วันนี้ (1 ส.ค.) จากกรณี พ.ต.อ.วิสุทธิ์ วาณิชบุตร รอง ผบก.ท. ได้แจ้งความ ดำเนินคดีกับ น.ส.เกศรินทร์ ชัยเฉลิมพล หรือ ‘น้องแนท’ นางเอกหนังแผ่นเรื่อง “โมรา” และ “เธอชื่อแอน” ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐาน ร่วมกันทำ ผลิตมีไว้ ซึ่งซีดีลามกอนาจาร เพื่อประสงค์แห่งการค้าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 287 ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามไปแล้วนั้น
รายงานข่าวจากกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) แจ้งว่า บช.ก.ได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ชะลอเรื่องการสอบสวนไว้ก่อน โดยจะมีการ พิจารณาร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อโอนคดีดังกล่าวไปให้ สน.พลับพลาไชย 1 ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ที่กองทะเบียนเข้าไปจับกุมแผ่นซีดีหนัง “น้องแนท” รับไปดูแลแทน
ทั้งนี้ก็เพราะเพราะข่าวน้องแนท กำลังตกอยู่ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม ไม่ว่าจากองค์สิทธิสตรี สภาทนายความ หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกันเอง ในประเด็นการละเมิดสิทธิสตรี รวมถึงการหลอกล่อให้น้องแนทมาพบและยอมรับสารภาพ ก่อนดำเนินคดี อีกทั้งในระหว่างนี้กำลังอยู่ในช่วงโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ประจำปี 2547 ส่งผลให้การแนวทางการสอบสวนอาจจะต้องล่าช้าออกไป
ด้านนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่าทนายความยินดีที่จะดูแลและช่วยเหลือด้านการว่าความให้ สิ่งที่ทำคือการมีจรรยาบรรณ ปกป้องผู้เสียหาย ไว้เป็นความลับ รวมทั้งเวลาส่งฟ้องต่อศาลจะต้องพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ แต่สิ่งที่เห็น ขณะนี้ตำรวจรีบสรุปเกินไป จนทำให้ผู้เสียหายคนดังกล่าวได้รับความบอบช้ำ ความจริงอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวน ตำรวจจะต้องสืบแบบเงียบๆ ซึ่งคดีนี้ ไม่ได้ยุ่งยากแต่ตำรวจกลับออกมาประโคมข่าวทำไม
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศการจำหน่ายแผ่นซีดีลามก “น้องแนท” หลายเวรอ์ชั่น ที่แอบถูกนำมาตัดต่อออกมาวางจำหน่ายในย่านตลาดคลองถมและโดยรอบท้องสนามหลวง ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งผู้จำหน่ายจะใช้เด็กเร่ เดินจำหน่ายโดยตรง โดยราคาตกอยู่ที่แผ่นละ 100 บาท ขณะที่หนังลามกเรื่องอื่นๆ ราคาจะอยู่ที่แผ่นละ 50 บาท หรือ 3 แผ่น 100 โดยไม่มีการกวาดขันจับกุมอย่างจริงจัง จากตำรวจท้องที่
นอกจากนี้ หนังของน้องแน็ทได้ชื่อว่าเป็นหนังเอื้ออาทร มากที่สุด เพราะมีการไรท์และก็อปปี้จากแผ่น ตามระบบจากเพื่อนต่อเพื่อนถึงเพื่อนให้เพื่อน มากที่สุด
รายงานข่าวจากกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) แจ้งว่า บช.ก.ได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ชะลอเรื่องการสอบสวนไว้ก่อน โดยจะมีการ พิจารณาร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อโอนคดีดังกล่าวไปให้ สน.พลับพลาไชย 1 ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ที่กองทะเบียนเข้าไปจับกุมแผ่นซีดีหนัง “น้องแนท” รับไปดูแลแทน
ทั้งนี้ก็เพราะเพราะข่าวน้องแนท กำลังตกอยู่ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม ไม่ว่าจากองค์สิทธิสตรี สภาทนายความ หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกันเอง ในประเด็นการละเมิดสิทธิสตรี รวมถึงการหลอกล่อให้น้องแนทมาพบและยอมรับสารภาพ ก่อนดำเนินคดี อีกทั้งในระหว่างนี้กำลังอยู่ในช่วงโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ประจำปี 2547 ส่งผลให้การแนวทางการสอบสวนอาจจะต้องล่าช้าออกไป
ด้านนายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ กล่าวว่าทนายความยินดีที่จะดูแลและช่วยเหลือด้านการว่าความให้ สิ่งที่ทำคือการมีจรรยาบรรณ ปกป้องผู้เสียหาย ไว้เป็นความลับ รวมทั้งเวลาส่งฟ้องต่อศาลจะต้องพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ แต่สิ่งที่เห็น ขณะนี้ตำรวจรีบสรุปเกินไป จนทำให้ผู้เสียหายคนดังกล่าวได้รับความบอบช้ำ ความจริงอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวน ตำรวจจะต้องสืบแบบเงียบๆ ซึ่งคดีนี้ ไม่ได้ยุ่งยากแต่ตำรวจกลับออกมาประโคมข่าวทำไม
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศการจำหน่ายแผ่นซีดีลามก “น้องแนท” หลายเวรอ์ชั่น ที่แอบถูกนำมาตัดต่อออกมาวางจำหน่ายในย่านตลาดคลองถมและโดยรอบท้องสนามหลวง ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งผู้จำหน่ายจะใช้เด็กเร่ เดินจำหน่ายโดยตรง โดยราคาตกอยู่ที่แผ่นละ 100 บาท ขณะที่หนังลามกเรื่องอื่นๆ ราคาจะอยู่ที่แผ่นละ 50 บาท หรือ 3 แผ่น 100 โดยไม่มีการกวาดขันจับกุมอย่างจริงจัง จากตำรวจท้องที่
นอกจากนี้ หนังของน้องแน็ทได้ชื่อว่าเป็นหนังเอื้ออาทร มากที่สุด เพราะมีการไรท์และก็อปปี้จากแผ่น ตามระบบจากเพื่อนต่อเพื่อนถึงเพื่อนให้เพื่อน มากที่สุด