xs
xsm
sm
md
lg

คดี"เจริญ วัดอักษร"ฤาจะจบลงที่ตรงนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายงานพิเศษ

วันนี้ (30 ก.ค.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะประชุมสรุปอีกครั้ง ว่าจะรับโอนคดี เจริญ วัดอักษร จากตำรวจพื้นที่มาดำเนินการตามคำเรียกร้องของกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก-กุยบุรี หรือไม่?
ตลอดเวลากว่าเดือนที่ชาวบ่อนอกเคลื่อนไหวเรียกร้อง ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาทำคดีสังหาร "เจริญ วัดอักษร" นอกเหนือจากเหตุผลเพราะไม่ไว้วางใจตำรวจในพื้นที่ ซึ่งรู้กันทั่วไปว่า อยู่ในสภาพไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินแล้ว

ประเด็นเบื้องหลังที่สำคัญที่ไม่อาจมองข้ามเด็ดขาดก็คือ กลุ่มอิทธิพลระดับชาติในพื้นที่เมืองประจวบฯ ซึ่งชาวบ่อนอกหวั่นไหวลึกๆ ว่าจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับเหตุการณ์สังหารแกนนำชาวบ่อนอก หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพบว่า การสอบสวนเริ่มถูกบีบประเด็นให้หดแคบเป็นเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวและเร่งรัดปิดสำนวนโดยเร็ว

นางกรณ์อุมา พงษ์น้อย ภรรยาของ เจริญ วัดอักษร ได้ชี้ประเด็นความผิดปกติในการสืบสวนสอบสวนและทำสำนวนคดีของตำรวจ ในโอกาสที่เปิดแถลงข่าวหลายครั้งหลายหน ดังเช่น

(1) การไม่พิจารณาสืบสวนขยายผลในประเด็นที่มีความเชื่อมโยงกับการสูญเสียประโยชน์ของกลุ่มทุนใหญ่และกลุ่มอิทธิพล ที่บุกรุกที่ดินสาธารณะ 931 ไร่ ซึ่งเป็นกลุ่มอิทธิพลเดียวกันที่มีส่วนได้เสียกับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน

(2) กลุ่มอิทธิพลที่พยายามครอบครองที่สาธารณะ และกลุ่มข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิในที่ดินสาธารณะจำนวน 53 ไร่ ซึ่งมีนายทุนจากส่วนกลางเข้าเตรียมพื้นที่ทำรีสอร์ต กลุ่มนี้ถูกละเลยไม่ดำเนินการสอบขยายผลต่อเช่นกัน

(3) การสอบขยายผลในประเด็นที่อาจเกี่ยวโยงไปถึงโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งชาวบ่อนอก ยังติดใจอยู่ถึงบัดนี้ว่าเหตุใดตำรวจจึงละเลย มิหนำซ้ำยังมีการชี้นำจากนักการเมืองในระดับรัฐมนตรี ที่ออกมายืนยันว่า ไม่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้า เพราะเรื่องจบไปแล้วเนื่องจากโรงไฟฟ้าถ่านหินย้ายพื้นที่

"ประเด็นต่างๆ เหล่านั้นต่างไม่ได้รับการสืบสวนขยายผล เสมือนว่า มีกรอบจำกัดในการสืบสวนไว้ล่วงหน้า" นางกรณ์อุมา ตั้งข้อสังเกต

กลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก ต่างเชื่อมั่นว่า การตายของ เจริญ มีสาเหตุมาจากความขัดแย้งกับกลุ่มผลประโยชน์ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ รวมทั้งกลุ่มทุนใหญ่ และเชื่อว่า ภายใต้บริบทของสังคมไทยกลุ่มอิทธิพลมักประสานกันเป็นเครือข่าย ไม่ว่าผู้ร้ายหรือเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน ต่างสร้างเครือข่ายแห่งการอุปถัมภ์ไว้เกื้อหนุนจุนเจือกัน อาศัยประโยชน์ซึ่งกันและกัน

"ที่ประจวบฯ ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกันเครือข่ายกลุ่มอิทธิพล ยากที่จะตัดจากความเป็นมิตรร่วมก๊วน อิทธิพลร่วมแก๊ง ดังนั้น การวิ่งเต้นติดต่อกับเครือข่ายเพื่อเบี่ยงเบนคดีสังหารนายเจริญ วัดอักษรให้เป็นเหตุแห่งการโกรธแค้นส่วนตัว จึงปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน โดยอาศัยกลไกรัฐทำหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อไม่ให้สาวไส้ไปถึงกลุ่มผู้ร่วมกระบวนการทั้งหมด" แถลงการณ์ของกลุ่มรักษ์บ่อนอกต่อสาธารณะ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พยายามชี้ประเด็นให้เห็นถึงกลุ่มอิทธิพล ที่ยิ่งใหญ่กว่าเพียงแค่คนในตระกูล "หินแก้ว" เท่านั้น ที่น่าจะรับรู้และอาจร่วมขบวนการสังหาร
------------------------------
ก่อนหน้านี้ "กำนันเจือ หินแก้ว" เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในท้องถิ่น ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อย เมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินจะเกิดที่บ่อนอก กำนันเจือ ได้รับความไว้วางใจจากโรงไฟฟ้าให้เป็นถึงประธานกองทุนฯ แต่อย่างไรก็ตาม หลังโรงไฟฟ้าถอนตัวออกจากพื้นที่ ประกอบกับชาวบ่อนอกใช้วิธีการบอยคอตกำนันเจือ อย่างรุนแรงในช่วงคัดค้านโรงไฟฟ้า ทำให้บารมีของกำนันเจือ ถดถอยลง

ดังนั้น การพยายามโยงไปถึงกลุ่มตระกูลหินแก้ว ว่ามีส่วนพัวพันกับการสังหาร เจริญ วัดอักษร ตามลำพังของตำรวจในเวลานี้ จึงเกิดคำถามขึ้นในพื้นที่ว่า เหตุใดคนตระกูลนี้จึงยอมรับงานในช่วงตกต่ำ และชาวบ่อนอกต่างเชื่อมั่นกันว่า เจริญ ถูกลงขันฆ่าจากคนที่เสียประโยชน์หลายกลุ่ม

ความสงสัยยังเลยไปถึงประเด็นที่ว่า แท้จริงแล้วมีข้อตกลงและสร้างพลอตเรื่องกันไว้ล่วงหน้าก่อนสังหารแล้วว่า จะให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเริ่มต้นและมีบทสรุปอย่างไร จะตัดตอนให้มีคนเพียงกลุ่มเดียวรับข้อหา ใช่หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นการขยายผลสอบหลังสเกตซ์ภาพคนร้าย ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ

คนแรกคือ จวบ สังสิริ ก็ต้องถูกสาวต่อ ไม่ใช่ถูกปัดทิ้งหาย เว้นแต่ตำรวจอาจหวั่นเกรงว่าจะเจอ "ตอใหญ่" หากยังไม่รามือจากเบาะแสนี้ เพราะคนในพื้นที่รู้กันทั่วไปว่ามือปืนรายนี้สังกัดซุ้มนักการเมืองไหน
แล้วใครจะอธิบายต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ลั่นวาจาให้ล้างกลุ่มอิทธิพลแห่งเมืองประจวบฯ หลังเกิดกรณียิง เจริญ วัดอักษร

ถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่ภรรยาของ เจริญ หวาดหวั่นว่าจะมีไอ้โม่งช่วยให้ผู้ต้องหาหลุดคดีในชั้นศาล เพราะพยานหลักฐานอ่อน และการเบี่ยงคดีให้เป็นเพียงเหตุผลความแค้นส่วนตัว ยิ่งนานวันก็ยิ่งปรากฏชัดขึ้น และการร่ำร้องให้ ดีเอสไอ ลงไปช่วยทำคดีก็อาจเป็นเพียงความพยายามที่สูญเปล่า ?
กำลังโหลดความคิดเห็น