ผู้จัดการรายวัน - เคาน์เตอร์แบรนด์เครื่องสำอางชี้ 2 ค้าปลีกยักษ์เดอะมอลล์-เซ็นทรัล เตรียมปรับแนวรบรับกระแสตลาดสินค้าผู้ชายมาแรง ขอปรับโฉมแผนกคอสเมติกส์แตกโซนบิวตี้ เจาะกลุ่มคุณผู้ชายเฉพาะ หลังเห็นแววเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์แห่ขนสินค้าจับกลุ่มชายทั่วโลกเพียบ ด้านสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทยผนึก 7 บริษัทวิจัยชั้นนำซุ่มทำสำรวจพฤติกรรมหนุ่มไทยเปลี่ยนไป พร้อมเผยผลก.ย.นี้ คลาแรงส์ชี้ผู้ชายมีแบรนด์ลอยัลตี้สูงใครเข้าตลาดก่อนได้แชร์ก่อน
ตลาดสินค้าเครื่องสำอางรวมไปถึงแฟชั่นที่เจาะกลุ่มผู้ชายเริ่มมีสีสันและบทบาทมากขึ้น เมื่อผู้ประกอบการทั้งเจ้าของแบรนด์เองรวมไปถึงบรรดาเจ้าของพื้นที่ที่เป็นค้าปลีก ต่างงัดเกมปรับตัวรองรับกับตลาดกลุ่มนี้ ที่คาดว่าจะเติบโตมากขึ้นในอนาคต
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า การปรับโฉมใหม่ของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ซึ่งจะเริ่มที่สาขาบางกะปิเป็นสาขาแรกนั้น ในส่วนของโซนคอสเมติกส์ชั้น 2 ซึ่งเดิมเป็นเคาน์เตอร์แบรนด์เครื่องสำอางภายใต้แนวคิดบิวตี้ ฮอลล์ ทางห้างฯ จะแยกโซนผลิตภัณฑ์คอสเมติกส์ ครีมบำรุงผิวสำหรับผู้ชายเฉพาะ โดยจะรวมเคานเตอร์แบรนด์เครื่องสำอางที่มีสินค้าเจาะกลุ่มผู้ชาย ได้แก่ ชิเซโด้ เมน, คลีนิกข์, ไบโอเธิร์ม ออมม์, คลาแร็งส์ เมน ลังโคม ออมม์ มารวมไว้เป็นโซนเดียวกัน
ทั้งนี้ แบรนด์ลังโคมเตรียมจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มผู้ชายในไทยครั้งแรก พร้อมกับการเปิดตัวโฉมใหม่ของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ซึ่งการแตกโซนคอสเมติกส์สำหรับผู้ชายของค้าปลีกขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นศักยภาพของตลาดสินค้าผู้ชายที่มีอัตราค่อนข้างสูง และเทรนด์ของสินค้าผู้ชายที่กำลังมาแรก โดยเชื่อว่าการแตกโซนคอสเมติกส์ผู้ชายจะช่วยให้ภาพรวมของตลาดนี้เติบโตมากขึ้น และการออกนิตยสารผู้ชายของเดอะมอลล์ก็จะยิ่งช่วยให้ภาพของตลาดนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ขณะที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลในส่วนของคอสเมติกส์ก็เตรียมที่จะปรับตัวเช่นกัน เนื่องจากเคาน์เตอร์แบรนด์เครื่องสำอางหลายรายได้รับการติดต่อจากตัวห้างสรรพสินค้า เพื่อการปรับโฉมรับกับการขยายตัวของตลาดคอสเมติกส์ผู้ชายเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคผู้ชายไทยเปลี่ยนไป หันมาให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพตัวเองมากขึ้น ตลาดสินค้าดูแลสุขภาพและบำรุงผิวจึงเป็นที่น่าจับตามอง และมีแนวโน้มจะได้รับความสนใจจากแบรนด์ชั้นนำต่างๆ เข้ามาทำตลาดกันมากขึ้น
แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีใครสำรวจว่าตลาดรวมของผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายมีมูลค่ามากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่จับต้องได้ขณะนี้ คือ มีหลายแบรนด์หันมาแตกไลน์สินค้าเพื่อคุณผู้ชายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะแบรนด์เครื่องสำอางระดับพรีเมี่ยม อาทิ ชิเซโด้แบรนด์เครื่องสำอางเคาน์เตอร์อันดับ 1 ที่เพิ่งแตกไลน์วางตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชายภายใต้แบรนด์ชิเซโด้ เมนตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา
ขณะที่ไบโอเธิร์มซึ่งมีแบรนด์ไบโอเธิร์ม ออมม์ก็ขนสินค้าใหม่สำหรับผู้ชายลงตลาดเพิ่มอีกหลายรายการ ส่วนคลาแร็งส์ที่นับว่าเป็นแบรนด์เครื่องสำอางผู้หญิงที่ลุกขึ้นมาทำตลาดสินค้าผู้ชายภายใต้แบรนด์คลาแร็งส์ เมนอย่างจริงจังเป็นรายแรกของตลาดระดับพรีเมียมตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา ก็ส่งผลิตภัณฑ์ลงทำตลาดเพิ่มอีก ด้านลังโคมเองก็อยู่ระหว่างศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของผู้ชายเพื่อพัฒนาเป็นสินค้าเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้
สำหรับแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคระดับแมสนั้น ดูเหมือนว่าจะมีเพียงนีเวียที่ใช้แบรนด์นีเวีย เมนรุกทำตลาดนี้อย่างจริงจังเท่านั้น ซึ่งล่าสุด ได้ส่งนีเวีย ดีโอ อะควาคูลลงทำตลาด พร้อมกับรีลอนช์กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชายเอนเนอร์จี้ใหม่อีกครั้ง เพื่อกระตุ้นยอดขายและรับกระแสสินค้าผู้ชายมาแรง
สมาคมวิจัยฯเร่งสำรวจชายไทย
ดร.ระวีวรรณ ประกอบผล นายกสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอคอร์น มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ รีเสิร์ซ แอนด์ คอนซัลแทนส์ จำกัด เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ปัจจัยที่ทำให้สินค้าผู้ชายขยายตัวมากขึ้น เป็นผลมาจากพฤติกรรมของกลุ่มผู้ชายเปลี่ยนแปลงไปหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลบุคลิกภาพ รูปร่าง หน้าตา บวกกับสภาพสังคมไทยให้การยอมรับกับพฤติกรรมดังกล่าวมากขึ้น ทำให้ผู้ชายกล้าที่จะซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และไม่ถูกมองว่าเป็นผู้ชายไม่จริง ซึ่งการที่สินค้าหลายแบรนด์หันมารุกทำตลาดนี้กันมากขึ้น จะยิ่งกระตุ้นความต้องการของกลุ่มผู้ชายที่ไม่กล้าใช้ผลิตภัณฑ์ให้หันมาใช้ผลิตภัณฑ์
นอกจากการหันมาดูแลบุคลิกภาพของตัวเองมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปแล้ว ผู้ชายยุคใหม่ยังชอบการชอปปิ้งมากขึ้นด้วย ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มใหม่ที่กลุ่มค้าปลีกควรจะจับตามอง และสร้างจุดขายใหม่เพื่อจับตลาดลูกค้ากลุ่มนี้ได้
ล่าสุด ทางสมาคมฯ ร่วมกับ 7 บริษัทวิจัยด้านการตลาดชั้นนำเตรียมจัดทำวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคผู้ชายไทย อายุ 15-60 ปี จำนวน 1,600 ตัวอย่างตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิ.ย. - ก.ย. นี้ ภายใต้หัวข้อ "ผู้ชายไทยวันนี้" เพื่อศึกษาความต้องการของกลุ่มผู้ชายเกี่ยวกับการบริโภคสินค้า การจัดการด้านการเงิน การพักผ่อนท่องเที่ยว และสามารถเป็นข้อมูลที่ดีให้นักการตลาดนำไปปรับใช้กับธุรกิจและสินค้า โดยพร้อมจะเปิดเผยผลวิจัยดังกล่าวในวันที่ 28 กันยายน ที่จะถึงนี้
คลาแรงส์ชี้มาก่อนได้แชร์ก่อน
นางสาวอรพรรณ ตั้งหัตถการ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เครื่องสำอางคลาแร็งส์ บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด ในกลุ่มเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ผู้บริโภคผู้ชายมีความต้องการต่อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอยู่แล้ว แต่ยังไม่ค่อยมีใครที่ทำแบรนด์เพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ชายจะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของผู้หญิง เมื่อหลายแบรนด์ออกมาทำตลาดมากขึ้น จะทำให้กลุ่มผู้ชายกล้าที่จะใช้สินค้ามากขึ้น และพฤติกรรมของผู้ชายจะจงรักภักดีต่อแบรนด์แรกที่ใช้ ดังนั้น ใครรีบเข้ามาทำตลาดในช่วงนี้ก่อนก็จะได้ส่วนแบ่งตลาดไปครองทันที
สำหรับคลาแร็งส์ เมนปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโต 5% และมีสัดส่วนยอดขาย 5% ของยอดขายคลาแร็งส์ทั้งหมด แต่ปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% และจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 8-10% เนื่องจากผู้เล่นหลายแบรนด์จะทำให้พฤติกรรมผู้ชายกล้าใจสินค้าได้มากขึ้น
ไบโอเธิร์มขยับเจาะวัยรุ่นชาย
นางวันดี วีระรัตนมณี ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ไบโอเธิร์ม บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ปีนี้ไบโอเธิร์มมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายของสินค้าผู้ชายภายใต้แบรนด์ไบโอเธิร์ม ออมม์จาก 7% เป็น 12% ของยอดขายทั้งหมด โดยการส่งสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอีก 10 รายการ เพิ่มกิจกรรมและให้บริการนวดหน้าผู้ชายตามจุดเคาน์เตอร์บนห้างสรรพสินค้าเป็นครั้งแรก ซึ่งคาดว่าจะช่วยขยายฐานสมาชิกลูกค้ากลุ่มนี้ได้มากขึ้น จากเดิมที่มีอยู่ 7% ของยอดสมาชิกทั้งหมด 35,000 ราย
นอกจากนี้ยังวางแผนที่จะขยับฐานไปสู่กลุ่มวัยรุ่นผู้ชายด้วยการส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ แอคโน ครีม 3 รายการจับกลุ่มผู้ชายอายุ 15 ปี จากกลุ่มเป้าหมายเดิมของไบโอเธิร์ม ออมม์เป็นผู้ชายอายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งคาดว่าจะช่วยทำให้ยอดขายของออมม์เติบโตได้มากกว่า 100% โดยในปีที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีอัตราการเติบโต 90%
ขายตรงเร่งเพิ่มสัดส่วนสินค้าชาย
ด้านธุรกิจขายตรงยอดขายของผลิตภัณฑ์ผู้ชายก็มีอัตราการเติบโตที่ดีไม่แพ้ธุรกิจประเภทอื่น ส่งผลให้เอวอนซึ่งเดิมมีเพียงผลิตภัณฑ์น้ำหอมสำหรับผู้ชายก็เตรียมที่ขยายไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยบริษัทแม่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีเอวอนสำหรับผู้ชายวางจำหน่ายแล้ว แต่ในภูมิภาคเอเชียคาดว่าจะเป็นช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริมที่เดิมทำตลาดเฉพาะกับกลุ่มผู้หญิงหลายแบรนด์ก็หันมาให้ความสนใจกับตลาดกลุ่มผู้ชายมากขึ้น
นางฐิติมา โอภาสวงการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยู สตาร์ (ประเทศไทย ) จำกัด เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ยู สตาร์ มาย กาย เป็นแบรนด์ย่อยของผลิตภัณฑ์ที่ใช้เจาะกลุ่มผู้ชายโดยเฉพาะ มีสินค้าครบไลน์ เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มความต้องการของผู้ชายตั้งแต่ช่วงที่ยู สตาร์เปิดตัวเข้ามาทำตลาดแล้ว ซึ่งบริษัทมองว่าผู้ชายมีความต้องการดูแลตัวเอง แต่ไม่แสดงออก โดยยอดขายของมาย กายเมื่อปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 50% และมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนของสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอีก
ขณะที่มิสทินเจ้าตลาดขายตรงแบบชั้นเดียวก็ปรับโฉมผลิตภัณฑ์ที่เจาะกลุ่มผู้ชายให้ชัดเจนมากขึ้น โดยจากเดิมมีแบรนด์ย่อยท็อป คันทรี ซึ่งมีสินค้าครบไลน์ใช้ทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าผู้ชายค่อนข้างนานแล้ว แต่กระแสผู้ชายที่มาแรงในช่วงนี้ จึงทำให้มิสทินต้องเสริมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายใต้แบรนด์ย่อยแบรนด์ใหม่ คิวเทน ฟอร์ เมน เพื่อกระตุ้นสัดส่วนของยอดขายสินค้าผู้ชายให้มากขึ้น
ตลาดสินค้าเครื่องสำอางรวมไปถึงแฟชั่นที่เจาะกลุ่มผู้ชายเริ่มมีสีสันและบทบาทมากขึ้น เมื่อผู้ประกอบการทั้งเจ้าของแบรนด์เองรวมไปถึงบรรดาเจ้าของพื้นที่ที่เป็นค้าปลีก ต่างงัดเกมปรับตัวรองรับกับตลาดกลุ่มนี้ ที่คาดว่าจะเติบโตมากขึ้นในอนาคต
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า การปรับโฉมใหม่ของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ซึ่งจะเริ่มที่สาขาบางกะปิเป็นสาขาแรกนั้น ในส่วนของโซนคอสเมติกส์ชั้น 2 ซึ่งเดิมเป็นเคาน์เตอร์แบรนด์เครื่องสำอางภายใต้แนวคิดบิวตี้ ฮอลล์ ทางห้างฯ จะแยกโซนผลิตภัณฑ์คอสเมติกส์ ครีมบำรุงผิวสำหรับผู้ชายเฉพาะ โดยจะรวมเคานเตอร์แบรนด์เครื่องสำอางที่มีสินค้าเจาะกลุ่มผู้ชาย ได้แก่ ชิเซโด้ เมน, คลีนิกข์, ไบโอเธิร์ม ออมม์, คลาแร็งส์ เมน ลังโคม ออมม์ มารวมไว้เป็นโซนเดียวกัน
ทั้งนี้ แบรนด์ลังโคมเตรียมจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มผู้ชายในไทยครั้งแรก พร้อมกับการเปิดตัวโฉมใหม่ของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ซึ่งการแตกโซนคอสเมติกส์สำหรับผู้ชายของค้าปลีกขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นศักยภาพของตลาดสินค้าผู้ชายที่มีอัตราค่อนข้างสูง และเทรนด์ของสินค้าผู้ชายที่กำลังมาแรก โดยเชื่อว่าการแตกโซนคอสเมติกส์ผู้ชายจะช่วยให้ภาพรวมของตลาดนี้เติบโตมากขึ้น และการออกนิตยสารผู้ชายของเดอะมอลล์ก็จะยิ่งช่วยให้ภาพของตลาดนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ขณะที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลในส่วนของคอสเมติกส์ก็เตรียมที่จะปรับตัวเช่นกัน เนื่องจากเคาน์เตอร์แบรนด์เครื่องสำอางหลายรายได้รับการติดต่อจากตัวห้างสรรพสินค้า เพื่อการปรับโฉมรับกับการขยายตัวของตลาดคอสเมติกส์ผู้ชายเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคผู้ชายไทยเปลี่ยนไป หันมาให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพตัวเองมากขึ้น ตลาดสินค้าดูแลสุขภาพและบำรุงผิวจึงเป็นที่น่าจับตามอง และมีแนวโน้มจะได้รับความสนใจจากแบรนด์ชั้นนำต่างๆ เข้ามาทำตลาดกันมากขึ้น
แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีใครสำรวจว่าตลาดรวมของผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายมีมูลค่ามากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่จับต้องได้ขณะนี้ คือ มีหลายแบรนด์หันมาแตกไลน์สินค้าเพื่อคุณผู้ชายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะแบรนด์เครื่องสำอางระดับพรีเมี่ยม อาทิ ชิเซโด้แบรนด์เครื่องสำอางเคาน์เตอร์อันดับ 1 ที่เพิ่งแตกไลน์วางตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชายภายใต้แบรนด์ชิเซโด้ เมนตั้งแต่ต้นเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา
ขณะที่ไบโอเธิร์มซึ่งมีแบรนด์ไบโอเธิร์ม ออมม์ก็ขนสินค้าใหม่สำหรับผู้ชายลงตลาดเพิ่มอีกหลายรายการ ส่วนคลาแร็งส์ที่นับว่าเป็นแบรนด์เครื่องสำอางผู้หญิงที่ลุกขึ้นมาทำตลาดสินค้าผู้ชายภายใต้แบรนด์คลาแร็งส์ เมนอย่างจริงจังเป็นรายแรกของตลาดระดับพรีเมียมตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา ก็ส่งผลิตภัณฑ์ลงทำตลาดเพิ่มอีก ด้านลังโคมเองก็อยู่ระหว่างศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของผู้ชายเพื่อพัฒนาเป็นสินค้าเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้
สำหรับแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคระดับแมสนั้น ดูเหมือนว่าจะมีเพียงนีเวียที่ใช้แบรนด์นีเวีย เมนรุกทำตลาดนี้อย่างจริงจังเท่านั้น ซึ่งล่าสุด ได้ส่งนีเวีย ดีโอ อะควาคูลลงทำตลาด พร้อมกับรีลอนช์กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้ชายเอนเนอร์จี้ใหม่อีกครั้ง เพื่อกระตุ้นยอดขายและรับกระแสสินค้าผู้ชายมาแรง
สมาคมวิจัยฯเร่งสำรวจชายไทย
ดร.ระวีวรรณ ประกอบผล นายกสมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอคอร์น มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ รีเสิร์ซ แอนด์ คอนซัลแทนส์ จำกัด เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ปัจจัยที่ทำให้สินค้าผู้ชายขยายตัวมากขึ้น เป็นผลมาจากพฤติกรรมของกลุ่มผู้ชายเปลี่ยนแปลงไปหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลบุคลิกภาพ รูปร่าง หน้าตา บวกกับสภาพสังคมไทยให้การยอมรับกับพฤติกรรมดังกล่าวมากขึ้น ทำให้ผู้ชายกล้าที่จะซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และไม่ถูกมองว่าเป็นผู้ชายไม่จริง ซึ่งการที่สินค้าหลายแบรนด์หันมารุกทำตลาดนี้กันมากขึ้น จะยิ่งกระตุ้นความต้องการของกลุ่มผู้ชายที่ไม่กล้าใช้ผลิตภัณฑ์ให้หันมาใช้ผลิตภัณฑ์
นอกจากการหันมาดูแลบุคลิกภาพของตัวเองมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปแล้ว ผู้ชายยุคใหม่ยังชอบการชอปปิ้งมากขึ้นด้วย ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มใหม่ที่กลุ่มค้าปลีกควรจะจับตามอง และสร้างจุดขายใหม่เพื่อจับตลาดลูกค้ากลุ่มนี้ได้
ล่าสุด ทางสมาคมฯ ร่วมกับ 7 บริษัทวิจัยด้านการตลาดชั้นนำเตรียมจัดทำวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคผู้ชายไทย อายุ 15-60 ปี จำนวน 1,600 ตัวอย่างตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมิ.ย. - ก.ย. นี้ ภายใต้หัวข้อ "ผู้ชายไทยวันนี้" เพื่อศึกษาความต้องการของกลุ่มผู้ชายเกี่ยวกับการบริโภคสินค้า การจัดการด้านการเงิน การพักผ่อนท่องเที่ยว และสามารถเป็นข้อมูลที่ดีให้นักการตลาดนำไปปรับใช้กับธุรกิจและสินค้า โดยพร้อมจะเปิดเผยผลวิจัยดังกล่าวในวันที่ 28 กันยายน ที่จะถึงนี้
คลาแรงส์ชี้มาก่อนได้แชร์ก่อน
นางสาวอรพรรณ ตั้งหัตถการ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เครื่องสำอางคลาแร็งส์ บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด ในกลุ่มเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ผู้บริโภคผู้ชายมีความต้องการต่อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอยู่แล้ว แต่ยังไม่ค่อยมีใครที่ทำแบรนด์เพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ชายจะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของผู้หญิง เมื่อหลายแบรนด์ออกมาทำตลาดมากขึ้น จะทำให้กลุ่มผู้ชายกล้าที่จะใช้สินค้ามากขึ้น และพฤติกรรมของผู้ชายจะจงรักภักดีต่อแบรนด์แรกที่ใช้ ดังนั้น ใครรีบเข้ามาทำตลาดในช่วงนี้ก่อนก็จะได้ส่วนแบ่งตลาดไปครองทันที
สำหรับคลาแร็งส์ เมนปีที่ผ่านมาอัตราการเติบโต 5% และมีสัดส่วนยอดขาย 5% ของยอดขายคลาแร็งส์ทั้งหมด แต่ปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% และจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 8-10% เนื่องจากผู้เล่นหลายแบรนด์จะทำให้พฤติกรรมผู้ชายกล้าใจสินค้าได้มากขึ้น
ไบโอเธิร์มขยับเจาะวัยรุ่นชาย
นางวันดี วีระรัตนมณี ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ไบโอเธิร์ม บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ปีนี้ไบโอเธิร์มมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายของสินค้าผู้ชายภายใต้แบรนด์ไบโอเธิร์ม ออมม์จาก 7% เป็น 12% ของยอดขายทั้งหมด โดยการส่งสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอีก 10 รายการ เพิ่มกิจกรรมและให้บริการนวดหน้าผู้ชายตามจุดเคาน์เตอร์บนห้างสรรพสินค้าเป็นครั้งแรก ซึ่งคาดว่าจะช่วยขยายฐานสมาชิกลูกค้ากลุ่มนี้ได้มากขึ้น จากเดิมที่มีอยู่ 7% ของยอดสมาชิกทั้งหมด 35,000 ราย
นอกจากนี้ยังวางแผนที่จะขยับฐานไปสู่กลุ่มวัยรุ่นผู้ชายด้วยการส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ แอคโน ครีม 3 รายการจับกลุ่มผู้ชายอายุ 15 ปี จากกลุ่มเป้าหมายเดิมของไบโอเธิร์ม ออมม์เป็นผู้ชายอายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งคาดว่าจะช่วยทำให้ยอดขายของออมม์เติบโตได้มากกว่า 100% โดยในปีที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีอัตราการเติบโต 90%
ขายตรงเร่งเพิ่มสัดส่วนสินค้าชาย
ด้านธุรกิจขายตรงยอดขายของผลิตภัณฑ์ผู้ชายก็มีอัตราการเติบโตที่ดีไม่แพ้ธุรกิจประเภทอื่น ส่งผลให้เอวอนซึ่งเดิมมีเพียงผลิตภัณฑ์น้ำหอมสำหรับผู้ชายก็เตรียมที่ขยายไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยบริษัทแม่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีเอวอนสำหรับผู้ชายวางจำหน่ายแล้ว แต่ในภูมิภาคเอเชียคาดว่าจะเป็นช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารเสริมที่เดิมทำตลาดเฉพาะกับกลุ่มผู้หญิงหลายแบรนด์ก็หันมาให้ความสนใจกับตลาดกลุ่มผู้ชายมากขึ้น
นางฐิติมา โอภาสวงการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยู สตาร์ (ประเทศไทย ) จำกัด เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ยู สตาร์ มาย กาย เป็นแบรนด์ย่อยของผลิตภัณฑ์ที่ใช้เจาะกลุ่มผู้ชายโดยเฉพาะ มีสินค้าครบไลน์ เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มความต้องการของผู้ชายตั้งแต่ช่วงที่ยู สตาร์เปิดตัวเข้ามาทำตลาดแล้ว ซึ่งบริษัทมองว่าผู้ชายมีความต้องการดูแลตัวเอง แต่ไม่แสดงออก โดยยอดขายของมาย กายเมื่อปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโต 50% และมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนของสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอีก
ขณะที่มิสทินเจ้าตลาดขายตรงแบบชั้นเดียวก็ปรับโฉมผลิตภัณฑ์ที่เจาะกลุ่มผู้ชายให้ชัดเจนมากขึ้น โดยจากเดิมมีแบรนด์ย่อยท็อป คันทรี ซึ่งมีสินค้าครบไลน์ใช้ทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าผู้ชายค่อนข้างนานแล้ว แต่กระแสผู้ชายที่มาแรงในช่วงนี้ จึงทำให้มิสทินต้องเสริมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายใต้แบรนด์ย่อยแบรนด์ใหม่ คิวเทน ฟอร์ เมน เพื่อกระตุ้นสัดส่วนของยอดขายสินค้าผู้ชายให้มากขึ้น