xs
xsm
sm
md
lg

คนกรุงส่งสัญญาณ"ทักษิณ" เลือกตั้งสนามใหญ่งานหนัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วิเคราะห์เบื้องหลังคนกรุงเทพฯ เมิน "ปวีณา"เทใจให้ "อภิรักษ์" เสธ.หนั่น ฟันธงอนาคตการเมืองสนามใหญ่มีสิทธิ์เปลี่ยน ด้านนักวิชาการสรุปคนกรุงเทพฯปฏิเสธไทยรักไทย ด้านครป.ชี้ผลเลือกตั้งผู้ว่าฯ เป็นความพ่ายแพ้ของไทยรักไทย เตือนหากกระแสต้านระบบผูกขาดขยายตัวจะส่งผลต่อการเลือกตั้งส.ส. แนะไทยรักไทย สรุปบทเรียนเลิกระบบกินรวบ ขณะที่ "สุดารัตน์"โต้ผลที่ออกมาไม่กระทบเลือกตั้งใหญ่ปี48 เพราะถือเป็นคนละฐานเสียง "สุรนันท์"เผย"ทักษิณ"เตรียมบุกกทม.ในเดือนก.ย.นี้อ้อนคนกรุง

หลังจากผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้สรุปออกมาอย่างไม่เป็นทางการว่า "นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน" ผู้สมัครหมายเลข 1 จากพรรคประชาธิปัตย์ มีชัยชนะเหนือ "นางปวีณา หงสกุล" ผู้สมัครหมายเลข 7 ขาดลอย ได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงแนวโน้มและทิศทางการเมืองของสนามใหญ่ว่า จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

นักวิชาการสรุปคนกทม.เมินทรท.

นายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) แกนนำในการจัดตั้งพรรคทางเลือกที่สาม กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ชี้ว่า คนกรุงเทพฯไม่เอาและปฏิเสธรัฐบาลไทยรักไทยมากขึ้น ประกอบกับการที่ผู้สมัครบางคนแม้ประกาศว่าลงอิสระ แต่คนกรุงเทพฯ ก็ทราบว่า พรรคไทยรักไทยให้การสนับสนุน จึงมีผลต่อการตัดสินใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมีปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ประกอบกับมีบุคลิกที่ไม่รับฟังใคร ซึ่งชนชั้นกลางไม่ชอบ รวมถึงการตั้งเป้าหมายเป็นรัฐบาล 400 เสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทำให้คนกรุงเทพ ไม่ไว้วางใจมากขึ้น เพราะพยายามปิดกั้นการตรวจสอบ ทั้งนี้ ถ้าหากยังไม่ปรับตัวเองเชื่อว่า การเลือกตั้งปีหน้า พรรคไทยรักไทยจะได้ ส.ส.น้อยลงกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพรรคทางเลือกที่จัดตั้งขึ้นเพื่อต้านระบอบทักษิณนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการขานรับจากคนกรุงเทพฯ และพรรคประชาธิปัตย์จะยังคงได้เปรียบมากกว่า

"แม้ที่ผ่านมา นายกฯจะพยายามปรับตัว แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเชื่อคนรอบช้าง และเมื่ออยู่ในอำนาจมาก ก็เกิดความเชื่อมั่นมากจึงไม่ฟังใคร และ ถ้าสถานการณ์ยังเป็นอยู่อย่างนี้ เชื่อว่า คนกรุงจะไม่เอารัฐบาลมากขึ้นและจะผนึกกำลังกัน ตั้งชมรมต่าง ๆ พัฒนาดีกรีเป็นต่อต้าน ซึ่งจะมีผลต่อความเสื่อมถอยของรัฐบาลในอนาคต"

เช่นเดียวกับนายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ที่แสดงความคิดเห็นว่า ชัยชนะที่นายอภิรักษ์มีต่อนางปวีณานั้นเป็นคะแนนเสียงจากพลังเงียบ ซึ่งเป็นกลุ่มพลังทางการเมืองที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ระบบเครือข่ายอุปถัมภ์หรือระบบจัดตั้งของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่เป็นกลุ่มคนที่มีความเป็นอิสระ เพราะมองเห็นอันตรายของระบบการเมืองที่เป็นอยู่และเกรงว่า กทม.จะถูกผนวกเป็นเพียงแขนขาของระบบการเมืองผูกขาดระดับชาติไปด้วย

ทั้งนี้ หากกลุ่มพลังเงียบทางการเมืองใช้เจตจำนงทางการเมืองครั้งนี้ก่อรูปและขยายแนวร่วมเพื่อแสดงจุดยืนในลักษณะแบบนี้ต่อการเมืองระดับชาติแล้ว ก็น่าจะเป็นแสงสว่างของระบบการเมืองไทยที่อาจจะสามารถฝ่าข้ามภาวะทางตันของระบบการเมืองได้ ที่สำคัญคือหากขยายผลไปสู่การเลือกตั้ง ส.ส.ต้นปีหน้าเพื่อต่อต้านรัฐบาลพรรคเดียว 400 เสียงของพรรคไทยรักไทยจะมีความหมายต่อระบบการเมืองอย่างมากเพราะจะทำให้ระบบการเมืองมีกลไกถ่วงดุลตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ด้านพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ที่ปรึกษาพรรคมหาชน กล่าวว่า การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ครั้งนี้มีความสำคัญมาก และจะเป็นตัวชี้วัดไปสู่สนามการเลือกตั้งใหญ่ได้บางส่วน เพราะคนกทม.ถือว่าเป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดกับผู้บริหารประเทศ อะไรที่ชี้บอกในวันนี้ก็จะเป็นเครื่องชี้บอกอนาคตได้ และก็คิดว่าคะแนนที่ได้ คงจะไม่สูสีกันมาก เพราะคนกทม.คงจะตัดสินใจได้ว่าใครควรจะมาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

ส่วนนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ หัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีสีสันดี มีผู้อาสาสมัครมาเป็นผู้ว่าฯ หาเสียงกันอย่างเต็มที่ ซึ่งคาดว่าคนกรุงเทพฯ พอใจในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ในครั้งนี้ แต่ส่วนตัวเห็นว่าผู้ว่าฯ คนใหม่ต้องเป็นตัวของตัวเอง ไม่ควรเป็นคนของรัฐบาล คิดว่าคน กทม.อยากฝากเรื่องนี้เช่นกัน ส่วนพรรคมหาชนในอนาคตข้างหน้า จะส่งตัวแทนเข้าชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ด้วย

"สุดารัตน์"ยันไม่กระทบเลือกตั้งใหญ่

นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ในฐานะรับผิดชอบดูแลพื้นที่กทม. กล่าวถึงผลที่ออกมาอย่างไม่เป็นทางการซึ่งระบุว่า นายอภิรักษ์โกษะโยธิน ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์ มีคะแนนนำว่า หากเป็นความจริงอย่างที่ระบุมา ก็ขอแสดงความยินดีกับนายอภิรักษ์ด้วย แต่ในส่วนของพรรคไทยรักไทยเองไม่ได้มีการส่งผู้สมัคร สมาชิกของพรรคจึงมีอิสระที่จะสนับสนุนผู้สมัครคนใดก็ได้ จึงมีบางส่วนที่แยกย้ายกันไปสนับสนุนผู้สมัคร 2-3 คน และไม่ถือว่าเป็นฐานเสียงของพรรคแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ใครที่ประชาชนให้ความไว้วางใจมาไทยรักไทยในฐานะที่เป็นรัฐบาลก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกันและพยายามให้ความร่วมมือให้มากที่สุด ซึ่งหากในวันข้างหน้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็พร้อมที่จะแก้ปัญหาร่วมกัน

ส่วนการแก้ไขปัญหาจราจรนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ประกาศชัดเจนว่าจะเดินหน้าเต็มที่ ผลักดันงบประมาณ 3-4 แสนล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรในกทม.ให้จบภายในเทอมหน้าให้ได้ รัฐบาลก็หวังว่าผู้ว่าฯกทม.คนใหม่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลด้วย

"ยืนยันว่ารัฐบาลและกทม.สามารถทำงานร่วมกันได้ ใครที่มาเป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ขอให้มาร่วมมือกันผลักดันนโยบายแก้ไขปัญหาจราจรของรัฐบาล ผลการเลือกตั้งที่ออกมาไม่เกี่ยวกับพรรคไทยรักไทย เพราะพรรคไม่ได้ส่งผู้สมัคร การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นสนามใหญ่ ซึ่งมีฐานความคิดและปัจจัยที่แตกต่างกับการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศไม่ว่าใครจะชนะ หรือไม่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เกิดขึ้น พรรคไทยรักไทยก็ต้องพยายามให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศอยู่แล้ว"

ด้านนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ โฆษกพรรคไทยรักไทยกล่าวว่า คนกรุงเทพฯ เลือกนายอภิรักษ์ เพราะต้องการให้ไปทำงานเป็นผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเป็นการเลือกในระดับท้องถิ่น ไม่เกี่ยวพันกับการเมืองระดับชาติ หรือ กระแสรัฐบาลขาลงอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ เพราะพรรคไทยรักไทยไม่ได้ส่งผู้สมัคร ส่วนนางปวีณาก็ลงอิสระ ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค ดังนั้น ถ้าจะวัดกันจริง ๆ ว่า คะแนนของรัฐบาลตกในกทม.หรือไม่ ก็ต้องให้พรรคส่งผู้สมัครโดยตรง ถึงจะประเมินได้ถูก

ส่วนกรณีที่ นายกฯ เดินทางไปตรวจเยี่ยมระบบจราจรทั้งรถไฟใต้ดิน และรถไฟฟ้า รวมถึงลงเรือตรวจคลองแสนแสบนั้น โฆษกพรรคไทยรักไทยปฏิเสธว่า นายกฯ มีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาจราจรมาตลอด ซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้องจะช่วยผู้สมัครคนใด ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้ว่า ก็ต้องประสานรับนโยบายจากรัฐบาล

นายสุรนันท์ กล่าวด้วยว่า แม้ผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างนี้ แต่พรรคก็ไม่เคยหวั่น จะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนต่อไป ซึ่งในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม นายกฯ จะพบปะคนกรุงในหลายพื้นที่หลังจากทัวร์นกขมิ้นครบทุกจังหวัด ซึ่งเป็นการวางแผนล่วงหน้า ไม่เกี่ยวกับเรื่องผู้ว่า เพราะรัฐบาลต้องการแก้ปัญหา กทม. โดยเฉพาะการจราจรและสิ่งแวดล้อม

ส่วนนายสมัคร สุนทรเวช รักษาการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังเดินทางไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ 54 แขวงบึงกุ่ม พร้อมคุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ภริยาว่า ไม่มีงานเร่งด่วนอะไรที่จะฝากให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่สานต่อ เพราะข้าราชการประจำทั้ง 14 หน่วยงานรู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไรต่อไป ส่วนตนเองหลังหมดวาระดำรงตำแหน่งจะจัดรายการโทรทัศน์ชิมไปบ่นไป และจัดทำรายการใหม่ชื่อรายการสนทนาปัญหาบ้านเมือง จากนั้นจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกในปี 2549
กำลังโหลดความคิดเห็น