าที่ของการมีส่วนร่วมการกำหนดตัวผู้ว่าฯกทม. ด้วยตัวของเขาเอง และที่สำคัญมากที่สุดคือน่าจะเกิดจากประชาชนพากันมาสะท้อนความรู้สึกนึกคิดที่เกี่ยวข้องกับการเมืองระดับชาติได้ไม่น้อยเหมือนกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคในฐานะ ผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่มาลงคะแนน และหากจะให้ประเมินถึงสาเหตุที่ประชาชนเลือกนายอภิรักษ์มาก ก็น่าจะเป็นเพราะความตั้งใจมุ่งมั่นและตรงไปตรงมาของนายอภิรักษ์ และทีมงานซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่
“ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยได้ชมเขา แต่จะเป็นการคุยกันอย่างเคร่งเครียดมากกว่า วันนี้จึงขอชมว่าเขาขยันมาก และอยากให้ขยันอย่างนี้ตลอดไป และอยากบอกว่า 7 เดือนเหน็ดเหนื่อยมากอย่างไร อีก 4 ปีจะเหนื่อยกว่านี้ เพราะ กทม.มีปัญหาหนักและซับซ้อน แต่ผมเชื่อว่าด้วยบุคคลิกของคุณอภิรักษ์จะสามารถประสานงานและได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย แม้ว่าในการแข่งขันจะเข้มข้นมาก แต่เมื่อจบไปแล้วจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เองก็พร้อมที่จะรับผิดชอบต่อการบริหารงานของคุณอภิรักษ์ด้วย อย่างไรก็ตามผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในการเลือกตั้งอื่นๆเสมอไป ขึ้นอยู่กับการทำงานของพรรคด้วย”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
พร้อมปฏิบัติภาระกิจตอบแทนคนกรุง
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ว่าที่ผู้ว่าฯกทม.จากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตั้งใจที่จะบริหารกรุงเทพฯใน 4 ภารกิจเร่งด่วน คือ จะเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวกทม.อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปัญหาจราจร มลภาวะและสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวกทม. ซึ่งชัยชนะครั้งนี้เป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์มีทีมงาน ที่ประกอบด้วย ส.ส., ส.ก., ส.ข. ที่ทำงานอย่างเข้มแข็ง มีคะแนนนิยมเป็นพื้นฐาน และประชาชนพิจารณาในเรื่องนโยบายและความเหมาะสมของผู้สมัครประกอบด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสามารถร่วมงานกับรัฐบาลได้หรือไม่ นายอภิรักษ์ กล่าวว่า จะร่วมงานกับรัฐบาลโดยยึดทุกข์ของประชาชนเป็นหลัก เช่นโครงการจราจรเร่งด่วน 6 โครงการที่ได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หากได้เป็นผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ก็จะทุ่มพลังความสามารถในการทำงานเต็มที่ โดยให้ผู้ว่าฯกทม.เป็นเจ้าภาพหลักในการเดินหน้าผลักดันเต็มที่ และหากหลังจากที่กกต.ได้รับรองผลการเลือกตั้งแล้วก็จะเริ่มผลักดันนโยบายตามที่ประกาศไว้ในปฏิญญา”กรุงเทพฯของเรา”
ส่วนสาเหตุที่ทำให้คนกรุงเทคะแนนให้นั้น นายอภิรักษ์ กล่าวว่าเป็นเพราะความมุ่งมั่นตั้งใจในการประกาศตัวตั้งแต่เดือนมกราคม และการทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ตลอดมา และประสบการณ์การบริหารพร้อมทีมงานที่มีประสบการณ์ในการทำงานแต่ละด้าน ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เตือนว่าจะต้องทำงานหนักกว่าเดิมนั้น ก็ยอมรับว่า จะทุ่มเทให้เต็มที่และจะทำงานร่วมกับข้าราชการกว่า 8 หมื่นคน
ขณะที่นางปฏิมา โกษะโยธิน ภรรยานายอภิรักษ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณชาวกทม.ที่ลงคะแนนให้กับนายอภิรักษ์ ส่วนตัวคงจะไม่สามารถช่วยงานกทม.อะไรได้ แต่จะทำหน้าที่แม่บ้านเหมือนเดิมที่เคยปฏิบัติมา ส่วนกรณีที่โดนโจมตีระหว่างหาเสียงนั้นมองว่าเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมสำหรับตนเองและครอบครัว
"ทักษิณ"แสดงความยินดีกับ"อภิรักษ์"
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ ภายหลังทราบผลการเลือกตั้งในเบื้องต้นว่านายอภิรักษ์ นำเป็นอันดับ 1 ว่า นายอภิรักษ์ชนะชัดเจน และอย่างที่บอกไว้รัฐบาลพร้อมจะทำงานกับทุกคน
"กทม.เป็นเมืองหลวงต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ถ้าไม่เช่นนั้นการทำงานในส่วนงบประมาณกทม.ที่มีจำกัด แต่ปัญหาของกทม.ใหญ่ ฉะนั้นรัฐบาลจะให้การสนับสนุนเต็มที่ ใครก็ช่างที่มาเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่ประชาชนเลือกไปแล้ว รัฐบาลพร้อมจะทำงานด้วย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่คนของพรรคประชาธิปัตย์ได้รับการเลือกตั้งเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าในทางการเมืองไม่เกี่ยวกันประชาชนเวลาเลือกตั้งเหมือนถามคำถามเรื่องหนึ่ง เขาก็ตอบเรื่องหนึ่ง เขาไม่ตอบคำถามสองเรื่อง เมื่อถามว่าจะส่งผลไปถึงผลการเลือกตั้งใหญ่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวเลย เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เที่ยวนี้ ขอแสดงความยินดีกับ นายอภิรักษ์ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนในการทำงาน ในฐานะผู้ว่ากทม.ให้ประสบความสำเร็จ
เมื่อถามว่าในส่วนของพรรคไทยรักไทยคิดว่าเป็นกระแสขาลงหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าไม่เกี่ยวเพราะไทยรักไทยไม่ได้ส่ง ดังนั้นแสดงว่าเป็นเรื่องของประชาชน การเลือกนายอภิรักษ์เป็นเรื่องที่เหมาะสมเมื่อถามว่านโยบายบางอย่างขัดกับรัฐบาลจะทำอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีหรอกการขัดกันในการทำงานเป็นเรื่องธรรมดาตราบใดที่เราไม่ไปเล่นการเมืองเท่านั้นเองไม่มีปัญหาหรอก
"โอ๊ย อันนี้ไม่เป็นไรเลย เพราะว่าในเมื่อพรรคไม่ได้ส่งใคร แล้วใครจะไปสนับสนุนใครก็เป็นอิสระของเขา ซึ่งเขาสนับสนุนผู้สมัครคนอื่นด้วยเช่นกัน ถือว่าพรรคไม่ได้ส่งเราตั้งใจอยู่แล้วว่าต้องการให้การเมืองระดับชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรามั่นใจว่าโอกาสที่เราจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกมันมี เราไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแข่งขันการเมืองระดับท้องถิ่น แต่ต้องการสนับสนุนให้ผู้บริหารท้องถิ่นที่ประชาชนเลือกมานั้นได้รับการสนับสนุนการทำงานให้ประสบความสำเร็จ" พ.ต.ทักษิณ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายของนายอภิรักษ์ โดยเฉพาะเรื่องจราจรออกมาคล้ายกับของรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเลย ต้องทำงานด้วยกันอยู่แล้วจริงๆ แล้วนโยบายจราจรของ กทม.ทำอย่างไรก็ต้องใช้เงินของรัฐบาล และทำอย่างไรรัฐบาลจะเข้าไปจัดระบบการขนส่งระดับใหญ่ซึ่ง กทม.วันนี้รถติดมาก ต้องใช้การขนส่งระดับใหญ่และเมื่อเป็นระดับใหญ่ จะไปเอาตังค์ที่ไหนก็ต้องเอาตังค์ของรัฐบาล รัฐบาลมีสำนักนโยบายขนส่ง(สนข.)โดยผู้ว่าฯกทม.เป็นหนึ่งในคณะกรรมการ และตนเป็นประธาน
เมื่อถามว่านายกฯมองนายอภิรักษ์ เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่พร้อมทำงานหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ เป็นนักบริหารก็ดี ได้ใช้มิติของการบริหารไปแก้ปัญหากทม.ซึ่งค่อนข้างเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและยุ่งยาก เมื่อถามว่านายอภิรักษ์ จะทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม.ได้ดีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คนรุ่นใหม่น่าจะทำงานได้ ไม่มีปัญหาเขาคงจะไม่มีปาร์ตี้ไลน์(เส้นแบ่งทางการเมือง)มาเป็นอุปสรรคในการทำงานร่วมกับรัฐบาลมากนัก
รู้"ปวีณา"แพ้ตั้งแต่ 8 วันที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ผ่านมา การทำโพล นายอภิรักษ์ นำมาตลอดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มานำช่วงหลัง เพราะว่าโพลช่วงหลังเราเห็นชัด นางปวีณาไหลลงเร็วมากตอน 8 วันสุดท้าย ตนเองรู้แล้วว่านายอภิรักษ์ ชนะ
เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่านายอภิรักษ์ ขึ้นมานำเพราะอะไร นายกฯ กล่าวว่าตัวเลือกตัวแรกมันเหมือนกับฝุ่นตลบ คนยังมองหาไม่เห็นว่าจะเอาอย่างไร พอฝุ่นหายตลบคนก็ตัดสินใจได้ว่าควรจะเลือกใคร นี่เป็นเรื่องปกติที่คนกรุงเทพฯต้องใช้วิจารณญาณในการเลือกคนมาทำงานให้เขาได้ เพราะเขามั่นใจว่า นายอภิรักษ์ ยังดูหนุ่มซึ่งเป็นนักบริหารมาก่อนน่าจะทำงานได้
การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคจะเน้นคนรุ่นใหม่ไฟแรงลงสนามมากขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่อง ส.ส.ไม่เหมือนกัน เขาเลือก ส.ส.มาทำงานในสภา พรรคต่างหากที่เป็นคนเลือกรัฐมนตรี แต่ว่าผู้ว่าฯกทม. มันเป็นการสมัครมาเป็นนักบริหาร มันคนละแบบเลยเรื่องพวกนี้ประชาชนแยกแยะออกหมด ถ้าคนเข้าใจเรื่องจิตวิทยามวลชน ก็จะเข้าใจได้ดี
"เจ๊ปิ๊ก"ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี
นางปวีณา หงสกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. กล่าวภายหลังการนับคะแนนดำเนินไปได้ครึ่งทาง โดยนายอภิรักษ์ มีคะแนนนำห่าง ว่า ขอยอมรับความพ่ายแพ้ และยินดีกับผู้ที่ได้ตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ในครั้งนี้ด้วยความจริงใจ ซึ่งสาเหตุที่แพ้เกิดจากตนลงสมัครในนามผู้สมัครอิสระ ทำให้สู้ไม่ได้ แม้ว่าจะมีฐานเสียงของตนเองบ้าง แต่เมื่อมีกระแสอะไรเข้ามาก็มีผลให้คะแนนในฐานของตนเองเกิดการถ่ายเทไปที่อื่นได้ แต่ก็ต้องยอมรับความจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดผลการนับคะแนนบางเขตเลือกตั้งนายอภิรักษ์ จึงมีคะแนนนำ ทั้งที่เป็นพื้นที่ฐานเสียงของนางปวีณา โดยนางปวีณา กล่าวว่า ในส่วนนั้นขอให้ติดตามการนับคะแนนให้เสร็จสิ้นลงก่อน เพราะการนับคะแนนยังไม่เสร็จ นอกจากนี้ก็คงไม่ร้องเรียนคัดค้านผลการเลือกตั้ง แม้ว่าจะพบการทุจริตบ้างก็ตาม
“ในอนาคตคงไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.แล้ว เนื่องจากมีอายุมากเกินไป น่าจะมีคนที่เหมาะสม มีความสามารถมาสมัครแข่งขันเพื่อรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพมากกว่า ส่วนอนาคตทางการเมืองคงต้องดูก่อนว่าจะทำอย่างไรต่อไป” นางปวีณา กล่าวและว่า “จะไม่ย่อท้อและขอเป็นปวีณา 24 ชั่วโมงต่อไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางปวีณา เตรียมตัวที่จะไปพักผ่อนที่แอตแลนต้า ประเทศสหรัฐอเมริกาในเร็วๆ นี้ ภายหลังพบความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ให้กับนายอภิรักษ์
“ชูวิทย์”นำที่ดิน 6ไร่ ตอบแทนคนกรุง
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายอภิรักษ์ เพราะคาดหมายแล้วว่าน่าจะได้รับเลือกตั้ง ขอฝากระยะเวลา 4 ปี เป็นงานหนัก คนกรุงเทพฯ ทุกคนรอความหวัง และเชื่อในศักยภาพของนายอภิรักษ์ และการสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์ คงจะไปถึงจุดมุ่งหมายได้ และเนื่องในวันเกิดของตน วันนี้ มีคนมาอวยพร ก็ขอมอบพรนี้แก่นายอภิรักษ์ ทำงานในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำเร็จตามความหวังของคนกรุงเทพฯ
นายชูวิทย์ เปิดเผยด้วยว่า เตรียมโครงการใหญ่ที่จะทำให้คนกรุงเทพฯ ด้วยการนำที่ดินส่วนตัวบนถนนสุขุมวิท 10 จำนวน 6ไร่ มาสร้างเป็นสวนสาธารณะ ห้องสมุด และสถานที่รับเลี้ยงเด็ก โดยจะล้มโครงการเดิมที่ออกแบบไว้แล้วมูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเสียค่าออกแบบไปแล้ว 25 ล้านบาท แต่จะนำมาทำให้สะใจ ให้คนที่เลือกตน และคนที่ไม่เลือก และปรามาสเหยียดหยาม จะได้รู้ว่า คนอย่างชูวิทย์ เป็นคนทำจริง และคืนกำไรให้สังคมอยู่เสมอ โครงการที่จะทำนี้จะบริหารโดยมูลนิธิต้นตระกูลกมลวิศิษฏ์ ซึ่งจะเร่งทำให้เสร็จภายใน 1 ปี หรือเร็วกว่านี้ เพื่อเปิดให้ประชาชนใช้
“มานะ”เผยได้ทำดีที่สุดแล้ว
นายมานะ มหาสุวีระชัย ผู้สมัครหมายเลข 5 กล่าวว่า ไม่รู้สึกเสียใจอะไร เพราะได้ทำดีที่สุดแล้ว ได้คะแนนเท่าใดก็เท่านั้น และต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ลงคะแนนให้ ทั้งนี้ สิ่งที่ได้จากการลงสมัคร คือ การตกผลึกทางความคิด เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหา กทม.ซึ่งที่ผ่านมาปัญหากทม.มีมาโดยตลอด แต่ไม่มีใครที่สามารถตกผลึกความคิดในการแก้ไขปัญหาได้ จึงรู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ทำงาน อย่างไรก็ตาม ขอฝากผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ว่า อย่าทำให้ประชาชนผิดหวังก็แล้วกัน และหากจะนำวิธีการที่ตนได้นำเสนอไปใช้ก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์ เพราะวิธีการของตนมีความสั้น ง่าย
ส่วนอนาคตทางการเมืองนั้น นายมานะ กล่าวว่า คงอยู่ในวงการการเมืองต่อไป ซึ่งจะทำอะไรต่อไปนั้น จะต้องหารือกับญาติและพรรคพวกก่อน แต่คงจะอยู่ในกทม.ไม่กลับไปจ.ศรีสะเกษอีกแล้ว ซึ่งในเรื่องของการลงสมัคร ส.ส.นั้น ขณะนี้ยังไม่คิด และยังไม่มีอะไรแน่นอน
สำหรับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตผู้ว่าฯกทม.ที่ให้การสนับสนุนนั้น นายมานะ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณที่ได้ช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ ซึ่งรู้สึกประทับใจ เพราะพล.ต.จำลอง มีความซื่อสัตย์ จึงต้องการจะให้กำลังใจในการทำงานต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงบทเรียนในการลงสมัครครั้งนี้ นายมานะ กล่าวว่า ได้ข้อสรุปว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจในเนื้อหาสาระ คือ วิธีการในการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ที่ตนไม่เสนอนโยบาย เพราะเห็นว่าเรื่องนี้สามารถหลอกลวงกันได้ แต่ได้นำเสนอวิธีการปฏิบัติที่เป็นระบบ ที่ผ่านมาปัญหาของชาติมักจะพูดกันเรื่อยเปื่อย แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มองได้ 2 ทาง คือ ประชาชนต้องการของจริง หรือ แปรตามกระแสของคนในสังคม ที่เอาสีสันเป็นหลัก หากเป็นส่วนหลังนี้ตนก็คงประสบความสำเร็จทางการเมืองได้ยาก
“ดร.โจ”ยอมรับความพ่ายแพ้
นายพิจิตต รัตนกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 19 กล่าวภายหลังทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ โดยยอมรับความพ่ายแพ้ ว่า ตนเองอาจจะไม่เหมาะกับตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.แล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็คงต้องประเมินตัวเอง แบบตรงไปตรงมา ไม่เข้าข้างว่าประชาชนอยากให้เป็นอะไร และยังมีคุณค่าต่อประชาชนอยู่หรือไม่ ก่อนที่จะกำหนดอนาคตต่อไป ยืนยันหากมีโอกาสขอทำงานท้องถิ่นต่อและไม่จำกัดวงอยู่ใน กทม.เท่านั้น เพราะตนได้ทำงานด้านการกระจายอำนาจ ซึ่งเป็นหัวใจของประชาธิปไตยนำร่องในหลายพื้นที่แล้ว และไม่ว่าจะทำอะไรก็จะจับมือกับกลุ่มมดงานตลอดไป เพราะถือว่าได้ร่วมหัวจมท้ายกันมาโดยตลอด
นายพิจิตต ยังฝากแสดงความยินดีถึงนายอภิรักษ์ ที่ได้รับเลือกให้เป็นพ่อเมืองคนใหม่ด้วย โดยขอให้ทำงานอย่างเต็มที่ เพราะประชาชนหวังพึ่งอยู่ สำหรับตนขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบให้ ถือเป็นของขวัญการทำงานเป็นผู้ว่าฯ มา 4 ปี และจะไม่ลืมบุญคุณไปตลอดชีวิต
ด้านนายพิชัย รัตตกุล บิดานายพิจิตต กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายอภิรักษ์ และพรรคประชาธิปัตย์ที่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ในส่วนของ ดร.พิจิตต ในฐานะพ่อก็ขอบอกว่า “ลูกทำดีที่สุดแล้ว ไม่อยากให้เสียใจ ดร.พิจิตต เหมาะเป็นผู้ว่าฯในช่วงหนึ่ง และในวันพรุ่งนี้เป็นวันเกิด ของ ดร.พิจิตต อยากบอกลูกว่า ลูกเป็นคนดี ตั้งใจทำงานมาตลอด”
นายอัศวิน อภัยวงศ์หัวหน้ากลุ่มมดงาน กล่าวว่า แม้จะพ่ายแพ้การเลือกตั้งแต่ก็ขอบคุณประชาชนที่ลงคะแนนเลือกตั้งให้นายพิจิตต อย่างไรก็ตามในส่วนของมดงานจะทำงานด้านท้องถิ่นต่อไป และจะส่งผู้สมัคร สก. สข.ลงทุกเขตในการเลือกตั้งอีก 2 ปีข้างหน้า รวมทั้งในอีก 4 ปีข้างหน้าก็จะส่งผู้สมัครในนามของกลุ่มมดงานด้วย ทั้งนี้ ทางกลุ่มมดงานกล่าวว่า พร้อมจะทำงานกับนายอภิรักษ์ เช่นกัน