นายโภคิน พลกุล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเลือกตั้งประธานสภากทม.ที่ยังมีปัญหา ว่า
ล่าสุดทางคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ส่งคำวินิจฉัยมาแล้ว และได้ส่งหนังสือไปที่สภากทม.และผู้ว่าฯกทม.โดยแจ้งให้ทางสภากทม.ไปดำเนินการเลือกประธานสภากทม.ใหม่ ให้ถูกต้อง โดยการคัดเลือกประธานคนใหม่ จะให้ทางสภากทม.ไปดำเนินการเอง ก็เป็นไปตามแนวคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นการด่วน โดยสภากทม.จะต้องไปดำเนินการตามกฎหมาย หรือระเบียบข้อบังคับต่างๆ ซึ่งก็ได้แจ้งไปตามหน้าที่แล้ว แต่ถ้าทางสภากทม.ไม่ปฏิบัติตามจะต้องมาว่ากันอีกที
“มัวแต่มาเถียงเพียงแค่ 1 คนว่า ใครถูก ฝ่ายไหนมี 30 คะแนน และฝ่ายไหนมี 29 คะแนน ถ้าเป็นผมคงนัดประชุมใหม่ เลือกแบบขานชื่อ เรื่องก็จบไปนานแล้ว ไม่ใช่มานั่งเถียงกันว่า รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งเลือกตั้งใหม่ ได้หรือไม่ ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็น เพราะสาระสำคัญอยู่ที่พวกคุณรับกันได้หรือไม่ว่า สิ่งที่ทำกันมาถูกต้องหรือไม่ แต่ตรงนี้ไม่ยอมแก้ มาบอกว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจ ตรงนี้คนละเรื่อง"รมว.มหาดไทย กล่าว
ด้านนายธนา ชีรวินิจ ประธานสภากทม. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หนังสือที่ส่งมาให้ เป็นเพียงหนังสือที่แจ้งให้สภากทม.ดำเนินการเลือกประธานให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือ ระเบียบข้อบังคับ ไม่ใช่คำสั่ง
ทั้งนี้ ตามบันทึกของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ระบุชัดเจนแล้วว่า กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจสั่งการยับยั้ง หรือสั่งการได้เฉพาะผู้ว่าฯ กทม.เท่านั้น แต่ไม่ได้หมายรวมถึงสภากทม.ดังนั้น จึงไม่มีอำนาจสั่งการเรื่องที่จะให้เลือกตั้งประธานสภากทม.ใหม่ตาม มาตรา 123 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ กทม.พ.ศ.2528 เพราะอาจจะขัดรัฐธรรมนูญ
อีกทั้งหากทางมหาดไทยเองก็ไม่ได้มีคำสั่งชี้ขาดว่า การเลือกตั้งประธานสภากทม.เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมาเป็นโมฆะ จึงทำได้แค่แจ้งให้ทางสภากทม.ดำเนินการเท่านั้น และตอนนี้ทางสภากทม.เห็นว่า การเลือกตั้งประธานสภา และรองประธานสภาถูกต้องแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเลือกตั้งใหม่
“การดำรงตำแหน่งของประธานสภาและรองประธานสภากทม.จะพ้นจากวาระการดำรงตำแหน่งนั้น สาเหตุจะมาจากขาดจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภากทม.,ลาออกจากตำแหน่งโดยยื่นหนังสือลาออกต่อรมว.มหาดไทย และให้มีผลนับแต่วันที่ยื่นหนังสือลาออก และเมื่อสมาชิกสภากทม.ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมด เข้าชื่อเสนอญัตติให้สภากทม.มีการเลือกตั้งประธานสภาหรือรองประธานใหม่และสภากทม.มีมติตามนั้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด โดยให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อได้มีการเลือกตั้งประธานสภาหรือรองประธานสภากทม.แล้วแต่กรณี”
นายธนา กล่าวอีกว่า การใช้อำนาจของรมว.มหาดไทย ดังกล่าวข้างต้นย่อมไม่เป็นการตัดสิทธิผู้ซึ่งได้รับความเสียหายจากการดำเนินการของของสภากทม.ที่จะนำคดีไปฟ้องร้องยังศาลปกครอง
ด้านนายชนินทร์ รุ่งแสง รองประธานสภากทม.กล่าวว่า เมื่อทางกฤษฎีกาตีความออกมาแบบนี้ตนเชื่อว่าในการประชุมสภากทม.ในวันพุธนี้ (28 ก.ค.)ทางสมาชิกสภากทม.จากทางพรรคไทยรักไทยจะมาร่วมเข้าประชุมเพื่อพิจารณาวาระงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2548 และวาระอื่นๆ
“ผมเชื่อว่าจะสามารถเปิดประชุมสภากทม.ในวันพุธนี้ได้อย่างแน่นอน และหากทาง ส.ก.จากพรรคไทยรักไทย จะหารือในประเด็นการเลือกประธานสภากทม.คนใหม่ เชื่อว่าทางประธานสภากทม.จะยินดีเปิดให้มีการหารือ และจะสมารถหาข้อยุติในเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้”นายชนินทร์ กล่าว
ล่าสุดทางคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ส่งคำวินิจฉัยมาแล้ว และได้ส่งหนังสือไปที่สภากทม.และผู้ว่าฯกทม.โดยแจ้งให้ทางสภากทม.ไปดำเนินการเลือกประธานสภากทม.ใหม่ ให้ถูกต้อง โดยการคัดเลือกประธานคนใหม่ จะให้ทางสภากทม.ไปดำเนินการเอง ก็เป็นไปตามแนวคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นการด่วน โดยสภากทม.จะต้องไปดำเนินการตามกฎหมาย หรือระเบียบข้อบังคับต่างๆ ซึ่งก็ได้แจ้งไปตามหน้าที่แล้ว แต่ถ้าทางสภากทม.ไม่ปฏิบัติตามจะต้องมาว่ากันอีกที
“มัวแต่มาเถียงเพียงแค่ 1 คนว่า ใครถูก ฝ่ายไหนมี 30 คะแนน และฝ่ายไหนมี 29 คะแนน ถ้าเป็นผมคงนัดประชุมใหม่ เลือกแบบขานชื่อ เรื่องก็จบไปนานแล้ว ไม่ใช่มานั่งเถียงกันว่า รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งเลือกตั้งใหม่ ได้หรือไม่ ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็น เพราะสาระสำคัญอยู่ที่พวกคุณรับกันได้หรือไม่ว่า สิ่งที่ทำกันมาถูกต้องหรือไม่ แต่ตรงนี้ไม่ยอมแก้ มาบอกว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจ ตรงนี้คนละเรื่อง"รมว.มหาดไทย กล่าว
ด้านนายธนา ชีรวินิจ ประธานสภากทม. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หนังสือที่ส่งมาให้ เป็นเพียงหนังสือที่แจ้งให้สภากทม.ดำเนินการเลือกประธานให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือ ระเบียบข้อบังคับ ไม่ใช่คำสั่ง
ทั้งนี้ ตามบันทึกของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ระบุชัดเจนแล้วว่า กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจสั่งการยับยั้ง หรือสั่งการได้เฉพาะผู้ว่าฯ กทม.เท่านั้น แต่ไม่ได้หมายรวมถึงสภากทม.ดังนั้น จึงไม่มีอำนาจสั่งการเรื่องที่จะให้เลือกตั้งประธานสภากทม.ใหม่ตาม มาตรา 123 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการ กทม.พ.ศ.2528 เพราะอาจจะขัดรัฐธรรมนูญ
อีกทั้งหากทางมหาดไทยเองก็ไม่ได้มีคำสั่งชี้ขาดว่า การเลือกตั้งประธานสภากทม.เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมาเป็นโมฆะ จึงทำได้แค่แจ้งให้ทางสภากทม.ดำเนินการเท่านั้น และตอนนี้ทางสภากทม.เห็นว่า การเลือกตั้งประธานสภา และรองประธานสภาถูกต้องแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเลือกตั้งใหม่
“การดำรงตำแหน่งของประธานสภาและรองประธานสภากทม.จะพ้นจากวาระการดำรงตำแหน่งนั้น สาเหตุจะมาจากขาดจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภากทม.,ลาออกจากตำแหน่งโดยยื่นหนังสือลาออกต่อรมว.มหาดไทย และให้มีผลนับแต่วันที่ยื่นหนังสือลาออก และเมื่อสมาชิกสภากทม.ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมด เข้าชื่อเสนอญัตติให้สภากทม.มีการเลือกตั้งประธานสภาหรือรองประธานใหม่และสภากทม.มีมติตามนั้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด โดยให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อได้มีการเลือกตั้งประธานสภาหรือรองประธานสภากทม.แล้วแต่กรณี”
นายธนา กล่าวอีกว่า การใช้อำนาจของรมว.มหาดไทย ดังกล่าวข้างต้นย่อมไม่เป็นการตัดสิทธิผู้ซึ่งได้รับความเสียหายจากการดำเนินการของของสภากทม.ที่จะนำคดีไปฟ้องร้องยังศาลปกครอง
ด้านนายชนินทร์ รุ่งแสง รองประธานสภากทม.กล่าวว่า เมื่อทางกฤษฎีกาตีความออกมาแบบนี้ตนเชื่อว่าในการประชุมสภากทม.ในวันพุธนี้ (28 ก.ค.)ทางสมาชิกสภากทม.จากทางพรรคไทยรักไทยจะมาร่วมเข้าประชุมเพื่อพิจารณาวาระงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2548 และวาระอื่นๆ
“ผมเชื่อว่าจะสามารถเปิดประชุมสภากทม.ในวันพุธนี้ได้อย่างแน่นอน และหากทาง ส.ก.จากพรรคไทยรักไทย จะหารือในประเด็นการเลือกประธานสภากทม.คนใหม่ เชื่อว่าทางประธานสภากทม.จะยินดีเปิดให้มีการหารือ และจะสมารถหาข้อยุติในเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้”นายชนินทร์ กล่าว