The Godfather เป็นตำนานภาพยนตร์ที่บางคนยกไปเปรียบกับ Iliad มหากาพย์คลาสสิกแห่งโลกวรรณกรรม หรือ Mona Lisa จิตรกรรมนามระบือลือเลื่องของเลโอนาร์โด ดาร์วินชี
The Godfather (1972) เป็นแบบฉบับยอดเยี่ยมที่สุดของศิลปะแห่งการเล่าเรื่อง เล่าได้ละเอียดครบถ้วนกระบวนความ ได้เนื้อหาสาระและความตื่นเต้น จนแม้เวลาจะยาวนานเกือบสามชั่วโมง แต่มันก็ผ่านไปเหมือนติดปีก Francis Ford Coppola นำเราเข้าไปอยู่ในโลกของมาเฟีย ไปรู้จักโลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรง เร้นลับ ร้อยเล่ห์กล พร้อมกับมนตร์เสน่ห์และอาถรรพ์หลากหลายรูปแบบ
เราถูกนำเข้าไปในโลกมืด ที่ผู้สร้างเองก็ใช้ความมืดและสีดำทำให้คนรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ โลกที่ผู้คนทำตัวอยู่นอกกฎหมายและอยู่ใต้ดิน แต่เรากลับไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเลวร้าย ทั้งๆ ที่เจ้าพ่อและบริวารต่างก็เป็นวายร้ายและคนเลว แต่เราก็รู้สึกว่าเขาคือ “พระเอก” อย่างน้อยก็เลวน้อยกว่าอีกหลาย แก๊งห้าตระกูลที่กำลังจะไปไกลถึงขั้นค้ายาเสพติด เพราะทำเงินได้มากกว่าและเร็วกว่า
ก่อนหน้านั้น โลกมาเฟียที่นิวยอร์กยุคก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่หนังเรื่องนี้บอก เป็นโลกที่จำกัดแวดวงของตนเองอยู่กับเรื่องผิดกฎหมายอย่างเหล้า บุหรี่ ของเถื่อน การพนัน การค้ากาม และการเรียกค่าคุ้มครองเท่านั้น การเริ่มเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทำให้ “วงแตก” และระเบิดเป็นสงครามฆ่าล้างโคตรครั้งสำคัญอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปหลายปี
Vito Corleone (Marlon Brando) อพยพมาจากซิซิลี หนีการไล่ล่าของมาเฟียที่นั่นตั้งแต่เยาว์วัย มาตั้งรกรากและกลายเป็นเจ้าพ่อที่มีอำนาจบารมี มีคนเข้ามาสวามิภักดิ์มากมาย ฉากแรกของหนังเป็นฉากของผู้คนที่ทะยอยกันเข้าไปหาเจ้าพ่อเพื่อขอความช่วยเหลือ และในวันมงคลอย่างวันแต่งงานลูกสาวเจ้าพ่อเช่นนี้ คนซิซิลีเขาถือกันว่า เจ้าภาพต้องไม่ปฏิเสธการขอร้องใดๆ
ชายคนหนึ่งมาฟ้องเจ้าพ่อว่า ลูกสาวของเขาถูกรังแกและข่มขืน ขอให้เจ้าพ่อช่วยแก้แค้นให้ด้วยเพราะเขาไปแจ้งความตำรวจ พวกคนร้ายถูกฟ้อง ศาลตัดสินจำคุกสามปี ให้รอลงอาญา เจ้าพ่อบอกว่า “ทำไมถึงไปหาตำรวจ ทำไมไม่มาหาฉันทันที ถ้ามาตั้งแต่ต้น ป่านนี้เรื่องจบไปแล้ว”
ฉากการแต่งงานในต้นเรื่องเป็นการแนะนำตัวละครสำคัญในหนังเรื่องนี้เกือบทั้งหมด นอกจากจะเห็นภาพเจ้าพ่อมาเฟียตระกูลต่างๆ ซึ่งคนทำหนังมีวิธีแนบเนียนแนะนำตัวคนเหล่านั้น ยังให้ Michael (Al Pacino) ลูกชายสุดท้องของเจ้าพ่อ ซึ่งเพิ่งกลับจากการไปรบในสงครามโลกมาเป็นผู้แนะนำให้ Kay Adams (Diane Keaton) แฟนสาว ที่ไม่มีเชื้อสายอิตาเลียนและไม่คุ้นเคยกับสังคมแบบนี้ รวมทั้งเล่าเรื่องราวต่างๆ ของครอบครัว พร้อมกับยืนยันว่า “นั่นเป็นเรื่องครอบครัว ไม่ใช่ผม” คล้ายกับออกตัวว่า เขาไม่มีวันเป็นอย่างพ่อและพี่น้องเป็นอันขาด
นั่นคืองานแต่งงาน Connie (Talia Shire) พี่สาวของไมเคิล ซึ่งมีพี่ชายแท้ๆ อีกสองคน คือ Sonny (James Caan) และ Fredo (John Cazale) และยังมีพี่ที่เป็นลูกเลี้ยงของพ่อ เป็นนักกฎหมายและมือขวาของพ่อ คือ Tom Hagen (Robert Duvall)
ซันนีและทอมดูจะเอียงข้างไปทางยาเสพติด ทอมมองว่า ในอนาคตยาเสพติดจะเป็นแหล่งรายได้มหาศาล ถ้าเราไม่ทำคนอื่นก็จะทำ และเมื่อคนอื่นทำ พวกเขาก็จะมีรายได้และมีเครือข่ายกับพวกนักการเมือง ตำรวจและอำนาจรัฐ แล้วตระกูลคอร์เลโอเนก็จะหมดอำนาจ
มีทางเลือกอยู่เพียงสองทาง ไม่เข้าข้างเขาก็เป็นศัตรูกับพวกเขาทั้ง 5 ตระกูล จะให้ 5 รุม 1 หรือว่าจะเข้าไปมีส่วนร่วม และถ้าเป็นที่หนึ่งไม่ได้ อย่างน้อยก็คานอำนาจและรักษาฐานผลประโยชน์อื่นๆ ของเราไว้ได้
ดอน วีโต ไม่เห็นด้วย อธิบายให้ที่ประชุมของเจ้าพ่อทั้ง 5 ตระกูลฟังว่า เขาไม่อาจเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้ เพราะเครือข่ายนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐของเขาคงไม่เสี่ยงที่จะสนับสนุนเขาต่อไปแน่ๆ ถ้ารู้ว่าเขาไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ธุรกิจนี้อันตราย ได้ไม่เท่าเสีย
นั่นคือที่มาของการนองเลือด ซึ่งมีคนจดสถิติไว้ว่า มีการฆ่ากันในเจ้าพ่อภาค 1 ถึง 23 คน เริ่มจากนักฆ่าของตระกูลคอร์เลโอเนที่ถูกฆ่ารัดคอ ทั้งๆ ที่สวมเสื้อเกราะกันกระสุน และตัวเจ้าพ่อเอง (ดอน คอร์เลโอเน)ที่ถูกลอบยิง อาการสาหัสแต่ไม่ตาย และนั่นคือจุดเปลี่ยนชีวิตของไมเคิล วีรบุรุษจากสงครามโลก สถานการณ์ทำให้เขาตัดสินใจ “อยู่เคียงข้างพ่อ” เพื่อปกป้องครอบครัวและตัวเขาเอง
ไมเคิลเริ่มเรียนรู้การเป็นเจ้าพ่อด้วยการสังหารมาเฟียคนสำคัญที่ค้ายาเสพติด และเจ้าหน้าที่ตำรวจเครือข่ายของมาเฟียผู้นี้ ฉากที่เขายิงแสกหน้าสองคนนี้ที่ร้านอาหารทำได้อย่างระทึก
ไมเกิลหนีไปซิซิลีพักหนึ่ง กลับไปหารากเหง้าของพ่อแม่และบรรพบุรุษ แต่ก็ไม่วายถูกตามล่า จนภรรยาที่เขาเพิ่งแต่งงานด้วยเสียชีวิตจากระเบิดรถยนต์ที่คนร้ายหมายมุ่งตัวเขา แต่พลาดเป้า เขากลับไปอเมริกาและเริ่มรับหน้าที่การเป็นผู้นำครอบครัว เพราะซันนีพี่ชายก็ถูกสังหาร ส่วนเฟรโดนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะทำอะไรได้ ส่วนพ่อก็ยังต้องพักฟื้นจากการถูกยิงอีกนาน
ครอบครัวในวัฒนธรรมอิตาเลียน โดยเฉพาะที่ซิซิลี เป็นเรื่อง “ศักดิ์สิทธิ์” คนอิตาเลียนชอบมีลูกหลานเยอะ ดูหนังอิตาเลียนจะเห็นเด็กๆ ยั้วเยี้ยเสมอ ดอนวีโตสอนลูกหลานว่า “คนที่ไม่มีเวลาให้กับครอบครัวไม่ใช่คนที่แท้จริง”
ไมเคิลสืบทอดมรดกพ่อแทบจะทุกอย่าง ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องครอบครัว เขารับไม่ได้ที่เฟรโดไปเข้าข้างเจ้าของโรงแรมที่ลาสเวกัส ไมเกิลบอกเฟรโดว่า “พี่เป็นพี่ผม ผมรักพี่ แต่อย่าเข้าข้างคนอื่นที่ขัดแย้งกับครอบครัวของเราอีกเป็นอันขาด” และเราก็จะเห็นในเจ้าพ่อภาค 2 ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อเฟรโดไม่ฟังไมเคิล ซ้ำยังหาทางโค่นเขา
ในหนัง The Godfather เราถูกทำให้เข้าใจว่า ในโลกของมาเฟีย คนเลวร้ายคือคนที่ทรยศหักหลังครอบครัววงศ์ตระกูล อย่างอื่น “ไม่เป็นไร” หรือ “ไม่เท่าไร”
ภาพที่ออกมาดูเหมือนว่าบรรดาเจ้าพ่อมาเฟียที่จริงก็ประกอบอาชีพเหมือนคนทั่วไป ไม่เห็นภาพการขูดรีด การฆ่าคนธรรมดา คนเดินถนน ไม่เห็นการข่มขืนชำเรารังแกผู้หญิง เห็นแต่การจัดการผลประโยชน์อย่างมากก็บ่อนการพนัน นอกนั้นเป็น “อาชีพสุจริต” อย่างการค้าน้ำมันมะกอก การทำธุรกิจโรงแรมและคาสิโน ซึ่งเป็นอะไรที่ถูกกฎหมาย
ในความเป็นจริง นั่นคือการฟอกเงิน ทำให้เงินสกปรกกลายเป็นเงินสะอาด ทำให้คนร้ายกลายเป็นคนดี และนอกจอ นี่ก็คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมทั้งไทยแลนด์
ที่ไหนๆ ก็เหมือนกัน บรรดาเจ้าพ่อจะแสดงออกถึงความเอื้ออาทรต่อคนจน คนที่ถูกรังแก ถูกเอาเปรียบ รับไปแก้ไขปัญหา บรรเทาความทุกข์เดือดร้อน ผู้หิวโหยได้อาหาร ผู้กระหายได้น้ำเย็น ผู้ถูกรังแกได้รับความเป็นธรรม ทำให้ผู้คนเหล่านี้เป็นผู้อยู่ใต้การอุปถัมภ์ของเขา ซึ่งวันหนึ่งอาจจะ “ขอร้อง” ”ขอความร่วมมือ” หรือทวงบุญคุณทวงหนี้วิธีใดก็ได้
เจ้าพ่อมาเฟียไม่ใช่คนโง่ หรือโหดร้ายประเภทเอะอะก็ชักปืนยิงหัว พวกเขาเป็นคนฉลาดที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมกลโกง การโกหกและเงื่อนงำซับซ้อน พวกเขาไม่ได้แก้ไขปัญหาด้วยความรุนแรงทันที เริ่มไม้นวมก่อนจะไปไม้แข็ง พูดจากันดีๆ ถ้าไม่ได้เรื่องค่อยว่ากันแรงๆ หรือที่เจ้าพ่อบอกว่า “ฉันจะยื่นข้อเสนอที่เขาปฏิเสธไม่ได้” (I’ll make him an offer he can’t refuse)
การแก้ปัญหามักจะลงท้ายด้วยความรุนแรง เช่นเดียวกับเจ้าพ่อภาค 1 ที่จบลงอย่างตื่นเต้นเร้าใจและสยดสยองกับความรุนแรงแห่งการฆ่าล้างตระกูลมาเฟียทั้งห้า ประกาศศักดาเจ้าพ่อคนใหม่อย่างยิ่งใหญ่ ในขณะที่เขาเองยืนอยู่หน้าพระแท่นบูชาในโบสถ์เพื่อเป็น “พ่อทูนหัว” (godfather) ให้หลานในวันที่หลานไปรับพิธีล้างบาป (baptism)
การเป็น The Godfather (เจ้าพ่อ) และการเป็น godfather (พ่อทูนหัว) ดำเนินไปพร้อมกัน หนังตัดกลับไปกลับมาระหว่างฉากในโบสถ์กับฉากในสถานที่ต่างๆ ที่บรรดามาเฟีย หัวหน้าแก๊งและตระกูลต่างๆ ถูกฆ่าอย่างทารุณและเลือดเย็น ฉลองการประกาศการขึ้นสู่บัลลังก์อย่างเป็นทางการของเจ้าพ่อคนใหม่ ไมเคิล คอร์เลโอเน
และที่สุด เขาก็สั่งฆ่าได้แม้กระทั่งพ่อของเด็กที่เขาเพิ่งไปเป็น “พ่อทูนหัว” (godfather) ที่ในโบสถ์ นั่นคือพี่เขยของเขาเอง ผัวซาดิสต์ของพี่สาวคอนนี่นั่นเอง ผู้หักหลังครอบครัว ทำให้ซันนีต้องโดนกับดักและถูกฆ่าอย่างทารุณ
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของศักราชใหม่ของเจ้าพ่อ ซึ่งอยู่ได้ด้วยอำนาจ เงิน และผลประโยชน์ อยู่ได้ด้วยการใช้ความรุนแรง ซึ่งก่อให้เกิดความรุนแรงตามมาไม่รู้จบ