xs
xsm
sm
md
lg

ซีอีโอเก่าแอลจีคืนสังเวียนไทย ปักฐานผลิตในไทยรับเอฟทีเอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ซีอีโอเก่าแอลจีไทยหวนคืนตำแหน่งเดิม เผยวิสัยทัศน์งัด 3 กลยุทธ์ขับเคลื่อนแอลจีไทยเติบโต พร้อมโยกฐานผลิตเครื่องดูดฝุ่น ไมโครเวฟ พลาสมา ทีวี จอแอลซีดีสู่ไทยดันขึ้นฐานส่งออก รับนโยบายเปิดเอฟทีเอภาษี 0% พร้อมเทงบตลาดเพิ่มอีก 400 ล้านบาทผลักยอดสิ้นปีทะลุ 8,500 ล้านบาท ตั้งเป้ากลางปี 2548 ดึงกล้องดิจิตอลจากเกาหลีเข้าทำตลาดไทย

นายซี.เค.ชอย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารหรือซีอีโอคนใหม่แทนนายยัง แจ กวนตามวาระการปรับเปลี่ยนตำแหน่งปกติตามนโยบายของบริษัทแม่ที่ประเทศเกาหลี โดยก่อนหน้านี้ในปี 2540 -2542 ตนเคยดำรงตำแหน่งดังกล่าวมาแล้ว และเคยอยู่ในตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหารที่ประเทศไทยในปี 2536 - 2540 รวมเวลาที่อยู่ในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมืองไทยมานานถึง 6 ปี จึงมั่นใจที่จะนำพาแบรนด์แอลจีในไทยให้เติบโตต่อเนื่อง

อีกทั้ง ยังเตรียมผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าแบบครบไลน์ในหลายประเภทสินค้าด้วยกัน โดยจะต้องย้ายฐานการผลิตจากประเทศเกาหลีสู่ไทย ได้แก่ เครื่องดูดฝุ่น ในช่วงไตรมาส 4 มีกำลังการผลิต 1 แสนเครื่องต่อปี ไมโครเวฟ ต้นปี 2548 พร้อมกับย้ายฐานการประกอบพลาสมา ทีวี, จอแอลซีดีจากเกาหลีมาสู่ไทยด้วย แต่หากตลาดมีแนวโน้มความต้องการสูงขึ้นอีกก็จะลงทุนให้เป็นฐานแบบครบไลน์ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุนเพิ่มเติมประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนตู้เย็นแอลจีมีฐานการผลิตใหญ่ที่ประเทศอินโดนีเซียแล้วจึงไม่จำเป็นต้องย้ายฐานมาที่ไทย

ก่อนหน้านี้แอลจีมีโรงงานผลิตสินค้าในไทยแล้ว 2 โรงงานอยู่ที่ระยองและอ้อมน้อย ได้แก่ โทรทัศน์มีกำลังการผลิต 7 แสนเครื่องต่อปี เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ และคอมเพรสเซอร์อย่างละ 1 ล้านเครื่องต่อปี เป็นกำลังผลิตเพื่อการส่งออก 80%

สาเหตุที่ย้ายฐานการผลิตสินค้าหลายประเภทสู่ไทย เนื่องจากแอลจีมองว่าประเทศไทยมีนโยบายที่จะเปิดเสรีการค้าหรือเอฟทีเอยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งจะช่วยทำให้ต้นทุนการผลิตเพื่อส่งออกทำตลาดทั่วโลกลดลง โดยเริ่มแรกที่ได้เปิดเอฟทีเอกับออสเตรเลียก็จะส่งผลดีกับแอลจีมาก ถึงแม้ว่าแอลจีจะมีโรงงานผลิตสินค้าที่ออสเตรเลียแล้ว แต่เป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กและรองรับตลาดภายในประเทศเท่านั้น โดยโรงงานไทยได้ส่งโทรทัศน์ไปทำตลาดที่ออสเตรเลียด้วย

นอกจากนี้ตลาดยุโรปซึ่งเป็นที่มีสัดส่วนการส่งออก 30% ยังให้ความเชื่อถือเครื่องใช้ไฟฟ้าแอลจีที่ผลิตจากประเทศไทย

"ประเทศไทยเป็น 1 ใน 20 ประเทศทั่วโลกที่บริษัทแม่มองเห็นว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพเพียงพอต่อการลงทุน" นายซี.เค.ชอยกล่าว

การย้ายฐานการผลิตสู่ไทยจะช่วยทำให้แอลจีได้เปรียบในเรื่องต้นทุนด้านราคาสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ซึ่งวิสัยทัศน์ในการกลับมาบริหารแอลจี ประเทศไทยอีกครั้ง ตนจะใช้ 3 กลยุทธ์หลักเพื่อเป็นเครื่องมือในการทำตลาดเมืองไทยเพื่อกระตุ้นยอดขายรวมปีนี้เติบโต 40% ตามเป้าหมาย คือ การเน้นออกนวัตกรรมใหม่พร้อมใช้เทคโนโลยีเฉพาะให้กับผลิตภัณฑ์ โดยแบ่งเทคโนโลยีเป็น 2 ประเภท คือ เอ็กซ์ดี เอนจิน ชิบ ซึ่งจะใช้กับผลิตภัณฑ์ทุกประเภทในหมวดภาพและเสียง และเทคโนโลยีนาโน ซิลเวอร์ จะใช้กับหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

กลยุทธ์ที่ 2 จะใช้กลยุทธ์การทำตลาดที่แข็งแกร่งในรูปแบบของแอลจี ที่จะช่วยผลักดันให้ยอดขายรวมทั่วโลกเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในสิ้นปี 2550 ซึ่งปัจจุบันแอลจีเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ยอดขายติดอันดับ 4 รองจากซัมซุง โดยอันดับ 1 เป็นจีอี พร้อมกับปรับโครงสร้างองค์กรให้การทำงานคล่องตัวเพื่อเป็นกลยุทธ์ที่ 3 ที่จะผลักดันให้แบรนด์แอลจีแข็งแกร่ง ซึ่งก่อนหน้านี้แอลจีได้เริ่มปรับโครงสร้างไปบ้างแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

นายอลงกรณ์ ชูจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) กล่าวเพิ่มเติมว่า กลางปี 2548 แอลจีจะนำกล้องดิจิตอลเข้ามาทำตลาดในไทย โดยมองว่าตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากและยังไม่ช้าไปที่จะเข้ามาทำตลาด ด้านงบการทำตลาดในครึ่งปีหลังบริษัทจะใช้เพิ่มขึ้นอีก 400 ล้านบาทเพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้าใหม่และให้ยอดขายรวมสิ้นปีเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8,500 ล้านบาท เติบโต 40% ซึ่งครึ่งปีแรกที่ผ่านมาแอลจีได้ใช้งบทำตลาดไปแล้ว 400 ล้านบาท และสามารถสร้างยอดขายได้ 4,600 ล้านบาทแล้ว

ปัจจุบันแอลจีมีส่วนแบ่งตลาดโทรทัศน์ 20% ติด 1 ใน 3 เครื่องซักผ้า 24% เป็นอันดับ 1 เครื่องปรับอากาศ 16-17% ไมโครเวฟเป็นอันดับ 2 ตั้งเป้าสิ้นปีหน้าจะก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1
กำลังโหลดความคิดเห็น