xs
xsm
sm
md
lg

มหาชนชูนโยบายสวนทรท. ดันแก้รธน.100เสียงยื่นซักฟอกนายกฯได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 13.00น.วานนี้ (19 ก.ค.) พรรคมหาชน ได้แถลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่ห้องบอลรูม โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ โดยมีแกนนำพรรคมาร่วมคับคั่ง อาทิ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ว่าที่หัวหน้าพรรค นายจเด็จ อินสว่าง ว่าที่เลขาธิการพรรคฯ นายอรรคพล สรสุชาติ ว่าที่รองหัวหน้าพรรค นายมั่น พัธโนทัย นายปาน พึ่งสุจริต กรรมการบริหารพรรค ตัวแทนเอ็นจีโอ นักวิชาการจากสถาบันต่างๆ ฯลฯ
ทั้งนี้ พรรคมหาชนได้ถือฤกษ์ เวลา 13.44 น. ในการเปิดตัว ทั้งนี้ก่อนเริ่มเปิดตัวทางพรรคได้ฉายสไลด์มัลติวิชั่น เรื่อง “สังคมไทย ใครรับผิดชอบ”จากนั้นนายเอนก แถลงเปิดตัวนโยบายพรรค โดยกล่าวถึงที่มาของนโยบายพรรคมหาชน ว่าได้ยึดหลักอุดมคติ ปรัชญา 3 ประการ คือ 1.หลักการบริหาร และพัฒนาประเทศแบบสวัสดิการนิยมก้าวหน้า 2.การมีส่วนร่วมและการกระจายอำนาจ 3.การแยกทุนออกจากประชาธิปไตย และขจัดปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งหลักพื้นฐาน 3 ประการ นำมาสู่การแปลงนโยบายสำคัญของพรรคมหาชนสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าทั้งหมด 3 ปรัชญา 7 กลุ่มนโยบาย คือ 1.กลุ่มสวัสดิการก้าวหน้า ประกอบด้วย
ด้านการศึกษา คือ 1.ให้คนจนเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ซึ่งคนกลุ่มนี้มีจำนวน 2.1 ล้านคน ซึ่งจะจัดให้เรียนฟรีในสถาบันการศึกษาของรัฐ รวมทั้งจะให้เงินอุดหนุนกับสถาบันการศึกษาภาคเอกชน 2.ให้สิทธิพิเศษด้านภาษี และสวัสดิการแก่ครูอาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งจะมีการปรับให้สวัสดิการแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และจะออก พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพทางวิชาการ เพื่อส่งเสริมงานวิจัยของนักวิชาการ 3 คืนเสรีภาพให้มหาวิทยาลัย ยุติการผลักดันออกนอกระบบ 4 ตั้งกองทุน 1.5 หมื่นล้านบาท สนับสนุนการศึกษาภาคเอกชนและท้องถิ่น โดยให้สถาบันการศึกษาภาคเอกชนสามารถกู้ยืมเงินจากกองทุนเพื่อนำมาพัฒนาการศึกษาของสถาบันตัวเอง โดยคิดอัตราดอกเบี้ยถูก และผ่อนระยะยาว 5 ปฏิรูปคุณภาพการศึกษา และจัดตั้งเครือข่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนาการศึกษาทุกภูมิภาค
นายเอนก กล่าวว่า ด้านสุขภาพ คือ 1.คนจนรักษาฟรี คนมีใช้ระบบประกันสุขภาพ โดยยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และเปลี่ยให้คนจนได้รักษาฟรี ส่วนคนมีฐานะให้ซื้อบัตรประกันสุขภาพ ซึ่งจะได้รับการรักษาอย่างดีเช่นกัน ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายงบประมาณทางด้านสาธารณสุขมีประสิทธิภาพ 2 ปฏิรูปคุณภาพการสาธารณสุขครบวงจรสู่ความก้าวหน้า ซึ่งจะนำงบประมาณที่เหลือมาเพิ่มเงินเดือนให้แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางด้านสาธารณสุข ซึ่งจะพยายามสร้างแรงจูงใจให้คนกลุ่มนี้ในการตั้งใจทำงานมากที่สุด
ด้านแรงงาน คือ 1.จัดสร้างที่พักสภาพแวดล้อมดีราคาถูกให้ผู้ใช้แรงงานที่อพยพมาทำงานในท้องถิ่นอื่นได้ เช่าหรือซื้อผ่อนส่งในระยะยาวและอัตราดอกเบี่ยต่ำ โดยเฉพาะในจังหวัดอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อลดปัญหาชุมชน แออัด2 ตั้งกองทุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำช่วยแรงงานไทยที่จะไปทำงานต่างประเทศและยกเลิกค่าหัวคิดแรงงาน ซึ่งรัฐบาลจะช่วยอุดหนุนค่าใช้จ่ายแรงงานไทยที่จะไปทำงานในต่างประเทศ
ด้านเศรษฐกิจ คือ 1.นโยบายตั้งกองทุนสนับสนุนหรือพยุงราคาพืชผลและผลผลิตที่สำคัญ 2.นโยบายจัดตั้งสินเชื่อจุลภาค ให้กลุ่มภาคการผลิตจริงทุกระดับ ซึ่งรูปแบบสินเชื่อดังกล่าวจะมีลักษณะให้เงินกู้เพื่อไปศึกษาวิจัยธุรกิจภาคการผลิต โดยเน้นที่ธุรกิจขนาดกลาง และเล็ก เป็นรูปแบบบีโอไอ.ผสม ทีดีอาร์ไอ. 3.นโยบายสร้างงานจำนวนมหาศาล เพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในทุกหมู่บ้านตำบล ส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงแก่เกษตรกรรายย่อย และประกันรายได้ให้ผู้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยแต่ละครัวเรือนจะมีรายได้ไม่ต่ำวก่า5,000บาทต่อเดือน หากต่ำกว่านั้นรัฐบาลจะเข้าสนับสนุนทันที
สำหรับกลุ่มนโยบายการมีส่วนร่วมและการกระจายอำนาจจะเน้นไปมีส่วนร่วมในการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีนโยบายจัดตั้งเมืองมหานครใหม่ขึ้น 4 แห่งคือ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และภูเก็ต และจะเปลี่ยนรูปแบบการปกครองแบบเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดใน 4 จังหวัด และจะกระจายรายได้ประมาณร้อยละ 35 หรือประมาณ 350,000 ล้านบาท ไปสู่ท้องถิ่น เงินจำนวนนี้จะนำไปให้ประชาคมและประชาชนในท้องถิ่นได้บริหารเอง และจัดตั้งอาสาสมัคร สตง. และ ป.ป.ช. ภาคประชาชน เข้าไปตรวจสอบปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นระดับท้องถิ่น โดยรัฐจะต้องให้ความคุ้มครองโดยออกกฎหมายให้คนเหล่าได้มีบทบาท
กลุ่มการแยกทุนออกจากประชาธิปไตยและขจัดปัญหาคอรัปชั่น โดย นโยบายหลักคือ จะเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และพัฒนามาตรการทางกฎหมายพื่อขจัดคอร์รัปชั่น ซึ่งมาตรการที่เสนอมาจะนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองครั้งที่ 2 ที่พรรคมหาชนจะผลักดันให้ได้ โดยประเด็นที่จะแก้ไขมี 4 ประเด็นคือ 1. แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ส.ส.1 ใน 5 สามารถเข้าชื่ออภิปรายนายกรัฐมนตรีได้เช่นเดียวกับรัฐมนตรี และทำได้ง่ายขึ้น 2.ทบทวน พ.ร.บ.และข้อกฎหมายของ ป.ป.ช.ที่ป้องกันไม่ให้นายกฯ รัฐมนตรี หรือผู้ช่วยรัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรี แสวงหาประโยชน์จากรัฐในการทำสัญญาในรูปธุรกิจ หรือทำสัมปทานกับรัฐ 3.แก้กฎหมายโดยพยายามไม่ให้บุคคลที่ดำเนินธุรกิจใดๆ หรือมีผลประโยชน์ในธุรกิจมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี เลขานุการรัฐมนตรีเข้าไปมีตำแหน่งในกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นๆ 4.จะออกพ.ร.บ.ที่ว่าด้วยการเจรจาการค้าและการทำข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศให้ผ่านการรับรู้ของผู้มีส่วนได้เสียและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยเฉพาะจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาหรือมีการลงมติ
นอกจากนี้พรรคยังได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนที่เป็นปัญหากับสังคมโดยการแก้ปัญหาจะตรงข้ามกับรัฐบาลอย่างสิ้นเชิง ทั้งการยุติการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่เป็นสาธารณูปโภคทั้งหมด ทบทวนข้อตกลง เอฟทีเอ. และยุติข้อตกลงที่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ ที่สำคัญจะไม่สนับสนัน หวย ซ่อง บ่อนการพนันให้เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย
“ขณะนี้พรรคมหาชน ได้ยืนขึ้นมาแล้วและจะนำพาประเทศไทยไปสู่มิติใหม่ และผมพร้อมจะนำพรรคมหาชนไปสู่ชัยชนะ ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเพื่อจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะวันนี้ประเทศไทยมีทางเลือกใหม่แล้ว”นายเอนก กล่าว
นายจเด็จ อินสว่าง ว่าที่เลขาธิการพรรคมหาชน ได้กล่าวถึง ทิศทางการทำงานทางการเมืองของพรรคว่า 1.การใช้นโยบายนำการบริหารโดยจะเน้นโครงสร้างแบบง่ายที่สามารถปรับตัวได้เร็วและมีประสิทธิ์ภาพสูง เพื่อให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ และหากประชาชนคนใดมีความคิดที่เป็นแนวทางเดียวกับพรรคก็สามารถเข้ามาทำงานร่วงมกับพรรคมหาชน โดยไม่ต้องสมัครเป็นสมาชิก 2.การใช้นโยบายในการกำหนดทิศทางในการหาเสียง และการพัฒนาบุคลลิกภาพของ ส.ส.ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 3.จัดหลักสูตรฝึกอบรมพัฒนาสติปัญญาและภาพลักษณ์ของบุคคลในพรรคให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 4.การไม่ใช้เงินนำการบริหาร แต่เน้นการมีส่วนรวมจากทุกภาคส่วนตั้งแต่ประชาชนในชนบทมาจนถึงในเมืองที่จะได้เข้าร่วมแสดงความเห็นและข้อเสนอแนะที่จะนำมาใช้เป็นนโยบายของพรรค 5.การสนับสนุนเครือข่ายกิจกรรมกลุ่มสังคมและกลุ่มประชาสังคมให้เกิดพลังประชาชนอย่างแท้จริงในการตอบสนองโครงสร้างของพรรคในอนาคต 6.การใช้หลักพรหมวิหารธรรมที่ให้ความเมตตาต่อกันและให้อภัยซึ่งกันและกัน และยินดีต่อความสำเร็จของสมาชิกพรรคและวางเฉยต่อการกล่าวร้าย
ทั้งนี้พรรคมหาชนขอเสนอให้มีการปฎิรูปการเมืองครั้งที่ 2 เกิดขึ้น ซึ่งเป็นการเมืองที่ไม่ถือโทษโกรธเคือง แม้จะมีความคิดทางการเมืองที่แตกต่างกัน
ด้านนายอรรคพล สรสุชาติ ว่าที่รองหัวหน้าพรรคมหาชน กล่าวถึงโครงสร้างพรรคมหาชน ว่า พรรคได้วางโตรงสร้างการบริหารพรรค เป็น 3 ส่วน คือ คณะที่ปรึกษาและผู้บริหารที่มีการเชิญ บุคคลที่เป็นทั้งนักวิชาการและปราชญ์ชาวบ้านที่มีความเข้าใจในวิถีชีวิตของประชาชนในระดับรากหญ้าอย่างแท้จริง เข้าร่วมเป็นคลังสมองในการเปิดกว้างทางความคิดทางการเมือง กลุ่มมหาชนก้าวหน้า ซึ่งพรรคได้คัดสรรโควต้าในส่วนของผู้บริการพรรคให้แก่เยาวชน อายุระหว่าง 18-25 ปี ให้ได้เข้ามาร่วมในพรรคการเมืองมากยิ่งขึ้น ซึ่งคนเหล่านี้จะได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น โดยไม่มีการผูกขาดการตัดสินใจอยู่ในระดับฝ่ายบริหารหรือผู้จัดการดำเนินการของพรรคแต่อย่างเดียว ทำให้เสียงของคนรุ่นใหม่ได้รับการเผยแพร่ ผ่านกระบวนการทางการเมือง
ในส่วนของนักการเมืองและผู้สมัคร พรรคมหาชนยืนยันว่า จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งลงทุกพื้นที่ โดยเน้นที่คนรุ่นใหม่ให้เข้ามาร่วมงานทางการเมือง และกลุ่มสุภาพสตรีที่มีความสามารถและประสบการณ์ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ทั้งนี้ นักการเมืองของพรรคจะต้องเป็นนักพัฒนา มีความคิดก้าวหน้า และสามรถประสานงานกับประชาคมเพื่อสร้างความเจริญให้กับทุกพื้นที่โดยจะไม่ใช่เป็นเพียงนักเลือกตั้งที่มุ่งแต่การชนะการเลือกตั้งแต่อย่างเดียว
เมื่อถามว่านโยบายบางข้อรวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคจะริเริ่มในการผลักดันในเรื่องนี้อย่างไร นายเอนก กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นเรื่องของ ส.ส.และ ส.ว.หากประชาชนเลือกพรรคมหาชนเข้าไปมาก ก็จะเป็นการส่งสัญญาณว่าต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งพรรคมหาชนพร้อมดำเนินการเรื่องนี้ร่วมกับ ส.ว.ที่ปรารถนาให้มีการดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน ให้บรรลุผล อย่างไรก็ตามเหตุผลที่พรรคเน้นให้มีการแก้ไขให้สามารถอภิปรายนายกฯด้วยเสียง 1 ใน 5 ของส.ส.ทั้งหมดในสภา “3ปีที่ผ่านมาต้องเรียกว่าการเมืองถูกตัดตอนอย่างชัดเจน ระบบการ ตรวจสอบซึ่งถือเป็นระบบตรวจสอบสูงสุดในสภาถูกตัดตอนอย่างน่าเสียดาย หากผู้นำประเทศเป็นผู้กำหนดนโยบายหลักๆหลายเรื่อง แต่ผู้ที่จะมารับผิดชอบตั้งแต่การตอบกระทู้จนถึงถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วงางใจเป็นเพียงรัฐมนตรีที่รับนโยบายของท่านมาปฏิบัติ ผมถือว่านี่เป็นการตัดตอนทางการเมือง และผมคิดว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นนักการเมืองในอนาคต เป็นนายกฯต้องไม่หนีสภา และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ”นายเอนก กล่าว
ส่วนกรณีรายชื่อพรรคมหาชนที่ยังเป็นปัญหาอยู่นั้น นายอรรคพล กล่าวว่า พรรคมหาชนไม่ใช่พรรคการเมืองใหม่ แต่มีตัวตนที่มาจากพรรคราษฏร จึงมีองค์ประกอบการจัดตั้งพรรคการเมืองที่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ทุกอย่าง ซึ่งผ่านการรับรองจาก กกต.ในระดับหนึ่งแล้วเหลือเพียงแต่การรับรองการประชุมใหญ่เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมที่มีมติให้มีการเปลี่ยนชื่อจากพรรคราษฎร เป็นพรรคมหาชน ดังนั้นจะถือว่าเราแอบอ้างใช้ชื่อพรรคมหาชนไม่ได้ ส่วนเรื่องการจดทะเบียนซ้ำซ้อนกับนายทะเบียนพรรคการเมือง ก่อนการจดทะเบียนได้มีการตรวจสอบทุกขั้นตอนแล้วไม่ปรากฎว่ามีผู้ใดเคยจดทะเบียนในชื่อมหาชน อยู่เลย กระทั่งถึงวันที่พรรคไปจดทะเบียนก้ยังไม่มีชื่อพรรคมหาชน ซึ่งการยื่นขอจดชื่อเป้นการยืนตาม พรบ.พรรคการเมืองทุกอย่าง ส่วนที่มีผู้ร้องว่ามีการใช้ชื่อซ้ำเป้นการร้องกับ ปปช.โดยอ้างลิขสิทธิทางปัญญาชื่อพรรคมหาชนแต่ไม่เกี่ยวข้องกับการไปขอจดทะเบียนเป้นพรรคการเมืองถูกต้องแต่อย่างใด ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคจะคงเดินหน้าต่อไป ทั้งตนและหัวหน้าพรรคก้ยังเป็นสมาชิกพรรคราษฏร ซึ่งเป็นพรรคที่กำลังจะเปลี่ยนเป้นชื่อพรรคมหาชน ส่วนกกต.จะปรับอย่างไร ก็ว่ากันตามกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น