xs
xsm
sm
md
lg

ล้างมาเฟียบางขวาง"เหิม"จ้างฆ่าอธิบดี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายงานพิเศษ

กระแสข่าวขาใหญ่เรือนจำบางขวาง เตรียมลงขันจ้างวานฆ่าอธิบดีกรมราชทัณฑ์"นัทธี จิตสว่าง" โดยตั้งค่าหัวรางวัลไว้ที่ตัวเลข 7หลัก เพราะไปขัดกลุ่มผลประโยชน์ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เบื้องหลังกำแพงสูงตระหง่านของคุกบางขวางแห่งนี้ นักโทษในร่างทรงของผู้มีอิทธิพล ยังหลงเหลืออยู่อีกหรือ ? ถึงได้เหิมเกริมคิดจ้างฆ่ากระทั่งคนระดับอธิบดีฯ ส่งผลให้กรมราชทัณฑ์ในวันนี้ ต้องเร่งปฏิรูประบบราชการ รวมทั้งหามาตรการ กำราบขาใหญ่ เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม
เรือนจำหรือทัณฑสถานในประเทศไทย ปัจจุบันมีอยู่ทั้งสิ้น 152 แห่ง แบ่งออกเป็น เรือนจำความมั่นคงสูง 3 แห่ง, เรือนจำกลางประจำเขต 9 แห่ง, เรือนจำจังหวัด 77 แห่ง, เรือนจำชั่วคราว 26 แห่ง และเรือนจำพิเศษ 4 แห่ง ขณะที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษมี 6 แห่ง, ทัณฑสถานวัยหนุ่ม 4 แห่ง และทัณฑสถานเปิด 6 แห่ง ส่วนสถานกักขังกลางมี 2 แห่ง ,สถานกักกันมี 1 แห่ง และเรือนจำกลางอีก 14 แห่ง และหนึ่งในนั้น คือเรือนจำกลางบางขวาง

**เปิดประตูคุกบางขวาง
ที่ต้องกล่าวถึงคุกบางขวาง แดนสนธยาที่”คนในอยากออก คนนอกไม่อยากเข้า” เพราะเบื้องหลังกำแพงสูงตระหง่านแห่งนี้ ใช้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษเด็ดขาด ที่มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป จนถึงโทษประหารชีวิต ปัจจุบันเรือนจำบางขวาง มีผู้ต้องขังรวมทั้งสิ้น 6,338 คน แยกเป็นผู้ต้องขังที่ต้องโทษประหารชีวิต 870 คน อยู่ระหว่างอุทธรณ์ 546 คน อยู่ระหว่างฎีกา 220 คน และนักโทษเด็ดขาดรอประหารชีวิต 104 คน
เพราะเป็นสถานที่กักขังนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ "นักโทษบางรายเข้าไป จะไม่สามารถกลับออกมาได้อีกตลอดชั่วชีวิต" เรือนจำแห่งนี้จึงต้องมั่นคงแข็งแรงที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 136 ไร่ มีไฟฟ้าแรงสูงขนาด 3,500โวลต์ รอบรั้วกำแพงสูง 6 เมตร มี 20 หอคอย พร้อมพลแม่นปืนเฝ้าตลอด 24ชั่วโมง
เรือนจำบางขวางถูกแบ่งเขตออกเป็น 14 แดน แต่สำหรับแดนใหญ่และแยกขังนักโทษมีด้วยกัน 6 แดน ประกอบด้วยแดน 1 ใช้ควบคุมนักโทษประหารชีวิตและจำคุกตลอดชีวิต แดน 2 เป็นแดนแรกรับผู้ต้องขังใหม่ แดน 3 สำหรับขังผู้ต้องโทษต่ำกว่าตลอดชีวิต แดน 4 สำหรับขังนักโทษต่ำกว่า 50 ปีลงมา แดน 5 เป็นแดนวัยหนุ่มควบคุมผู้ต้องโทษอายุไม่เกิน 25 ปี และแดน 6 ใช้ควบคุมผู้ต้องขังต่ำกว่าตลอดชีวิตลงมา

***จำแนกดีกรีนักโทษ
สภาพความเป็นอยู่ภายในคุกบางขวาง แม้จะต่างจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง” แต่วิถีชีวิตความเป็นอยู่เพื่อเอาตัวรอด ถือเป็นธรรมดาสามัญของสัตว์โลก เฉกเช่นชีวิตของคนคุก ที่ถูกห้อมล้อมด้วยกำแพงสูงตระหง่านแห่งนี้ “พฤติกรรมของคนคุกจึงถูกจัดแบ่งไว้เป็น 11 ประเภท” เช่น พวกเก๋าคุก ,ขาใหญ่ ,เบาปัญญา,พวกเพี้ยน,พวกหัวหมอ,พวกอิทธิพล,พวกแท็กซี่,พวกขี้ยา,พวกพ่อค้า,พวกน้อง และพวกเสือเดียว
ที่น่าสนใจ คือ"พวกเก๋าคุก"คืออยู่คุกมานานเสมือนคุกเป็นบ้าน ส่วนใหญ่ต้องโทษในคดีปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ฉ้อโกงและยาเสพติด พวกนี้จะเคยชินต่อความผิดซ้ำซากไม่เกรงกลัวการลงโทษ ชอบก่อเหตุทะเลาะวิวาท ไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่
“พวกขาใหญ่” คือพวกที่มีเส้นสาย มักได้รับการฝากฝังดูแลจากผู้ใหญ่และนักการเมืองจนได้รับการอำนวยความสะดวกเป็นพวกที่เคยรู้จักกับเจ้าหน้าที่มาก่อนและมีอิทธิพลทางการเงิน มีพื้นฐานทางการศึกษาดีส่วนโทษแห่งการกระทำผิด มักเป็นคดีเกี่ยวกับคดีเศรษฐกิจเช่นคดีเช็ค คดีแชร์ และมีผู้ต้องโทษรายอื่นไว้ใช้งาน และมักทำตัวเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ เป็นสายแจ้งข้อมูลและประจบเจ้าหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
“พวกอิทธิพล”คือพวกที่เคยทรงอิทธพลมาก่อน แต่มาต้องคดีในภายหลัง ส่วนใหญ่จะต้องโทษในคดีค้าของเถื่อน ค้าประเวณี จะอยู่เรือนจำเพื่อฆ่าเวลา และมักสั่งสมบารมีทำตัวเป็นผู้มีอำนาจโดยใช้เงินเป็นตัวหว่าน และอยู่เบื้องหลังในการฝ่าฝืนกฏของเรือนจำ เช่น ค้ายาเสพติด เป็นเจ้ามือบ่อน โดยจะมีพวกขี้ยา พวกเบาปัญญา พวกแท็กซี่ ตกเป็นสมุนของพวกอิทธิพล
พวกเก๋าคุก-ขาใหญ่-อิทธิพล จะมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับเจ้าหน้าที่ เพราะทั้งสองฝ่ายต่างคอยเกื้อหนุน อุปถัมภ์ค้ำจุนซึ่งกันและกัน
จากข้อเขียนของนายสุรชัย แซ่ด่าน เรื่องผ่าคุก ซึ่งได้ตีพิมพ์ขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.พ.46 ระบุว่า “พวกมาเฟียบางขวาง มีหัวหน้าระดับซี 7ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเป็นลูกพี่ ส่วนในกรมราชทัณฑ์ ยังมีเจ้าแห่งมาเฟียระดับซี 9 จึงต้องขอดคุกพิเศษ ขายจนเกลี้ยง " ย่อมสะท้อนให้เห็นว่าพวกขาใหญ่ หรือพวกอิทธิพล จะเหิมเกริมไปไม่ได้ หากเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เข้มแข็ง และดูแลนักโทษทุกคนอย่างทัดเทียมและเสมอภาค

**เปิดปูมขาใหญ่ คดีดังในอดีต
สำหรับนักโทษขาใหญ่ที่ถูกควบคุมในเรือนจำกลางบางขวาง ที่ถูกขึ้นบัญชีดำ และจะต้องโยกย้ายไปควบคุมที่เรือนจำความมั่นคงสูง อาทิ พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ ผู้พันตึ๋ง ที่ถูกศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตในคดีร่วมฆ่า นายปรีณะ ลีพัฒธนะพันธ์ อดีต ผวจ.ยโสธร,นายเสริม สาครราช อดีตนักศึกษาแพทย์ ที่ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตในคดีฆ่า น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรี นักศึกษาแพทย์แฟนสาว,น.พ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตคดีฆ่า พ.ญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ ภรรยา,พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ในคดีอุ้มฆ่าสองแม่ลูก ตระกูลศรีธนะขันธ์ ,นายวิศิษฎ์ พึ่งรัศมี มาเฟียตลาดไนท์บาซาร์ จ.เชียงใหม่ หัวหน้าซุ้มมือปืนภาคเหนือ และนายทวี พุทธจันทร์ ผู้ต้องขังในคดีจ้างวานฆ่าอดีต ผอ.อ.ส.ม.ท.ที่ก่อนหน้านี้ทางเรือนจำบางขวาง ได้ย้ายไปขังไว้ที่เรือนจำกลางคลองไผ่ และย้ายนักโทษที่เป็นอดีตมือปืนรับจ้างในซุ้มจังหวัดทางภาคเหนือจำนวน 5 คน ไปไว้ยังเรือนจำความมั่นคงสูงที่ จ.พิษณุโลก

**จลาจลบางขวาง ฝีมือขาใหญ่
ในอดีตจนถึงปัจจุบัน นักโทษที่สร้างปัญหาให้กับเจ้าหน้าที่มากที่สุด เห็นจะเป็นพวกขาใหญ่และพวกอิทธิพล นอกจากจะมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับเจ้าหน้าที่ มักจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการฝ่าฝืนกฏและกระทำความผิดอยู่บ่อยครั้ง ทั้งค้ายาเสพติด เปิดบ่อนการพนัน และมั่วสุมทางเพศ ฯลฯ ในอดีตที่ผ่านมาเหตุการณ์ การจลาจลครั้งใหญ่ ในช่วงการอภัยโทษ ก็เกิดจากฝีมือของนักโทษเหล่านี้ทั้งสิ้นเช่น การจลาจลที่เรือนจำคลองเปรม และ บางขวางเมื่อปี 2517 และเหตุจลาจลเดือนสิงหาคม 2528 มีผู้เสียชีวิตถึง 10 คน
ซึ่งในปัจจุบันนี้เรือนจำบางขวางประสบปัญหาผู้ต้องขังลักลอบใช้โทรศัพท์ติดต่อสั่งยาบ้าจากในคุก เพราะร้อยละ 90 ล้วนแต่ต้องขังในคดียาเสพติดทั้งสิ้น แม้ว่าทางเรือนจำจะมีการควบคุมอย่างเข้มงวดและอาจตัดระบบสัญญาณโทรศัพท์ในเรือนจำทั้งหมด แต่ปัจจุบันติดขัดที่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยหรือบริษัท ทศท.คอร์เปอเรชั่น จำกัด ไม่สามารถเข้ามาดำเนินการได้เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ว่าจะกระทบต่อการใช้โทรศัพท์ของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงเรือนจำ
หลายคดีที่ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนักค้ายาเสพติดได้ ผูต้องหามักให้การซัดทอดว่า ผู้ต้องขังในเรือนจำเป็นผู้สั่งยาบ้า อย่างคดียาเสพติดเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 47 เจ้าหน้าที่จับกุมนายบรรหาร ใจแช่มชื่นดีเลิศ พร้อมยาบ้า 298,000 เม็ด และสารไอซ์ 15 ก.ก. ที่ห้างเทสโก้โลตัส สาขาถนนศรีนครินทร์ จ.สมุทรปราการ และขยายผลจนสามารถ จับกุมพระฉัตรชัย กิจจาสาโร หรือนายขวัญวิรัติ นันทิวิริยะชัย อายุ 34 ปี ซึ่งทราบว่าเป็นเครือข่ายของ นายปกรณ์ ตั้งสีฟ้า ซึ่งเป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด โดยมีใบสั่งจากคุกแห่งนี้นั่นเอง

**ล้างบางคุกบางขวาง ชนวนจ้างสังหาร
แนวโน้มการกระทำความผิดภายในเรือนจำ เริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ประกอบกับความแออัดของจำนวนนักโทษ ปฏิบัติการล้างคุกบางขวางโดยฝีมือของนายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์จึงเริ่มขึ้น “ตั้งแต่จัดทำบัญชีนักโทษขาใหญ่ 2,000 คน เพื่อย้ายนักโทษออกไปควบคุมยังเรือนจำที่มีความมั่นคงสูงในต่างจังหวัด” เช่นเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ เรือนจำกลางคลองไผ่ จ.ปทุมธานี เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม
“พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่หรือผู้คุมเรือนจำบางขวาง จำนวน 40 คนเพราะมีพฤติกรรมเข้าข่ายมาเฟีย” และอาจพิจารณโทษขั้นวินัยจนถึงอาญา จากการเข้าตรวจสอบเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมาพบว่าภายในเรือนจำแห่งนี้มีการต่อเติมห้องขังผิดระเบียบในหลายแดน จึงได้สั่งให้รื้อถอนและทุบทิ้งห้องพักที่นักโทษขาใหญ่ใช้เป็นที่พักผ่อน โดยเฉพาะห้องพักที่นักโทษสร้างขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ที่แดน 1 แดน 2 หรือแดนประหาร จำนวนกว่า 20 ห้อง พร้อมทั้งจะปรับปรุงแดนคุมขังให้เป็นระเบียบมีความทันสมัยโดยการนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้มากยิ่ง ปรับปรุงเรือนจำเป็นแดนความมั่นคงสูง ติดกล้องวงจรปิดและลวดกั้นปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงป้องกันการหลบหนี

**แดน 11 ขุมนรกด่านสุดท้าย
ในจำนวน 14 แดน ของเรือนจำบางขวาง แดน 11 ถือว่าเป็นแดนที่ไม่มีนักโทษคนใดอยากจะย่างกรายเข้าไป เพราะเป็นแดนประหาร...ซึ่งตั้งอยู่ติดกับวัดบางแพรกใต้ ก่อนเดินเข้าสู่หลักประหารนักโทษจะต้องพนมมือหันหน้าไปทางทิศนี้ เพื่อกราบลาต่อสิ่งศักดิ์แห่งพุทธศาสนา “ก่อนที่วิญญาณจะถูกกระชากออกร่าง ภายในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้”
เมื่อพ.ศ. 2478 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช ได้3 ปี ได้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการประหารจากการใช้มีดฟันคอ มาเป็นการยิงเสียให้ตาย โดยนักโทษซึ่งถูกประหารด้วยปืนคนแรก เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2478 คือ ส.ท.สวัสดิ์ มะหมัด จากบัดนั้นจนถึงบัดนี้ มีจำนวนนักโทษซึ่งถูกประหารไปแล้ว 275 ราย ในจำนวนนี้มีนักโทษหญิง 2 ราย สำหรับอดีตเพชฌฆาต ผู้ที่เคยทำหน้าที่ลั่นกระสุนส่งวิญญาณนักโทษในหลักประหารตั้งแต่ปี 2478 ประกอบด้วย นายเหรียญ เพิ่มกำลังเมือง,ทิพย์ มียศ,เพี้ยนคนแรงดี,มุ่ย จุ้ยเจริญ,ประถม เครือเพ่ง,ธิญโญ จันทร์โอทาน และ เชาวเรศน์ จารุบุณย์
จนกระทั่งเมื่อปีพ.ศ. 2546 ที่ผ่านมา ได้มีการแก้ไขประมวลกฏหมายอาญา(ฉบับที่ 16) พ.ศ.2546 มาตรา 19 ให้เปลี่ยนการประหารชีวิต จากยิงเป้ามาเป็นแบบฉีดยาหรือสารพิษ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.46 “จนกระทั่งการประหารชีวิตแบบฉีดสารพิษครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.46 โดยมี 4 นักโทษประหารชีวิต เดินเข้าสู่หลักประหารแบบไม่ต้องเสียเลือดเนื้ออีกต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น