ตลาดปรุงรสระคุหนัก เจ้าตลาด "รสดี" เตรียมตัวรับศึก เมื่อยักษ์ใหญ่ยูนิลีเวอร์เปิดเกมถล่ม หลังซุ่มเงียบทุ่มงบ 21 ล้านบาทเปิดศูนย์วิจัยและพัฒนาคนอร์ 1 ปี เผยล่าสุดคลอดคนอร์สูตรไม่มีผงชูรสดึง "ถนัดศรี" การันตี-สร้างแบรนด์ พร้อมสยายปีกเพิ่ม 2 รสชนิดผงควบคู่อัดโปรโมชันแหลกซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง หวังยั่วน้ำลายผู้บริโภคทดลองใช้ "อายิโนะทะกะระ" เล็งผลิตรสหนึ่งชนิดก้อนดวลคนอร์เต็มสูบ
ตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสมูลค่าราว 3,000 ล้านบาท เริ่มหอมกรุ่นเมื่อยูนิลีเวอร์ยักษ์ใหญ่ด้านผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลเริ่มจริงจังกับผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารมากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมายูนิลีเวอร์ซุ่มเงียบเปิดศูนย์ศิลปะอาหารคนอร์" หรือ Knorr Culinary Academy ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางในการวิจัย ค้นคว้าและพัฒนาด้านอาหารของคนอร์ที่อาคาร RCP โครงการไทยพาณิชย์ ปาร์ค พลาซ่า ถนนรัชดาภิเษก โดยใช้เงินลงทุน 21 ล้านบาท
วิสัยทัศน์ของการจัดตั้งศูนย์ศิลปะอาหารคนอร์ของยูนิลีเวอร์ในครั้งนั้น เพราะมองว่าคนไทยมีแนวโน้มหันมาสนใจการดูแลสุขภาพและโภชนาการที่มีประโยชน์กันมากขึ้น สำหรับยูนิลีเวอร์ เบสท์ฟู้ดส์ เองก็เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรส ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ถูกสุขลักษณะและมีคุณค่าทางโภชนาการ จึงได้ก่อตั้งศูนย์ฯ ดังกล่าวขึ้น เพื่อใช้ เป็นสถานที่สำหรับการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของคนอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ รวมทั้งเป็นศูนย์เผยแพร่ความรู้ด้านโภชนาการ
แหล่งข่าวจากบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายคนอร์ เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า การรุกทำตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสตราคนอร์ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของนายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มไอศกรีมและธุรกิจอาหารนั้น บริษัทฯมีนโยบายในการทำตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาบริษัทฯไม่ค่อยมีการทำกิจกรรมหรือการสร้างแบรนด์ของคนอร์มากนัก โดยล่าสุดบริษัทฯได้เปิดภาพยนตร์โฆษณาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราว 2-3 ชุด ซึ่งในชุดล่าสุดนี้ยูนิลีเวอร์ยังได้นำม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิ์วัฒน์ มาการันตีถึงความอร่อยรวมถึงสูตรไม่มีผงชูรสด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดยูนิลีเวอร์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ปรุงรสคนอร์ชนิดก้อนสูตรไม่มีผงชูรสลงสู่ตลาดเป็นรายแรก เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคคนไทยที่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งการเปิดสูตรใหม่นี้ยังเป็นการตีตลาดคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง อย่างผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ และผงปรุงรสรสดี ซึ่งบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะฯเป็นเจ้าตลาด รวมถึงคู่แข่งรายอื่นๆได้แก่ ยี่ห้อรสหนึ่ง ผงชูรสอายิโนะทะกะระของบริษัท เคที เอ็มเอสจี และตราฟ้าไทยฯลฯ
โดยปัจจุบันคนอร์ชนิดก้อนมีทั้งหมด 6 สูตร ได้แก่ ซุปเห็ดหอม ต้มยำ ซุปไก่ ซุปหมู ซุปไก่อบอาหารทะเล และล่าสุดสูตรไม่มีผงชูรสซุปไก่ก้อน
แหล่งข่าวจากบริษัท เคที เอ็มเอสจี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผงชูรสอายิโนะทะกะระ และผงปรุงรส รสหนึ่ง เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสมีมูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ชนิดก้อนถึง70% และชนิดผง30% ซึ่งปัจจุบันตลาดชนิดก้อนมีผู้เล่นรายหลักเพียงรายเดียว คือ คนอร์ ส่วนตลาดผงปรุงรสมีผู้เล่นรายหลัก 3 ประกอบด้วย รสดี ของ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะครองตลาดอยู่ 80% ส่วนอีก20%จะเป็นแบรนด์รสหนึ่งของ บริษัท อายิโนะทะกะระ และฟ้าไทย
สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสมีอัตราการเติบโตปีละ 5% ซึ่งการเติบโตของตลาดมีแนวโน้มที่ลดลงจากเดิม เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปคือไม่ค่อยได้ทำอาหารเอง โดยส่วนใหญ่จะซื้อมารับประทานมากกว่าปรุงอาหารเอง นอกจากนี้ผู้บริโภคยังหันมาให้ความสำคัญสุขภาพมากขึ้นด้วย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ปรุงรสส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของผงชูรส
โอกาสชนิดผงมีมากกว่าชนิดก้อน
แหล่งข่าวจากบริษัท เคที เอ็มเอสจี กล่าวอีกว่า เมื่อเทียบการเติบโตระหว่างตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสแบบก้อนและผงนั้น ตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสแบบก้อนเริ่มเกิดภาวะอิ่มตัวและไม่ค่อยมีอัตราการเติบโต เพราะว่าแบบก้อนมีข้อจำกัดในการปรุงอาหาร โดยประกอบอาหารได้เพียงแค่ทำน้ำซุปอย่างเดียว แต่สำหรับตลาดชนิดผงจะสามารถปรุงอาหารได้หลากหลายวิธีมากกว่า เช่น สามารถใช้เป็นผงหมักได้ หรือปรุงอาหารชนิดผัดผัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดขณะนี้คนอร์เองได้ส่งผลิตภัณฑ์ปรุงรสชนิดผงลงสู่ตลาด 2 รสชาติ ได้แก่ ผงซอสหอยนางรมกับผงซอสหมักกระเทียมพริกไทย เนื่องจากเหตุผลที่ว่าตลาดชนิดก้อนเริ่มอิ่มตัวและนำมาปรุงอาหารได้แค่เพียงต้มน้ำซุปเท่านั้น ในขณะที่ชนิดผงสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายมากกว่า พร้อมกันนี้ยังได้จัดทำโปรโมชันซื้อหนึ่งแถมหนึ่งในชนิดผงอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการทดลองใช้ สำหรับการแข่งขันหลักๆของตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการแจกของพรีเมียม เช่น ซื้อหนึ่งซองแถมช้อนเป็นหลัก
การก้าวสู่ตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสของยูนิลีเวอร์อย่างจริงจังและเชิงรุกมากขึ้น เป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับคู่แข่ง เพราะที่ผ่านมายูนิลีเวอร์เป็นผู้นำมาแล้วในหลายตลาดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลแชมพูซันซิล พอนด์ส หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน บรีส โดยการเปิดตัวคนอร์สูตรไม่มีผงชูรสนั้น เป็นเรื่องที่ประจวบเหมาะกับในช่วงที่กลุ่มผู้บริโภคคนไทยหันมาให้ความสำคัญสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างลงตัว
รสหนึ่งเล็งส่งชนิดก้อนชนคนอร์
แหล่งข่าวจากบริษัท เคทีเอ็มเอสจี จำกัด กล่าวต่อว่า บริษัทกำลังวางแผนที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ปรุงรสชนิดก้อนลงสู่ตลาด โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนทดลองการผลิต ส่วนการจะทำผลิตภัณฑ์ปรุงรสสูตรไม่มีผงชูรสเหมือนคู่แข่งนั้น ยังไม่มีแผนเพราะความเป็นจริงผลิตภัณฑ์ปรุงรสทั้งชนิดก้อนและผงแบบไม่มีส่วนผสมผงชูรสอยู่เลยนั้น เท็จจริงแล้วผงชูรสเป็นส่วนผสมที่จำเป็นต้องใส่ แต่ว่าบางแบรนด์จะใส่ในปริมาณที่น้อยก็เท่านั้นเอง ซึ่งกลุ่มที่ใส่ใจในสุขภาพจริงๆจะรู้ดี นอกจากนี้ยังได้เตรียมดึงพันธมิตรใหม่นอกเหนือจากวงการอาหาร ร่วมทำโปรโมชัน
สำหรับงบการตลาดปีนี้บริษัทวางไว้ที่ 50 ล้านบาท แบ่งเป็นงบพรีเมียม ออน แพก การแจกสินค้าตามพื้นที่ และจัดกิจกรรม 50% และอะโบฟ เดอะไลน์ 50% เมื่อกับปีที่ผ่านมาบริษัทจะให้ความสำคัญบีโลว์เดอะไลน์มากกว่า แต่ในปีนี้บริษัทต้องการสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงหันมาให้ความสำคัญกับอะโบฟเดอะไลน์มากขึ้น
ผลประกอบการปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 500 ล้านบาท โดยมาจากผลิตภัณฑ์ 2 ตัว ได้แก่ ผงชูรสอายิโนะทะกะระ และผงปรุงรสรสหนึ่ง สำหรับในครึ่งปีแรกบริษัทมีการเติบโต 18-19% คาดว่าสิ้นปีจะโตถึง 20-30%
ตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสมูลค่าราว 3,000 ล้านบาท เริ่มหอมกรุ่นเมื่อยูนิลีเวอร์ยักษ์ใหญ่ด้านผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลเริ่มจริงจังกับผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารมากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมายูนิลีเวอร์ซุ่มเงียบเปิดศูนย์ศิลปะอาหารคนอร์" หรือ Knorr Culinary Academy ขึ้น เพื่อเป็นศูนย์กลางในการวิจัย ค้นคว้าและพัฒนาด้านอาหารของคนอร์ที่อาคาร RCP โครงการไทยพาณิชย์ ปาร์ค พลาซ่า ถนนรัชดาภิเษก โดยใช้เงินลงทุน 21 ล้านบาท
วิสัยทัศน์ของการจัดตั้งศูนย์ศิลปะอาหารคนอร์ของยูนิลีเวอร์ในครั้งนั้น เพราะมองว่าคนไทยมีแนวโน้มหันมาสนใจการดูแลสุขภาพและโภชนาการที่มีประโยชน์กันมากขึ้น สำหรับยูนิลีเวอร์ เบสท์ฟู้ดส์ เองก็เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรส ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่ถูกสุขลักษณะและมีคุณค่าทางโภชนาการ จึงได้ก่อตั้งศูนย์ฯ ดังกล่าวขึ้น เพื่อใช้ เป็นสถานที่สำหรับการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของคนอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ รวมทั้งเป็นศูนย์เผยแพร่ความรู้ด้านโภชนาการ
แหล่งข่าวจากบริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายคนอร์ เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า การรุกทำตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสตราคนอร์ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของนายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการกลุ่มไอศกรีมและธุรกิจอาหารนั้น บริษัทฯมีนโยบายในการทำตลาดอย่างจริงจังมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาบริษัทฯไม่ค่อยมีการทำกิจกรรมหรือการสร้างแบรนด์ของคนอร์มากนัก โดยล่าสุดบริษัทฯได้เปิดภาพยนตร์โฆษณาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราว 2-3 ชุด ซึ่งในชุดล่าสุดนี้ยูนิลีเวอร์ยังได้นำม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิ์วัฒน์ มาการันตีถึงความอร่อยรวมถึงสูตรไม่มีผงชูรสด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดยูนิลีเวอร์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ปรุงรสคนอร์ชนิดก้อนสูตรไม่มีผงชูรสลงสู่ตลาดเป็นรายแรก เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคคนไทยที่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งการเปิดสูตรใหม่นี้ยังเป็นการตีตลาดคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง อย่างผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ และผงปรุงรสรสดี ซึ่งบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะฯเป็นเจ้าตลาด รวมถึงคู่แข่งรายอื่นๆได้แก่ ยี่ห้อรสหนึ่ง ผงชูรสอายิโนะทะกะระของบริษัท เคที เอ็มเอสจี และตราฟ้าไทยฯลฯ
โดยปัจจุบันคนอร์ชนิดก้อนมีทั้งหมด 6 สูตร ได้แก่ ซุปเห็ดหอม ต้มยำ ซุปไก่ ซุปหมู ซุปไก่อบอาหารทะเล และล่าสุดสูตรไม่มีผงชูรสซุปไก่ก้อน
แหล่งข่าวจากบริษัท เคที เอ็มเอสจี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผงชูรสอายิโนะทะกะระ และผงปรุงรส รสหนึ่ง เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสมีมูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ชนิดก้อนถึง70% และชนิดผง30% ซึ่งปัจจุบันตลาดชนิดก้อนมีผู้เล่นรายหลักเพียงรายเดียว คือ คนอร์ ส่วนตลาดผงปรุงรสมีผู้เล่นรายหลัก 3 ประกอบด้วย รสดี ของ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะครองตลาดอยู่ 80% ส่วนอีก20%จะเป็นแบรนด์รสหนึ่งของ บริษัท อายิโนะทะกะระ และฟ้าไทย
สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสมีอัตราการเติบโตปีละ 5% ซึ่งการเติบโตของตลาดมีแนวโน้มที่ลดลงจากเดิม เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปคือไม่ค่อยได้ทำอาหารเอง โดยส่วนใหญ่จะซื้อมารับประทานมากกว่าปรุงอาหารเอง นอกจากนี้ผู้บริโภคยังหันมาให้ความสำคัญสุขภาพมากขึ้นด้วย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ปรุงรสส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของผงชูรส
โอกาสชนิดผงมีมากกว่าชนิดก้อน
แหล่งข่าวจากบริษัท เคที เอ็มเอสจี กล่าวอีกว่า เมื่อเทียบการเติบโตระหว่างตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสแบบก้อนและผงนั้น ตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสแบบก้อนเริ่มเกิดภาวะอิ่มตัวและไม่ค่อยมีอัตราการเติบโต เพราะว่าแบบก้อนมีข้อจำกัดในการปรุงอาหาร โดยประกอบอาหารได้เพียงแค่ทำน้ำซุปอย่างเดียว แต่สำหรับตลาดชนิดผงจะสามารถปรุงอาหารได้หลากหลายวิธีมากกว่า เช่น สามารถใช้เป็นผงหมักได้ หรือปรุงอาหารชนิดผัดผัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดขณะนี้คนอร์เองได้ส่งผลิตภัณฑ์ปรุงรสชนิดผงลงสู่ตลาด 2 รสชาติ ได้แก่ ผงซอสหอยนางรมกับผงซอสหมักกระเทียมพริกไทย เนื่องจากเหตุผลที่ว่าตลาดชนิดก้อนเริ่มอิ่มตัวและนำมาปรุงอาหารได้แค่เพียงต้มน้ำซุปเท่านั้น ในขณะที่ชนิดผงสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายมากกว่า พร้อมกันนี้ยังได้จัดทำโปรโมชันซื้อหนึ่งแถมหนึ่งในชนิดผงอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดการทดลองใช้ สำหรับการแข่งขันหลักๆของตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการแจกของพรีเมียม เช่น ซื้อหนึ่งซองแถมช้อนเป็นหลัก
การก้าวสู่ตลาดผลิตภัณฑ์ปรุงรสของยูนิลีเวอร์อย่างจริงจังและเชิงรุกมากขึ้น เป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับคู่แข่ง เพราะที่ผ่านมายูนิลีเวอร์เป็นผู้นำมาแล้วในหลายตลาดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลแชมพูซันซิล พอนด์ส หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือน บรีส โดยการเปิดตัวคนอร์สูตรไม่มีผงชูรสนั้น เป็นเรื่องที่ประจวบเหมาะกับในช่วงที่กลุ่มผู้บริโภคคนไทยหันมาให้ความสำคัญสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างลงตัว
รสหนึ่งเล็งส่งชนิดก้อนชนคนอร์
แหล่งข่าวจากบริษัท เคทีเอ็มเอสจี จำกัด กล่าวต่อว่า บริษัทกำลังวางแผนที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ปรุงรสชนิดก้อนลงสู่ตลาด โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนทดลองการผลิต ส่วนการจะทำผลิตภัณฑ์ปรุงรสสูตรไม่มีผงชูรสเหมือนคู่แข่งนั้น ยังไม่มีแผนเพราะความเป็นจริงผลิตภัณฑ์ปรุงรสทั้งชนิดก้อนและผงแบบไม่มีส่วนผสมผงชูรสอยู่เลยนั้น เท็จจริงแล้วผงชูรสเป็นส่วนผสมที่จำเป็นต้องใส่ แต่ว่าบางแบรนด์จะใส่ในปริมาณที่น้อยก็เท่านั้นเอง ซึ่งกลุ่มที่ใส่ใจในสุขภาพจริงๆจะรู้ดี นอกจากนี้ยังได้เตรียมดึงพันธมิตรใหม่นอกเหนือจากวงการอาหาร ร่วมทำโปรโมชัน
สำหรับงบการตลาดปีนี้บริษัทวางไว้ที่ 50 ล้านบาท แบ่งเป็นงบพรีเมียม ออน แพก การแจกสินค้าตามพื้นที่ และจัดกิจกรรม 50% และอะโบฟ เดอะไลน์ 50% เมื่อกับปีที่ผ่านมาบริษัทจะให้ความสำคัญบีโลว์เดอะไลน์มากกว่า แต่ในปีนี้บริษัทต้องการสร้างตราสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงหันมาให้ความสำคัญกับอะโบฟเดอะไลน์มากขึ้น
ผลประกอบการปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ 500 ล้านบาท โดยมาจากผลิตภัณฑ์ 2 ตัว ได้แก่ ผงชูรสอายิโนะทะกะระ และผงปรุงรสรสหนึ่ง สำหรับในครึ่งปีแรกบริษัทมีการเติบโต 18-19% คาดว่าสิ้นปีจะโตถึง 20-30%