xs
xsm
sm
md
lg

น้องอรสุดยอด-ทำลายสถิติ คว้าเหรียญทองแรกให้ไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"น้องอร" อุดมพร พลศักดิ์ จอมพลังสาวไทยสร้างชื่อกระหึ่มเอเธนส์เกมส์ โดยประกาศศักดาคว้าเหรียญทองยกน้ำหนักในรุ่น 53 ก.ก.มาครอง พร้อมทั้งทำลายสถิติโอลิมปิกในท่า คลีน แอนด์ เจิร์ก และจารึกประวัติศาสตร์วงการกีฬาไทยด้วยการเป็นผู้หญิงไทยคนแรกที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้สำเร็จ หลังจากก่อนหน้านี้ เกษราภรณ์ สุตา เคยคว้าเหรียญทองแดง ที่ซิดนี่ย์ เมื่อ 4 ปีก่อน

การแข่งขันยกน้ำหนักรุ่น 53 ก.ก.ในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม มีนักกีฬาไทยลงชิงชัยคือ อุมดมพร พลศักดิ์ นักยกลูกเหล็กสาวจากจังหวัดนครราชสีมา เจ้าของเหรียญทองเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ ที่แวนคูเวอร์ แคนนาดา ปี พ.ศ.2546 และได้รับการคาดหมายจากสื่อมวลชนต่างประเทศให้เป็นเต็ง 1 ของรายการ โดยมี ลิซ่า เรมา รัมเบวาส ของอินโดนีเซีย เป็นคู่แข่งสำคัญ หลังจากที่ จีน ไม่ส่งนักกีฬาลงทำการแข่งขันในรุ่นนี้

การชิงชัยออกสตาร์ทเวลาประมาณ 20.30 น. ตามเวลาในเมืองไทย เริ่มในท่าสแนชต์ โดย อินโดนีเซีย เรียกน้ำหนักสองครั้งแรกที่ 85 กับ 90 ก.ก. และก็ผ่านทั้งหมด ส่วน อุดมพร เรียกน้ำหนักครั้งแรกที่ 92.5 ก.ก. ซึ่งก็ไม่มีปัญหา สร้างความกดดันให้กับ รัมเบวาส ต้องขอน้ำหนักที่สูงขึ้นไปอีกที่ 95 ก.ก. แต่ก็ยกผ่านสำเร็จ ทำให้สตาร์ฟโค้ชทีมชาติไทยตัดสินใจอัพน้ำหนักไปที่ 97.5 ก.ก. และก็ยกผ่านอีกครั้ง แม้ว่าหนสุดท้ายที่ อุดมพร จะเรียกน้ำหนักที่ 100 ก.ก. แล้วยกไม่ผ่าน แต่ก็ส่งผลให้ อุดมพร จบท่าสแนชต์ด้วย 97.5 ก.ก. อยู่ในอันดับ 1 โดยมี รัมเบวาส ได้อันดับ 2 น้ำหนัก 95 ก.ก.

ในท่าคลีน แอนด์ เจิร์ก รัมเบวาส เรียกน้ำหนักน้อยกว่า อุมดมพร จึงตกออกมายกครั้งแรกที่ 115 ก.ก. ซึ่งก็ผ่านได้อย่างสบาย ส่วน อุดมพร ออกมายกครั้งแรกของท่านี้ที่ 117.5 ก.ก. ก็ไร้ปัญหาเช่นกัน ทำให้สถานการณ์ในช่วงนี้ รัมเบวาส ต้องเปลี่ยนน้ำหนักที่แจ้งไว้ตอนแรกที่ 120 ก.ก. เป็น 122.5 ก.ก. เพราะถึงแม้จะยกผ่านก็จะทำให้น้ำหนักรวมสู้ไม่ได้อยู่ดี ทว่าพอถึงช่วงยกสตาร์ฟโค้ชของอินโดนีเซีย กลับบริหารเวลาผิดพลาด ส่ง รัมเบวาส ขึ้นยกไม่ทัน หมดสิทธิ์ยกครั้งที่สองไป ถึงช่วงนี้ อุดมพร มีโอกาสคว้าเหรียญทองมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว

ทางทีมงานยกน้ำหนักของไทยเลยเอาแน่นอนเข้าว่า ส่ง น้องอร ลงมายก 122.5 ก.ก. เพื่อกดดัน รัมเบวาส ไปอีก และก็ยกผ่านสำเร็จ ดังนั้นจึงเหลือเพียงลุ้นไม่ให้ รัมเบวาส ยกผ่านที่น้ำหนัก 125 ก.ก. ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น เมื่อ รัมเบวาส รับเหล็กไม่ไหวยกไม่ขึ้น เหรียญทองจึงตกเป็นของ อุดมพร แน่นอน

หลังจากนั้น น้องอร ขึ้นมายกครั้งสุดท้ายเพื่อทำลายสถิติโอลิมปิก 125 ก.ก.ที่ หยาง เจี๊ยะ ของ จีน ทำไว้เมื่อ 4 ปีก่อน ที่ 125.5 ก.ก. ซึ่ง น้องอรก็สามารถยกทำลายสถิติได้สำเร็จ คว้าเหรียญทองยกน้ำหนักหญิงในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 28 รุ่น 53 ก.ก.มาครอง ด้วยน้ำหนักรวม 222.5 ก.ก. พร้อมกับสร้างสถิติใหม่ของ โอลิมปิกเกมส์ในท่า คลีน แอนด์ เจิร์ก ด้วย ส่วนเหรียญเงินเป็นของ ลิซ่า เรมา รัมเบวาส ของอินโดนีเซีย และ มาเบล โมสเควร่า จากโคลัมเบีย ได้เหรียญทองแดง
ชาวโคราชร่วมลุ้นน้องอร

ที่บ้านเลขที่ 218 ชุมชนมหาชัย ถ.มหาชัย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ "น้องอร" บรรยากาศตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะเมื่อค่ำวานนี้(15ส.ค.) เต็มไปด้วยความคึกคัก มีญาติพี่น้องของ "น้องอร" และเพื่อนบ้านมาคอยลุ้นรางวัลเหรียญทองกีฬาโอลิมปิกเหรียญแรกของไทยกันจำนวนมาก โดยญาติๆ ของ "น้องอร" ได้จัดเตรียมพื้นที่สำหรับชมการถ่ายทอดสด ส่งกำลังใจเชียร์ให้กับ "น้องอร" ให้พิชิตเหรียญทองกลับมาฝากชาวนครราชสีมาและประเทศชาติ นอกจากนี้บริเวณรอบๆ บ้านยังมีการเขียนข้อความส่งแรงเชียร์ติดไว้ตามผนังและติดตั้งไฟใหม่ทั้งหมด เพื่อเตรียมรับประชาชนมาร่วมส่งกำลังใจ พร้อมกันนี้เทศบาลนครนครราชสีมา ได้นำทีวีจอโปรเจคเตอร์มาติดตั้งการถ่ายทอดสดและจัดหาเก้าอี้มาไว้บริการที่บ้านของ "น้องอร"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนายสุนทร ริ้วเหลือง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครราชสีมา พร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาลฯ และประชาชนจำนวนมากได้มานั่งชมและร่วมลุ้นกันด้วย โดยผุ้ว่าราชการจังหวัดและนายกเทศมนตรีฯได้นั่งชมเคียงข้างพ่อกับแม่ของน้องอร

กระทั่งเวลาประมาณ 19.50 น.น้องอร ได้โทรศัพท์ทางไกลมาคุยกับพ่อและแม่ที่บ้าน โดยบอกว่ารู้สึกตื่นเต้น และอากาศค่อนข้างร้อน ซึ่งแม่ของน้องอร บอกว่า ขอให้ทำหน้าที่เพื่อประเทศและชาวโคราช ซึ่งน้องอร บอกว่าจะขอสู้ตายเพื่อประเทศชาติและชาวโคราช

จุดพลุฉลองหลังคว้าเหรียญทอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่น้องอร ได้เหรียญทองแล้วปรากฎว่า ทั้งพ่อ แม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ นายกเทศมนตรีฯ และประชาชนที่มาลุ้นน้องอร ต่างส่งเสียงไชโยด้วยความดีใจพร้อมกับจุดพลุ ดังสนั่นหวั่นไหว โดยแม่ของน้องอร ให้สัมภาษณ์ในทันทีว่า ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับประชาชนชาวไทยทั้งประเทศที่ลูกสาวทำสำเร็จ

ขณะที่นายสุนทร ริ้วเหลือง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า การทำหน้าที่ของน้องอร ครั้งนี้ถือว่าสมบูรณ์แบบแล้ว สามารถนำเหรียญทองเหรียญแรกมาให้กับประเทศไทยและชาวนครราชสีมา ซึ่งทางจังหวัดจะร่วมมือกับทางเทศบาลนครนครราชสีมา จัดงานต้อนรับการกลับมาของน้องอร อย่างยิ่งใหญ่ต่อไป เบื้องต้นจะรวบรวมทองคำหนัก 24 บาทเท่าอายุของน้องอรมอบให้ พร้อมกับเงินไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท

ขณะที่นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครราชสีมากล่าวว่า จะมอบทะเบียนบ้านทองคำและกุญแจเมืองทองคำให้กับน้องอรในฐานะพลเมืองกิตติมศักดิ์
"พ่อ-ปู่น้องอร"ประกาศบวช 9วัน

ขณะที่นายบุญส่ง พลศักดิ์ พ่อของ"น้องอร" กล่าวว่า ได้บนไว้กับอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือ "ย่าโม" ขอให้ลูกสาวคว้าชัยชนะกลับมาเพราะการชิงชัยครั้งนี้เป็นที่คาดหวังของคนไทยทั้งประเทศและครอบครัวเป็นอย่างมาก หากได้เหรียญทองโอลิมปิกกลับมาจะบวชถวายย่าโมเป็นเวลา 9 วัน นอกจากนี้ปู่ของน้องอร อายุ 65 ปีก็จะร่วมบวชด้วยเช่นกัน ส่วนแม่ของน้องอร ได้บนไว้ว่าหากได้เหรียญทองจะจ้างเพลงโคราชแสดงถวายอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งในที่สุดน้องอรก็ทำสำเร็จ ไม่ทำให้คนไทยทั้งประเทศผิดหวัง

นางศศิธร พลศักดิ์ แม่ของน้องอร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้โทรศัพท์ติดต่อกับลูกสาวเกือบทุกวันโดยบอกลูกทำสมาธิและตั้งใจแข่งขันเต็มที่ ทุกคนในบ้านคอยเป็นกำลังใจ

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นทางครอบครัวได้ปรึกษาหารือกันระหว่างหมู่ญาติว่า หากน้องอร คว้าชัยเหรียญใดเหรียญหนึ่งกลับมาจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับตามความเหมาะสม ซึ่งอาจจะมีทั้งการแสดงจากศิลปินที่ชาวบ้านชื่นชอบ เช่น แอ๊ด คาราบาว และลูกทุ่งหมอลำ นอกจากนั้นทางพ่อของน้องอรจะมอบบ้านทาว์เฮาส์ราคา 1 ล้านบาทให้กับน้องอรด้วย

ด้าน พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย เผยว่า ตั้งเป้าหมายไว้ที่เหรียญทองเท่านั้น เนื่องจากมีเหรียญติดมือแน่นอนแล้ว โดยเฉพาะ "น้องอร" เนื่องจากมีคู่แข่งเพียงแค่นักยกน้ำหนักสาวจากอินโดนีเซีย เพื่อนบ้านเพียงรายเดียวเท่านั้นที่มีสถิติที่น่ากลัว ส่วนนักยกน้ำหนักจากจีนคู่ปรับสำคัญไม่ลงชิงชัยในรุ่นนี้

อารีย์คว้าเหรียญแรกให้ไทย

ก่อนหน้านี้ อารีย์ วิรัฐถาวร คว้าเหรียญทองแดงจากเอเธนส์เกมส์ เป็นเหรียญแรกให้ไทย ในการแข่งขันยกน้ำหนักหญิงรุ่น 48 ก.ก.เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยยกท่าสแนตช์ได้ 85 ก.ก. และ คลีน แอนด์เจิร์กได้ 115 ก.ก. ซึ่งในท่านี้เป็นการทำลายสถิติของกีฬาโอลิมปิกเดิม 112.5 ก.ก. ถึง 2.5 ก.ก. พร้อมกับเป็นการทำลายสถิติโอลิมปิกเกมส์เป็นครั้งแรกของวงการกีฬาไทยด้วย

ก่อนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่กรีซ อารีย์ เคยคว้า 2 เหรียญเงินจาก การแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ประจำปี 2546 ที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา โดยถือเป็นดาวรุ่งของวงการยกน้ำหนักไทย และเป็นหนึ่งในสี่ตัวเก็งที่ พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทยเคยกล่าวไว้ว่าเป็นความหวังในการคว้าเหรียญใดเหรียญหนึ่งในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้

ทั้งนี้ อารีย์ ได้เปิดเผยผ่านเว็บไซด์อย่างเป็นทางการของโอลิมปิกเกมส์ 2004 ว่า เป็นผลงานที่ตัวเธอเองพอใจมาก หลังจากพยายามทำให้ดีที่สุดและคิดว่าตัวเองได้ทำเต็มที่แล้ว

เผยคว้าเหรียญถวายสมเด็จฯ

ส่วนบรรยากาศที่บ้านของอารีย์ ที่กาญจนบุรี มีญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านของอารีย์มาร่วมลุ้นการยกน้ำหนักครั้งนี้กันอย่างคึกคัก และร่วมแสดงความยินดีด้วยจำนวนมาก นายชลอ บิดาของอารีย์เปิดเผยความในใจหลังจากบุตรสาวคว้าเหรียญทองแดงเหรียญแรกให้กับประเทศไทยเป็นผลสำเร็จ ว่า รู้สึกปลื้มใจแทนคนไทยที่ลูกสาวคว้าเหรียญทองแดงให้กับประเทศไทยมาได้เป็นเหรียญแรก ซึ่งจากนี้ไป อารีย์ คงจะต้องเก็บตัวฝึกซ้อมอีกหลังจากกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว

บิดาของอารีย์ กล่าวต่อว่า ความสำเร็จครั้งนี้เป็นเพราะได้พยายามส่งเสริมลูกสาวให้เอาจริงเอาจังในการฝึกฝนด้านกีฬามาตลอดเวลายาวนานกว่า 14 ปี เมื่อลูกสาวสนใจเล่นกีฬา และบอกว่าจะเล่นกีฬายกน้ำหนัก เพราะมีครูฝึกสอนคืออาจารย์เชาวลิต บุญทำดี ก็สนับสนุน และอาจารย์เชาวลิต ก็ให้การดูแลเอาใจใส่ฝึกหนักมาก ต้องวิ่งต้องตื่นแต่เช้า ตลอดเวลาตนเฝ้าดูการเติบโตของลูก ลูกก็ประสบความสำเร็จในการแข่งขันมาตลอดเวลา

“อารีย์ มักจะพูดถึงความใฝ่ฝันว่าเธอต้องการที่จะเป็นนักกีฬายกน้ำหนักในนามของประเทศไทย เพื่อเป็นตัวแทนเข้าไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ซึ่งการได้เข้าร่วมแข่งขันถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่สิ่งที่บุตรสาวได้ทุ่มเทในการแข่งขันครั้งนี้เป็นสิ่งที่อารีย์ ทำเพื่อประเทศไทยทำเพื่อคนไทยทั้งชาติ ก่อนลงสนามอารีย์ ได้คุยกับผมทางโทรศัพท์ว่าจะสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีพระชนมายุครบ 72 ปี การประสบความสำเร็จของบุตรสาวในครั้งนี้ขอยกความดีให้ผู้บริหารประเทศไทยและสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทยรวมถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนที่ร่วมส่งกำลังใจไปเชียร์อารีย์” บิดาของอารีย์กล่าว

ด้านนายเชาวลิต บุญทำดี อาจารย์ผู้ฝึกสอนอารีย์ กล่าวว่า ดีใจและตื้นตันที่อารีย์ ทำสำเร็จ จากนี้ไปวงการกีฬายกน้ำหนักคงจะคึกคักมากขึ้น จะเปิดรับเยาวชนเพื่อฝึกและผลักดันให้เป็นนักกีฬาทีมชาติแบบอารีย์ ให้ได้อีก และเชื่อว่า อารีย์ ต้องการอย่างนั้นเพื่อให้คนเมืองกาญจน์ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ

ต่อมาเมื่อเวลา 09.00น.วานนี้นายเทอดศักดิ์ กรรณสูต รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้นำแจกันดอกไม้สดไปร่วมแสดงความยินดีกับนายชลอ กับนางสุทิน วิรัฐถาวร พ่อแม่ของอารีย์ โดยนายเทอดศักดิ์ กล่าวว่า จังหวัดขอชื่นชมผลงานของอารีย์ โดยทางจังหวัดจะเตรียมจัดพิธีต้อนรับ หลังจากอารีย์เดินทางกลับกรุงเอเธนส์ทันที เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณที่อารีย์ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติและจังหวัด โดยจะประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันอังคารนี้
มนัสเหนือชั้นต้อนเจ้าถิ่นเข้ารอบ 2

ผลงานของทัพนักกีฬาไทยประเภทอื่นๆ ปรากฏว่า มนัส บุญจำนงค์ โชว์ชั้นเชิงที่เหนือกว่าอาศัยออกหมัดหนึ่งสองเก็บแต้มเอาชนะคะแนน สไบริดอน ไอโอนนิดิส นักชกเจ้าภาพกรีซ ได้อย่างขาดลอย และกลายนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทยคนที่สองที่ผ่านเข้าสู่รอบ 16 คนสุดท้ายในกีฬาโอลิมปิกเกมส์

การแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เป็นการแข่งขันในรอบแรก โดย มนัส บุญจำนงค์ ขึ้นเวทีในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวต 64 ก.ก. พบกับเจ้าภาพ สไบริดอน ไอโอนนิดิส ซึ่งคู่นี้เคยเจอกันมาในไฟต์อุ่นเครื่องก่อนเอเธนส์เกมส์ และ มนัส ไล่อัดจน ไอโอนนิดิส แพ้แตกยับเยิน

เกมการชกในวันนี้ยกแรก ไอโอนนิดิส ที่เดินหน้าเข้าหาทันที แต่ มนัส ยังนิ่งไม่ตกใจ คอยออกหมัดขวาตรงสวนเข้าเป้าได้สวยๆ เก็บคะแนนไปเรื่อยๆ จนจบยกแรก มนัส ออกนำ 6-3

ยก 2 มนัส เปลี่ยนสไตล์การชกหันมาใช้กำปั้นซ้ายซึ่งเป็นหมัดหน้าชิงออกก่อน และก็ได้ผล เมื่อแต่ละครั้งที่ออกไปกรรมการกดคะแนนให้เกือบตลอด แถมยังมีอัพคัตระยะใกล้ยามที่ ไอโอนนิดิส เข้ามาประชิดตัวอีก ทำให้ยกนี้ มนัส ทำคะแนนทิ้งห่างออกไปเป็น 14-6 หมัด หลังมีคะแนนนำ ในยกที่ 3 มนัส ดูจะมีความมั่นใจ
มากขึ้น เต้นฟุตเวิร์กหลอกล่อแล้วคอยออกหมัดหนึ่งสองเล่นงาน ไอโอนนิดิส ที่พยายามไล่บี้อย่างหนักแต่ก็ไม่จน แถมยังโดนสวนจนหน้าหงายกลับไปหลายครั้ง จบยก 3 มนัส ทิ้งห่างสุดกู่ 21-10

ยกสุดท้าย มนัส ที่รู้ว่าคะแนนนำห่าง เลยไม่พยายามแลก เต้นฟุตเวิร์กไปรอบๆเวที แล้วคอยยิงหมัดสวนกลับมาเมื่อมีโอกาส และก็คุมเกมได้ทั้งหมด ครบยกกรรมการจึงชูมือให้ มนัส เป็นฝ่ายชนะ 28-16 หมัด

จากชัยชนะในไฟต์นี้ส่งผลให้ มนัส เป็นขุนพลเสื้อกล้ามไทยคนที่สองที่ผ่านเข้ารอบสองต่อจาก สุริยา ปราสาทหินพิมาย ที่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา และรอบต่อไปจะพบกับ โรเมโอ เบิร์น จากฟิลิปปินส์ ที่เอาชนะนักชกจาก สวีเดน มาได้

"แทมมี่" พลิกล็อคร่วงแต่หัววัน

"แทมมี่" แทมมารีน ธนสุกาญจน์ นักหวดสาวไทย จบเส้นทางศึกเอเธนส์เกมส์ ครั้งที่ 18 ตั้งแต่หัววัน หลังพลาดท่าพ่ายเพื่อนซี้ แอนเจลลิเก้ วิดจาย่า จากอินโดนีเซีย ไป 1-2 เซต ร่วงตกรอบแรกอย่างพลิกความคาดหมาย

ในการแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยวรอบแรก แทมมารีน ธนสุกาญจน์ มือ 1 ของไทย ลงสนามพบกับ แอนเจลลิเก้ วิดจาย่า ของอินโดนีเซีย เกมการแข่งขันในเซตแรก แทมมารีน อาศัยการโต้ท้ายคอร์ตอันหนักหน่วงเบรกเกมเสิร์ฟของ วิดจาย่า ได้ถึง 3 เกม (2,4,6) และเก็บเซตแรกได้ก่อนอย่างง่ายดาย 6-1

ทว่าในเซตที่ 2 แทมมี่ เริ่มมีเปอร์เซ็นต์เสิร์ฟต่ำลง มาโดนเบรกถึง 2 ครั้งในเกมที่ 5 และ 7 เลยถูก วิดจาย่า ตีเสมอเป็น 1-1 เซตได้ที่ 6-2

สถานการณ์ในเซต 3 ของ แทมมารีน ยังไม่ดีขึ้น รักษาเกมเสิร์ฟของตัวเองได้เพียงเกมเดียวและโดนเบรกถึง 3 เกม ทำให้พ่ายแพ้ไปอย่างขาดลอย 1-6 ร่วงตกรอบโอลิมปิกครั้งนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
กำลังโหลดความคิดเห็น