เมื่อนึกถึง "สามเสธ." แล้ว ก็นึกถึึงสมัยผมยังเป็นอาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯ พวกทหารไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมเท่าไรนัก อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ได้ชื่อว่าใกล้ชิดทหาร อย่างรุ่นเดอะอาจารย์จรูญ อาจารย์กมล (สมวิเชียร) ไปสอนโรงเรียนเสนาธิการทหารบกใกล้ชิดกับ พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ (เพื่อนนักเรียนนายร้อยพ่อผม) ตอนนั้นผมยังเด็กแต่ก็จบมาทัน พล.อ.ฉลาด มีอำนาจ ผมเองไม่ได้ไปสอนโรงเรียนเสธ. เลยห่างทหาร แต่เพื่อนพ่อหลายคนเป็นทหารใหญ่ เช่น พล.อ.เสริม ณ นคร พล.อ.สายหยุด เกิดผล เป็นต้น ต่อมาผมได้ไปสัมมนากับพล.อ.สายหยุดบ่อยๆ ได้เล่นเทนนิสกับท่าน (ผมแพ้ตลอด เพราะท่านตีเหนียวมาก ผมชอบตบชอบตีลูกแรงๆ เลยออกบ้างติดเน็ตบ้าง ท่านจะหัวเราะชอบใจเสมอว่า ผมเป็นรุ่นลูก แต่แพ้ท่าน)
พล.ต.จำลอง พล.ต.สนั่น และพล.ต.มนูญ เป็นทหารที่เกี่ยวพันกับการเมืองมานาน คนรุ่นนี้อยู่กับรุ่นก่อนคือ พล.อ.ชวลิต และพล.อ.สุจินดาและพวก
พล.อ.ชวลิตเป็นรุ่นพี่ ใครๆ ก็เรียก "พี่จิ๋ว" (ผมเปล่า) พล.อ.ชวลิตเป็นนายทหารที่ได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจลับด้านเขมรต่อจากพ่อผม พ่อผม (พล.ต.ต.ชนะ สมุทวณิช) ทำงานด้านเขมรตั้งแต่ พ.ศ. 2497-2515 ส่วนมากกับ ซอน ง๊อก ทัน ผู้นำชาตินิยมหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซอน ง๊อก ทัน ผู้นี้เป็นหัวหน้าเขมรอิสระ เคยเป็นนายกรัฐมนตรีและไม่ชอบสีหนุ จึงหลบมาอยู่ชายแดนไทยติดเขตจังหวัดสุรินทร์
พ่อผมถูกส่งไปอยู่จังหวัดสุรินทร์ พล.ต.อ.เผ่า มอบหมายให้ช่วยดูแลกองกำลังเขมรอิสระ เด็กๆ ผมกับชัยสิริน้องชายหยุดเทอมก็ไปป่า ไปค่ายเขมรอิสระโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ที่บ้านสะพานควายเราก็มีคนแก่ใจดี พ่อให้เรียกว่า "ลูกตา" (แปลว่า คุณตา) มากินข้าวที่บ้าน "ลูกตา" ชอบกินน้ำพริกผักปลาทูมากเป็นพิเศษ "ลูกตา" นี้ก็คือ ซอน ง๊อก ทัน มีพรรคพวกที่หลบมาอยู่เมืองไทยเป็นพระก็มีมาทำงานหนังสือพิมพ์สยามรัฐก็มี
เมื่อผมโตขึ้นเรียนรัฐศาสตร์ จึงได้ไปอ่านเอกสารเก่าๆ และได้รู้บทบาทของพ่อในทางราชการลับมาก พ่อมีหนังสือมากมาย มีแฟ้มแยะ ผมชอบอ่าน แอบเปิดตู้เอกสารอ่านแฟ้มทุกแฟ้มโดยพ่อไม่รู้ ผมรู้ว่ากุญแจตู้เอกสารอยู่ไหน ผมจึงอ่านเรียบ
พล.อ.ชวลิตมาทำงานด้านเขมร และจีน หลังพ่อผมประมาณเกือบยี่สิบปี พล.อ.ชวลิตไปจีนประมาณปี 2522 สมัยพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกฯ ช่วงเป็นพันเอกไปกับ พล.ท.ผิน เกสร และ พ.อ.พัฒน์ อัคนิบุตร การไปก็ไปอย่างลับๆ
พ่อผมไปจีนอย่างลับๆ กับ น.ท.สมบุญ โรจนสโรช ตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ คือประมาณ พ.ศ. 2502 คือ 20 ปีก่อน คนพาเข้าจีนคือ คุณเล็งเลิศ ใบหยก พ่อพันธ์เลิศ ผมรู้จักคุณเล็งเลิศ ซึ่งผมกับน้องชายชอบชื่อมาก เราเรียกว่า "อาเล็งเลิศ" บ้านอาเล็งเลิศเป็นบ้านหลังแรกๆ ยุค 2502 ที่มีแอร์คอนดิชันอยู่แถวๆ สี่พระยา พ่อผมตั้งชื่อลูกสาวคนเล็กของอาเล็งเลิศว่า "กิ่งทอง" (เลยชื่อ กิ่งทอง นามสกุล ใบหยก)
อาเล็งเลิศ พาพ่อผมกับอาสมบุญไปพบกับจอมพลเฉินอี้อย่างลับๆ ไม่ให้อเมริกันรู้ จอมพลสฤษดิ์ให้ไปขายซากเรือรบให้จีน พ่อกลับมาเล่าว่าจอมพลเฉินอี้ สอนวิธีปลูกข้าวให้ด้วย
การทำงานลับๆ ให้ราชการ ทำให้ผมพลอยได้อานิสงส์ไปด้วยคือ เมื่อผมโตขึ้นและ "ซ่าส์" มาก จอมพลประภาสก็ไม่ทำอะไรผม เคยมีครั้งหนึ่งที่ฝ่ายทหารต้องการจับผม แต่พล.อ.ฉลาดขอเอาไว้ และได้รับการบอกกล่าวว่า นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว การที่พ่อผมทำงานเสี่ยงภัยให้ชาติหลายครั้ง ส่งผลมาถึงพวกเรานับเป็นบุญดี เพราะพวกเขมรรักเคารพพ่อมากจริงๆ ฝ่ายจีน (ทั้งจีนแดง-จีนขาว) ก็ชอบพอนับถือ พ่อผมเคยเป็นเสรีไทย ท่านปรีดีให้นำอาวุธใส่เรือไปให้พวกเวียดมินห์กลางแม่น้ำโขง ยังมีรูปถ่ายอยู่ตอนที่เวียดกงมาอยู่ในพนมเปญ พ่อผมนัดพบหัวหน้าเวียดกงลับๆ แล้วเอารูปให้ดู บอกว่านี่เป็นรูปตอนเป็นร้อยโท เอาอาวุธไปให้พวกท่านกู้ชาติ พวกเวียดนามเหนือตรวจสอบดู เลยละเว้นไม่วางระเบิดสถานทูตไทย เพราะพ่อเป็นทูต
สมัยก่อนตำรวจอย่างพ่อผมมีบทบาททำงานลับ ก็เพราะเคยอยู่ชายแดน เคยทำงานร่วมกับเขมรอิสระและเวียดนามใต้ แต่ในสมัยหนุ่มๆ เป็นเสรีไทย จึงมีความสัมพันธ์กับฝ่ายกู้ชาติ และด้วยความสนิทกับลุงหง่า (พล.ต.ต.สง่า กิตติขจร) พ่อผมจึงได้สานต่องานลับโดยทำร่วมกับทหาร (ศูนย์รักษาความปลอดภัย เวลานั้น พล.ท.ชัยรัตน์ อินทุภูติ เป็นผู้บัญชาการ)
เวลานี้อาเล็งเลิศ เสียชีวิตไปแล้ว ลุงหง่าก็เสียชีวิตแล้ว พ่อผมยังอยู่แต่ความจำไม่ค่อยดีแล้ว แฟ้มต่างๆ เกี่ยวกับเขมรอิสระ พ่อผมมอบให้ David Chandler ผู้เชี่ยวชาญด้านเขมรเก็บไว้ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยโมนาช พ่อบอกว่าฝรั่งเก็บเอกสารดีเห็นคุณค่า
ในปี พ.ศ. 2522 พล.อ.เสริม ณ นคร เป็น ผบ.สูงสุด พ.ท.มนูญ เป็นผู้บังคับการกองพัน ม.พัน 4 เวลานั้นผมยังไม่รู้จักกับ พ.ท.มนูญ แต่แว่วๆ มาว่ามีทหารหนุ่มอยู่เบื้องหลังการเอา พล.อ.เกรียงศักดิ์ ขึ้นเป็นนายกฯ และกำลังมีอำนาจ เวลานั้นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ยังรบอยู่ทั้งจีน และเวียดนาม ยังไม่แตกคอกัน ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ซึ่งจอมพลสฤษดิ์ ให้พ่อผมแอบไปทำไว้ก็หยุดลงหลังจอมพลสฤษดิ์ตายไป เวียดนามก็ดูแล พคท.ส่วนหนึ่ง ลาวและเขมรก็มีพรรคคอมมิวนิสต์คุมอำนาจหมดแล้ว
บทบาทของ พ.อ.ชวลิต พ.ท.จำลอง และ พ.ท.มนูญ มีมากแล้วในปี พ.ศ. 2522 ส่วน พ.ท.สุจินดา นั้นยังไม่มีบทบาทอะไร เพราะเพิ่งจะกลับจากการเป็นทูตทหารที่อเมริกา
แต่ ดร.ทินพันธุ์ นาคะตะ กระซิบผมว่า คอยดูนะเพื่อนคนนี้จะเป็น ผบ.ทบ. และเป็นนายกรัฐมนตรีในภายหน้า
พล.ต.จำลอง พล.ต.สนั่น และพล.ต.มนูญ เป็นทหารที่เกี่ยวพันกับการเมืองมานาน คนรุ่นนี้อยู่กับรุ่นก่อนคือ พล.อ.ชวลิต และพล.อ.สุจินดาและพวก
พล.อ.ชวลิตเป็นรุ่นพี่ ใครๆ ก็เรียก "พี่จิ๋ว" (ผมเปล่า) พล.อ.ชวลิตเป็นนายทหารที่ได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจลับด้านเขมรต่อจากพ่อผม พ่อผม (พล.ต.ต.ชนะ สมุทวณิช) ทำงานด้านเขมรตั้งแต่ พ.ศ. 2497-2515 ส่วนมากกับ ซอน ง๊อก ทัน ผู้นำชาตินิยมหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซอน ง๊อก ทัน ผู้นี้เป็นหัวหน้าเขมรอิสระ เคยเป็นนายกรัฐมนตรีและไม่ชอบสีหนุ จึงหลบมาอยู่ชายแดนไทยติดเขตจังหวัดสุรินทร์
พ่อผมถูกส่งไปอยู่จังหวัดสุรินทร์ พล.ต.อ.เผ่า มอบหมายให้ช่วยดูแลกองกำลังเขมรอิสระ เด็กๆ ผมกับชัยสิริน้องชายหยุดเทอมก็ไปป่า ไปค่ายเขมรอิสระโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ที่บ้านสะพานควายเราก็มีคนแก่ใจดี พ่อให้เรียกว่า "ลูกตา" (แปลว่า คุณตา) มากินข้าวที่บ้าน "ลูกตา" ชอบกินน้ำพริกผักปลาทูมากเป็นพิเศษ "ลูกตา" นี้ก็คือ ซอน ง๊อก ทัน มีพรรคพวกที่หลบมาอยู่เมืองไทยเป็นพระก็มีมาทำงานหนังสือพิมพ์สยามรัฐก็มี
เมื่อผมโตขึ้นเรียนรัฐศาสตร์ จึงได้ไปอ่านเอกสารเก่าๆ และได้รู้บทบาทของพ่อในทางราชการลับมาก พ่อมีหนังสือมากมาย มีแฟ้มแยะ ผมชอบอ่าน แอบเปิดตู้เอกสารอ่านแฟ้มทุกแฟ้มโดยพ่อไม่รู้ ผมรู้ว่ากุญแจตู้เอกสารอยู่ไหน ผมจึงอ่านเรียบ
พล.อ.ชวลิตมาทำงานด้านเขมร และจีน หลังพ่อผมประมาณเกือบยี่สิบปี พล.อ.ชวลิตไปจีนประมาณปี 2522 สมัยพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เป็นนายกฯ ช่วงเป็นพันเอกไปกับ พล.ท.ผิน เกสร และ พ.อ.พัฒน์ อัคนิบุตร การไปก็ไปอย่างลับๆ
พ่อผมไปจีนอย่างลับๆ กับ น.ท.สมบุญ โรจนสโรช ตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ คือประมาณ พ.ศ. 2502 คือ 20 ปีก่อน คนพาเข้าจีนคือ คุณเล็งเลิศ ใบหยก พ่อพันธ์เลิศ ผมรู้จักคุณเล็งเลิศ ซึ่งผมกับน้องชายชอบชื่อมาก เราเรียกว่า "อาเล็งเลิศ" บ้านอาเล็งเลิศเป็นบ้านหลังแรกๆ ยุค 2502 ที่มีแอร์คอนดิชันอยู่แถวๆ สี่พระยา พ่อผมตั้งชื่อลูกสาวคนเล็กของอาเล็งเลิศว่า "กิ่งทอง" (เลยชื่อ กิ่งทอง นามสกุล ใบหยก)
อาเล็งเลิศ พาพ่อผมกับอาสมบุญไปพบกับจอมพลเฉินอี้อย่างลับๆ ไม่ให้อเมริกันรู้ จอมพลสฤษดิ์ให้ไปขายซากเรือรบให้จีน พ่อกลับมาเล่าว่าจอมพลเฉินอี้ สอนวิธีปลูกข้าวให้ด้วย
การทำงานลับๆ ให้ราชการ ทำให้ผมพลอยได้อานิสงส์ไปด้วยคือ เมื่อผมโตขึ้นและ "ซ่าส์" มาก จอมพลประภาสก็ไม่ทำอะไรผม เคยมีครั้งหนึ่งที่ฝ่ายทหารต้องการจับผม แต่พล.อ.ฉลาดขอเอาไว้ และได้รับการบอกกล่าวว่า นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว การที่พ่อผมทำงานเสี่ยงภัยให้ชาติหลายครั้ง ส่งผลมาถึงพวกเรานับเป็นบุญดี เพราะพวกเขมรรักเคารพพ่อมากจริงๆ ฝ่ายจีน (ทั้งจีนแดง-จีนขาว) ก็ชอบพอนับถือ พ่อผมเคยเป็นเสรีไทย ท่านปรีดีให้นำอาวุธใส่เรือไปให้พวกเวียดมินห์กลางแม่น้ำโขง ยังมีรูปถ่ายอยู่ตอนที่เวียดกงมาอยู่ในพนมเปญ พ่อผมนัดพบหัวหน้าเวียดกงลับๆ แล้วเอารูปให้ดู บอกว่านี่เป็นรูปตอนเป็นร้อยโท เอาอาวุธไปให้พวกท่านกู้ชาติ พวกเวียดนามเหนือตรวจสอบดู เลยละเว้นไม่วางระเบิดสถานทูตไทย เพราะพ่อเป็นทูต
สมัยก่อนตำรวจอย่างพ่อผมมีบทบาททำงานลับ ก็เพราะเคยอยู่ชายแดน เคยทำงานร่วมกับเขมรอิสระและเวียดนามใต้ แต่ในสมัยหนุ่มๆ เป็นเสรีไทย จึงมีความสัมพันธ์กับฝ่ายกู้ชาติ และด้วยความสนิทกับลุงหง่า (พล.ต.ต.สง่า กิตติขจร) พ่อผมจึงได้สานต่องานลับโดยทำร่วมกับทหาร (ศูนย์รักษาความปลอดภัย เวลานั้น พล.ท.ชัยรัตน์ อินทุภูติ เป็นผู้บัญชาการ)
เวลานี้อาเล็งเลิศ เสียชีวิตไปแล้ว ลุงหง่าก็เสียชีวิตแล้ว พ่อผมยังอยู่แต่ความจำไม่ค่อยดีแล้ว แฟ้มต่างๆ เกี่ยวกับเขมรอิสระ พ่อผมมอบให้ David Chandler ผู้เชี่ยวชาญด้านเขมรเก็บไว้ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยโมนาช พ่อบอกว่าฝรั่งเก็บเอกสารดีเห็นคุณค่า
ในปี พ.ศ. 2522 พล.อ.เสริม ณ นคร เป็น ผบ.สูงสุด พ.ท.มนูญ เป็นผู้บังคับการกองพัน ม.พัน 4 เวลานั้นผมยังไม่รู้จักกับ พ.ท.มนูญ แต่แว่วๆ มาว่ามีทหารหนุ่มอยู่เบื้องหลังการเอา พล.อ.เกรียงศักดิ์ ขึ้นเป็นนายกฯ และกำลังมีอำนาจ เวลานั้นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ยังรบอยู่ทั้งจีน และเวียดนาม ยังไม่แตกคอกัน ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ซึ่งจอมพลสฤษดิ์ ให้พ่อผมแอบไปทำไว้ก็หยุดลงหลังจอมพลสฤษดิ์ตายไป เวียดนามก็ดูแล พคท.ส่วนหนึ่ง ลาวและเขมรก็มีพรรคคอมมิวนิสต์คุมอำนาจหมดแล้ว
บทบาทของ พ.อ.ชวลิต พ.ท.จำลอง และ พ.ท.มนูญ มีมากแล้วในปี พ.ศ. 2522 ส่วน พ.ท.สุจินดา นั้นยังไม่มีบทบาทอะไร เพราะเพิ่งจะกลับจากการเป็นทูตทหารที่อเมริกา
แต่ ดร.ทินพันธุ์ นาคะตะ กระซิบผมว่า คอยดูนะเพื่อนคนนี้จะเป็น ผบ.ทบ. และเป็นนายกรัฐมนตรีในภายหน้า