ผู้จัดการรายวัน - "โอเรียนทอล พริ้นเซส" เตรียมยกพลบุกห้างเซ็นทรัลอีกครั้ง หลังมีปัญหาต้องถอนตัวไปเมื่อปีที่แล้ว ประเดิมสาขาแรกเดือนหน้าที่เซ็นทรัล ภูเก็ต รวมถึงขยายสาขาผ่านทางโลตัสทุกสาขา ทุ่มงบ 30 ล้านบาทปรับโฉมเครื่องสำอางบำรุงผิว "เบเนฟิเชียล" หวังสิ้นปีเติบโตขึ้นอีก 20%
นางสาวพาสนา อินทราทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอ.พี. เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมขยายช่องทางการขายเข้าไปในห้างเซ็นทรัลอีกครั้ง ประเดิมสาขาแรกในเดือนหน้าที่เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต หลังจากที่โอเรียนทอล พริ้นเซสเคยเปิดสาขาที่ห้างเซ็นทรัลประมาณ16 สาขา แต่เนื่องจากมีทางบริษัทฯและเซ็นทรัลมีนโยบายที่ไม่ตรงกันในเรื่องคอนเซ็ปต์และการตกแต่งรูปแบบร้าน จึงทำให้บริษัทฯ ต้องถอนตัวและทยอยปิดสาขาที่ตั้งอยู่ในห้างเซ็นทรัลลงประมาณเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วจนหมด
รวมถึงปีนี้มีแผนการขยายสาขาในเทสโก้ โลตัส ซึ่งขณะนี้บริษัทฯมีร้านอยู่ในโลตัสเกือบทุกสาขา ในขณะที่ช่องทางจัดจำหน่ายปัจจุบันมี 159 สาขา ตั้งเป้าสิ้นปีมีทั้งหมด 169 สาขา
นางสาวพาสนา กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 14 ของโอเรียนทอล พริ้นเซส บริษัทฯทำตลาดต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี โดยปีนี้บริษัทฯใช้งบตลาดประมาณ 8% ของยอดขายหรือ 80 ล้านบาท ล่าสุดทุ่มงบกว่า20ล้านบาทปรับโฉมเครื่องสำอางบำรุงผิว "เบเนฟิเชียล" ให้มีความทันสมัยและหลากหลายมากและอีก 8 ล้านบาทจัดกิจกรรม"The Mantra of the Oriental Color -มนตราแห่งสีสันตะวันออก" เพื่อตอกย้ำแบรนด์ในคอนเซ็ปต์ใหม่ "โอเรียนทอล พริ้นเซส -อารยธรรมความงามแห่งดินแดนตะวันออก"
"เราคาดว่าการปรับโฉมใหม่ในส่วนพื้นที่การขายให้กับเบเนฟิเชียลในครั้งนี้จะส่งผลให้ปีนี้มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 20% และมีสัดส่วนการขายเป็น 30% ของยอดขายรวม ในขณะที่ปีที่แล้วเบเนฟิเชียลโตสูงถึง 40% มีสัดส่วนการขาย25% จากยอดขายรวม "
นอกจากนี้ ช่วงปลายปีบริษัทฯ เตรียมออกสินค้าใหม่ในกลุ่มของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและร่างกายประมาณ 17 รายการ โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 150 รายการ ในขณะที่ต้นปีหน้าบริษัทฯมีแผนออกสินค้าสำหรับกลุ่มผู้ชาย หรือสินค้าที่ผู้หญิงสามารถซื้อฝากผู้ชายได้ รวมถึงการบุกตลาดต่างประเทศในลักษณะการขายแฟรนไชส์ เบื้องต้นเล็งประเทศในแถบเอเชียก่อน
ปัจจุบันสัดส่วนผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ แบ่งเป็น กลุ่มสกินแคร์ 45 % กลุ่มคัลเลอร์ 30% และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและร่างกาย 25% อื่นๆ 2% โดยราคาสินค้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 250 บาท
กลุ่มลูกค้าของบริษัทฯจะเป็นกลุ่มผู้หญิงอายุ 20-35ปี คิดเป็น 90% หรือลูกค้าในระดับซีบวกขึ้นไป โดยสมาชิกของโอเรียนทอล พริ้นเซสมีประมาณกว่า 175,000 รายทั่วประเทศ หรือคิดเป็น 70% ที่เหลือ 30% เป็นลูกค้าไม่ประจำ ซึ่งค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการซื้อสินค้าแต่ละครั้ง 750 บาทต่อคน
ภาพรวมการแข่งขันธุรกิจเครื่องสำอางร้านค้าเฉพาะ นางสาวพาสนา กล่าวว่า มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นบอดี้ชอป, ออริจินัล , เฮชทูโอ พลัส ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้โชคดีที่ไม่มีแบรนด์ใหม่เข้ามาในตลาด แต่บางแบรนด์มีการทำตลาดมากขึ้น โดยหันมาเล่นในเรื่องราคา เช่น มีการลดราคาสินค้าตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงขณะนี้ก็ยังลดอยู่ เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ทางโอเรียนทอล พริ้นเซสจะได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องราคาที่สมเหตุสมผล และถูกกว่าคู่แข่งประมาณ 30-50%
สำหรับตลาดรวมของเครื่องสำอางในไทยมีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท แบ่งเป็นตลาดเครื่องสำอางประเภทร้านค้าเฉพาะสิ้นปีนี้ 1,600 ล้านบาท โอเรียนทอล พริ้นเซสตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดปีนี้ 52% ขณะที่อันดับ 2 และ 3 มีแชร์ 20% และ 10% ตามลำดับ ด้านยอดขายสิ้นปีตั้งเป้า800 ล้านบาท ส่วน 7 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทฯมียอดรายได้คิดเป็น 60% ในขณะที่ตลาดโดยรวมโตขึ้นประมาณ 15% โอเรียนทอล พริ้นเซสมีอัตราการโตเฉลี่ย 12.5% ต่อปี
นางสาวพาสนา อินทราทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอ.พี. เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมขยายช่องทางการขายเข้าไปในห้างเซ็นทรัลอีกครั้ง ประเดิมสาขาแรกในเดือนหน้าที่เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต หลังจากที่โอเรียนทอล พริ้นเซสเคยเปิดสาขาที่ห้างเซ็นทรัลประมาณ16 สาขา แต่เนื่องจากมีทางบริษัทฯและเซ็นทรัลมีนโยบายที่ไม่ตรงกันในเรื่องคอนเซ็ปต์และการตกแต่งรูปแบบร้าน จึงทำให้บริษัทฯ ต้องถอนตัวและทยอยปิดสาขาที่ตั้งอยู่ในห้างเซ็นทรัลลงประมาณเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วจนหมด
รวมถึงปีนี้มีแผนการขยายสาขาในเทสโก้ โลตัส ซึ่งขณะนี้บริษัทฯมีร้านอยู่ในโลตัสเกือบทุกสาขา ในขณะที่ช่องทางจัดจำหน่ายปัจจุบันมี 159 สาขา ตั้งเป้าสิ้นปีมีทั้งหมด 169 สาขา
นางสาวพาสนา กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ 14 ของโอเรียนทอล พริ้นเซส บริษัทฯทำตลาดต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี โดยปีนี้บริษัทฯใช้งบตลาดประมาณ 8% ของยอดขายหรือ 80 ล้านบาท ล่าสุดทุ่มงบกว่า20ล้านบาทปรับโฉมเครื่องสำอางบำรุงผิว "เบเนฟิเชียล" ให้มีความทันสมัยและหลากหลายมากและอีก 8 ล้านบาทจัดกิจกรรม"The Mantra of the Oriental Color -มนตราแห่งสีสันตะวันออก" เพื่อตอกย้ำแบรนด์ในคอนเซ็ปต์ใหม่ "โอเรียนทอล พริ้นเซส -อารยธรรมความงามแห่งดินแดนตะวันออก"
"เราคาดว่าการปรับโฉมใหม่ในส่วนพื้นที่การขายให้กับเบเนฟิเชียลในครั้งนี้จะส่งผลให้ปีนี้มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 20% และมีสัดส่วนการขายเป็น 30% ของยอดขายรวม ในขณะที่ปีที่แล้วเบเนฟิเชียลโตสูงถึง 40% มีสัดส่วนการขาย25% จากยอดขายรวม "
นอกจากนี้ ช่วงปลายปีบริษัทฯ เตรียมออกสินค้าใหม่ในกลุ่มของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและร่างกายประมาณ 17 รายการ โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 150 รายการ ในขณะที่ต้นปีหน้าบริษัทฯมีแผนออกสินค้าสำหรับกลุ่มผู้ชาย หรือสินค้าที่ผู้หญิงสามารถซื้อฝากผู้ชายได้ รวมถึงการบุกตลาดต่างประเทศในลักษณะการขายแฟรนไชส์ เบื้องต้นเล็งประเทศในแถบเอเชียก่อน
ปัจจุบันสัดส่วนผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ แบ่งเป็น กลุ่มสกินแคร์ 45 % กลุ่มคัลเลอร์ 30% และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและร่างกาย 25% อื่นๆ 2% โดยราคาสินค้าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 250 บาท
กลุ่มลูกค้าของบริษัทฯจะเป็นกลุ่มผู้หญิงอายุ 20-35ปี คิดเป็น 90% หรือลูกค้าในระดับซีบวกขึ้นไป โดยสมาชิกของโอเรียนทอล พริ้นเซสมีประมาณกว่า 175,000 รายทั่วประเทศ หรือคิดเป็น 70% ที่เหลือ 30% เป็นลูกค้าไม่ประจำ ซึ่งค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการซื้อสินค้าแต่ละครั้ง 750 บาทต่อคน
ภาพรวมการแข่งขันธุรกิจเครื่องสำอางร้านค้าเฉพาะ นางสาวพาสนา กล่าวว่า มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นบอดี้ชอป, ออริจินัล , เฮชทูโอ พลัส ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้โชคดีที่ไม่มีแบรนด์ใหม่เข้ามาในตลาด แต่บางแบรนด์มีการทำตลาดมากขึ้น โดยหันมาเล่นในเรื่องราคา เช่น มีการลดราคาสินค้าตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงขณะนี้ก็ยังลดอยู่ เป็นต้น ซึ่งตรงนี้ทางโอเรียนทอล พริ้นเซสจะได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องราคาที่สมเหตุสมผล และถูกกว่าคู่แข่งประมาณ 30-50%
สำหรับตลาดรวมของเครื่องสำอางในไทยมีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท แบ่งเป็นตลาดเครื่องสำอางประเภทร้านค้าเฉพาะสิ้นปีนี้ 1,600 ล้านบาท โอเรียนทอล พริ้นเซสตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดปีนี้ 52% ขณะที่อันดับ 2 และ 3 มีแชร์ 20% และ 10% ตามลำดับ ด้านยอดขายสิ้นปีตั้งเป้า800 ล้านบาท ส่วน 7 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทฯมียอดรายได้คิดเป็น 60% ในขณะที่ตลาดโดยรวมโตขึ้นประมาณ 15% โอเรียนทอล พริ้นเซสมีอัตราการโตเฉลี่ย 12.5% ต่อปี


