xs
xsm
sm
md
lg

"เอราวัณแบงค็อก"ผุดเออร์เบิลคิทเช่น ดึง14ร้านอาหารนานาชาติเปิดแห่งแรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอราวัณ แบงค็อกเผยยอดผู้เช่าเริ่มคึกคัก ต่างชาติเห็นทำเลย่านราชประสงค์เนื้อหอมแห่ลงทุนเพียบ ล่าสุด อวดโฉม 14 พันธมิตรโซนอาหารนานาชาติเออร์เบิล คิทเช่น ส่วนใหญ่เป็นสาขาแรกในไทยเล็งชิมลางแจ้งเกิดก่อนขยายไปย่านอื่น ด้านเพลินจิต เซ็นเตอร์แย้มปีหน้าเทเงินมากกว่า 100 ล้านบาทพลิกโฉมหน้ากากใหม่

นายวิฑูรย์ ว่องกุศลกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัมรินทร์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเพลินจิต เซ็นเตอร์และศูนย์การค้าแนวบูติคมอลล์ เอราวัณ แบงค็อก เปิดเผยว่า ขณะนี้พื้นที่ภายในศูนย์การค้าเอราวัณ แบงค็อกรวม 13,000 ตร.ม. เป็นพื้นที่ให้เช่า 7,000 ตร.ม.มีผู้ร่วมธุรกิจมาเช่าพื้นที่ในศูนย์แล้วประมาณ 95% คาดว่าจะเต็มตามกำหนดการเปิดของศูนย์ในปลายเดือนต.ค.ปีนี้ แบ่งสัดส่วนเป็นโซนร้านอาหารเออร์เบิล คิทเช่น 25% โซนเสื้อผ้าและเครื่องประดับ 60% และศูนย์บริการความงามและเครื่องประดับ 15% ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแบรนด์เนมต่างประเทศที่ยังไม่เคยทำตลาดในไทยมาก่อน

โซนร้านอาหารนานาชาติภายใต้ชื่อเออร์เบิล คิทเช่นก็เป็นอีก 1 โซนที่มีพันธมิตรจองพื้นที่ครบ 14 ร้านค้าแล้ว ซึ่งโซนนี้มีเนื้อที่ประมาณ 1,700 ตร.ม. โดยจะเป็นร้านอาหารและเบเกอรี่จากต่างประเทศที่มาทดลองตลาดในไทยที่เอราวัณ แบงค็อกเป็นแห่งแรก อาทิ ร้านติมซำและก๋วยเตี๋ยว ลาแมง เสี่ยว หลง เปา, ร้านเบเกอรี่ และขนมอบสไตล์ฝรั่งเศส เบเกอร์ส อินน์, ร้านแซนวิช โอ ไบรอันส์ ไอริช แซนวิส บาร์, ร้านน้ำเต้าหู้ ซูเปอร์ บีน เนื่องจากแนวคิดของเออร์เบิล คิทเช่นจะเป็นศูนย์รวมร้านอาหารจากทั่วโลก และตั้งเป้าให้เป็นจุดนัดพบแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ

ชูจุดขายอาหารนานาชาติฉีกแนวคู่แข่ง
กลุ่มเป้าหมายหลักของโซนนี้เป็นกลุ่มลูกค้าวัยทำงานอายุ 25-45 ปี เพราะอยู่ในย่านที่มีคนเมืองรุ่นใหม่ แหล่งชอปปิ้ง ย่านทำเลธุรกิจ โดยราคาอาหารและเครื่องดื่มจะถูกกว่าราคาอาหารในโรงแรม เปิดให้บริการตั้งแต่ 07.00 - 01.00 น. และจะใช้จุดแข็งด้านความเป็นศูนย์อาหารนานาชาติในการสร้างความแตกต่างจากศูนย์อาหารที่มีอยู่ตามแหล่งชอปปิ้งในย่านราชประสงค์เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้สนใจ ซึ่งเชนร้านอาหารแต่ละร้านค่อนข้างมีชื่อเสียงในต่างประเทศ

ศักยภาพของจำนวนผู้คนหมุนเวียนที่จะเข้ามาใช้บริการในโซนเออร์เบิล คิทเช่นนี้ ในเบื้องต้นบริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 8,000-10,000 คนต่อวัน จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงคนทำงานผ่านไปมาในบริเวณนี้มากกว่า 7 ล้านคนต่อวัน ซึ่งจากการสำรวจจำนวนลูกค้าหมุนเวียนที่เข้าใช้บริการในห้างสรรพสินค้าย่านนี้ประมาณ มากกว่า10,000 คนต่อวัน

นายวิฑูรย์กล่าวเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของการปรับปรุงโครงการศูนย์การค้าเพลินจิต เซ็นเตอร์ ว่า ในปีหน้าบริษัทจะใช้เม็ดเงิน 100-200 ล้านบาทในการปรับปรุงโฉมใหม่ให้กับเพลินจิต เซ็นเตอร์ เพื่อให้ศูนย์มีความทันสมัย โดยจะใช้แนวคิดออฟฟิศบวกรีเทล และปรับหน้าตาของศูนย์ให้ดูดีขึ้น เปลี่ยนกระจกด้านหน้าให้โปร่งใสจากปัจจุบันที่ค่อนข้างมืดทึบ ทำให้ไม่ดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการ

น้องใหม่เบเกอรี่คาเฟ่บุกไทย
ด้านนายแดเนียล เทย์ กรรมการ บริษัท แปซิฟิค ยูไนเต็ด โฮลดิ้ง จำกัด ผู้บริหารร้านเบเกอรี่และขนมอบ "เบเกอร์ส อินน์" จากประเทศสิงคโปร์ กล่าวต่อว่า บริษัททำธุรกิจมาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว มีสาขาในย่านใจกลางเมืองประเทศสิงคโปร์ 5 สาขา ในกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย 4 สาขา ปีหน้าเตรียมเปิดสาขาที่ประเทศบาหลี

ในปีนี้บริษัทมีโอกาสขยายธุรกิจมายังประเทศไทยบนพื้นที่ของเอราวัณ แบงค็อกเป็นสาขาแรก บนเนื้อที่ 150 ตร.ม. ภายใต้งบ 8 ล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะเปิดให้ครบ 8 สาขาภายในเวลา 5 ปีบนทำเลที่มีกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ อาทิ ย่านสยาม ทองหล่อ สุขุมวิท รวมถึงราชดำริ ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีสาขาที่เอราวัณ แบงค็อกแล้วแต่มองว่าทำเลย่านนี้สามารถที่จะเปิดได้อีกอย่างน้อย 1สาขา ซึ่งอาจจะเป็นที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม

สำหรับร้านเบเกอรี่ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเบเกอร์ส อินน์ คือ ให้บริการทั้งเครื่องดื่ม อาหาร และเบเกอรี่ในไทยตอนนี้ถือว่ายังไม่มี เพราะส่วนใหญ่จะเน้นขายที่อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น โอ ปอง แปง เน้นเบเกอรี่ สตาร์บัคส์ เน้นกาแฟ เกย์ ฮาวน์เน้นอาหาร เมื่อเทียบกันแล้วเบเกอร์ส อินน์เป็นร้านที่มีเมนูหลากหลายกว่า

นอกจากนี้บริษัทยังมีขนาดร้านอีก 1 แบบ คือ ขนาด 100 ตร.ม. ที่ใช้งบลงทุนประมาณ 5-6 ล้านบาท เพื่อเป็นหนึ่งทางเลือกในการขยายสาขาไปยังทำเลอื่นขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของทำเลนั้นๆ ในการเลือกรูปแบบขยายสาขา

นายฮิว ฮอยส์ ค็อก ประธานบริหารภาคพื้นเอเชีย ร้านแซนด์วิช โอ ไบรอันส์ ไอริช แซนวิส บาร์ เปิดเผยว่า บริษัทได้มอบสิทธิ์มาสเตอร์ แฟรนไชส์ให้กับบริษัท ทีเอสเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งร่วมทุนโดยผู้ประกอบการคนไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย เพื่อเป็นผู้ทำตลาดและขยายสาขาให้กับโอ ไบรอันส์ฯในไทย โดยมีสาขาแรกที่เอราวัณ แบงค็อก และตั้งเป้าที่จะให้มาสเตอร์ แฟรนไชน์เป็นผู้ขยายสาขาให้ครบ 30 สาขาภายใน 5 ปี ใช้งบลงทุนประมาณ 3-5 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มขยายสาขา 2 ในต้นปี 2548

รูปแบบของร้านโอ ไบรอันส์ฯ จะเป็นร้านขนมปังแซนวิสเพื่อสุขภาพ ที่มีสาขาในต่างประเทศทั้งหมด 265 สาขาทั่วโลก โดยมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดี มีภาวะการลงทุนทางธุรกิจค่อนข้างดีมาก เลยให้ความสนใจที่จะเข้ามาทำตลาดในไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น