ชวาร์สคอฟ โชว์ยอดรายได้ครึ่งปีแรก 340 ล้านบาท เผยปัจจัยภายนอกในไทย โรคซาร์ส - น้ำมันขึ้นราคากระทบบริษัทฯบ้าง ล่าสุดเปิดตัวเทรนด์ผมและเทคนิคใหม่ล่าสุดจากแคทวอล์กระดับโลก 5สไตล์ "เอสเซนเชี่ยล ลุ๊ค" คาดสิ้นปียอดรายได้โตไม่ต่ำกว่า 15%
นายพิสิฐ กิตติอัครเสถียร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท เฮงเค็ลไทย (1999) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชวาร์สคอฟ โปรเฟสชั่นแนล เปิดเผยว่า ขณะนี้เทรนด์แฟชั่นผมม้ากำลังมาแรง ประกอบกับช่วงนี้เป็นฤดูกาลออทัมน์-วินเทอร์ บริษัทฯ จึงได้นำเทรนด์ผมและเทคนิคใหม่ล่าสุด"เอสเซนเชี่ยล ลุ๊ค" ที่ออกแบบโดย นาย ไทเลอร์ จอห์นสตัน ซึ่งเป็นการนำแฟชั่นที่รวบรวมเกี่ยวกับทรงผม, สีผม, เสื้อผ้าและเครื่องประดับมาจากเวทีแคทวอล์คระดับโลกทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ มิลาน, ปารีส, ลอนดอน และมิลาน โดยมีทรงทั้งหมด 5 สไตล์ ได้แก่ โบโห, พริม,ดาร์ก แกรม ,แอนดรอจีนี และเดอะซูทส์
นายพิสิฐ กล่าวต่อในส่วนกระแสนิยมของคนไทยว่า ช่วง 2 ปีก่อนเทรนด์ยืดผมมาแรง แต่มาในปีนี้แฟชั่นผมดัดก็กำลังแรง ซึ่งตรงนี้จะช่วยส่งผลให้น้ำยาดัดผมของชวาร์สคอฟ ขายดีตามไปด้วย รวมถึงผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสีก็มียอดขายที่ดีมาก คาดว่าในกลุ่มสีจะโตประมาณ 8-10%
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไทยประสบกับปัจจัยภายนอกหลายอย่าง อาทิ โรคซาร์ส, เหตุการณ์ภาคใต้ และราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อบริษัทฯ บ้างแต่ไม่มาก โดยยอดขายผลิตภัณฑ์ชวาร์สคอฟในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามียอดรายได้ 340 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ เนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่และการปรับเปลี่ยนแพคเกจจิ้งให้ดูทันสมัยขึ้น และคาดว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะโตไม่ต่ำกว่า 15% จากการจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ล่าสุดอีก 1-2 เดือนบริษัทฯเตรียมออกสินค้าในกลุ่มสี,ทรีทเมนท์บำรุงผมใหม่ ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของชวาร์สคอฟจะเป็นในระดับบีบวกถึงเอ ในขณะที่คู่แข่งในตลาดของบริษัทฯ ที่อยู่ในระดับเดียวกันมีไม่เพียงกี่ราย ได้แก่ ลอริอัลและเวลล่า
สำหรับปีนี้บริษัทฯ ได้ใช้งบทางการตลาด 20% ของยอดขายทั้งหมด ผ่านทางนิตยสารและการจัดกิจกรรมเป็นหลัก อาทิ การโรดโชว์เดินสายเพื่อถ่ายทอดเทคนิคและความรู้ให้แก่ช่างผมตามกรุงเทพฯและหัวเมืองหลักในต่างจังหวัด รวมถึงการจัดคอร์สอบรมให้แก่ช่างผมโดยเฉพาะ
ปัจจุบันลูกค้าของบริษัทฯ จะเป็นร้านทำผมเป็นหลัก ซึ่งมีประมาณ 1,300-1,400 ราย โดยในแต่ละปีบริษัทฯจะเพิ่มจำนวนลูกค้าในร้านทำผมประมาณปีละ 100 กว่าราย ส่วนที่เหลือบริษัทฯ จะขายสินค้าผ่านทางร้านยี่ปั๊วกว่า 110 รายทั่วประเทศ เพื่อให้สินค้าชวาร์สคอฟเข้าถึงร้านเสริมสวยได้อย่างครอบคลุมทั้งรายเล็ก กลาง และใหญ่
นายพิสิฐ กิตติอัครเสถียร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท เฮงเค็ลไทย (1999) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชวาร์สคอฟ โปรเฟสชั่นแนล เปิดเผยว่า ขณะนี้เทรนด์แฟชั่นผมม้ากำลังมาแรง ประกอบกับช่วงนี้เป็นฤดูกาลออทัมน์-วินเทอร์ บริษัทฯ จึงได้นำเทรนด์ผมและเทคนิคใหม่ล่าสุด"เอสเซนเชี่ยล ลุ๊ค" ที่ออกแบบโดย นาย ไทเลอร์ จอห์นสตัน ซึ่งเป็นการนำแฟชั่นที่รวบรวมเกี่ยวกับทรงผม, สีผม, เสื้อผ้าและเครื่องประดับมาจากเวทีแคทวอล์คระดับโลกทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ มิลาน, ปารีส, ลอนดอน และมิลาน โดยมีทรงทั้งหมด 5 สไตล์ ได้แก่ โบโห, พริม,ดาร์ก แกรม ,แอนดรอจีนี และเดอะซูทส์
นายพิสิฐ กล่าวต่อในส่วนกระแสนิยมของคนไทยว่า ช่วง 2 ปีก่อนเทรนด์ยืดผมมาแรง แต่มาในปีนี้แฟชั่นผมดัดก็กำลังแรง ซึ่งตรงนี้จะช่วยส่งผลให้น้ำยาดัดผมของชวาร์สคอฟ ขายดีตามไปด้วย รวมถึงผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสีก็มียอดขายที่ดีมาก คาดว่าในกลุ่มสีจะโตประมาณ 8-10%
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไทยประสบกับปัจจัยภายนอกหลายอย่าง อาทิ โรคซาร์ส, เหตุการณ์ภาคใต้ และราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อบริษัทฯ บ้างแต่ไม่มาก โดยยอดขายผลิตภัณฑ์ชวาร์สคอฟในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามียอดรายได้ 340 ล้านบาท ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จ เนื่องจากการออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่และการปรับเปลี่ยนแพคเกจจิ้งให้ดูทันสมัยขึ้น และคาดว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะโตไม่ต่ำกว่า 15% จากการจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่องและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ ล่าสุดอีก 1-2 เดือนบริษัทฯเตรียมออกสินค้าในกลุ่มสี,ทรีทเมนท์บำรุงผมใหม่ ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของชวาร์สคอฟจะเป็นในระดับบีบวกถึงเอ ในขณะที่คู่แข่งในตลาดของบริษัทฯ ที่อยู่ในระดับเดียวกันมีไม่เพียงกี่ราย ได้แก่ ลอริอัลและเวลล่า
สำหรับปีนี้บริษัทฯ ได้ใช้งบทางการตลาด 20% ของยอดขายทั้งหมด ผ่านทางนิตยสารและการจัดกิจกรรมเป็นหลัก อาทิ การโรดโชว์เดินสายเพื่อถ่ายทอดเทคนิคและความรู้ให้แก่ช่างผมตามกรุงเทพฯและหัวเมืองหลักในต่างจังหวัด รวมถึงการจัดคอร์สอบรมให้แก่ช่างผมโดยเฉพาะ
ปัจจุบันลูกค้าของบริษัทฯ จะเป็นร้านทำผมเป็นหลัก ซึ่งมีประมาณ 1,300-1,400 ราย โดยในแต่ละปีบริษัทฯจะเพิ่มจำนวนลูกค้าในร้านทำผมประมาณปีละ 100 กว่าราย ส่วนที่เหลือบริษัทฯ จะขายสินค้าผ่านทางร้านยี่ปั๊วกว่า 110 รายทั่วประเทศ เพื่อให้สินค้าชวาร์สคอฟเข้าถึงร้านเสริมสวยได้อย่างครอบคลุมทั้งรายเล็ก กลาง และใหญ่