xs
xsm
sm
md
lg

สุวัจน์สั่งตรวจสัญญาฉาวCNNรื้อนโยบายใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"สุวัจน์" สั่งตรวจสัญญาฉาวโฆษณาอีลิทการ์ดของซีเอ็นเอ็น หวั่นสูญเงินกว่าร้อยล้าน เตรียมเรียก "สมใจนึก" กำหนดนโยบายบริษัทใหม่ ดึงผู้บริหารการตลาดมืออาชีพเสริมทัพ ด้านบริษัท ไทยแลนด์ฯ เสนอสิทธิประโยชน์ชาวต่างชาติเข้าโครงการซื้อบ้านที่ดินราคาสูงกว่า 40 ล้านบาท

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปัญหาที่สถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น เรียกเก็บค่าโฆษณาบัตรไทยแลนด์อีลิท การ์ด ว่า ขณะนี้ สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นได้เรียกเก็บค่าโฆษณา จำนวน149 ล้านบาท
และทางบริษัทฯได้เสนอมาว่าจะต้องชำระค่าโฆษณา ในโครงการนี้ 251 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงค่าโฆษณาที่ค้างชำระ ซีเอ็นเอ็นด้วย และขณะนี้ทางบริษัทฯก็ยังไม่ได้ชำระ เมื่อผู้บริหารบริษัทคนใหม่เข้ามาก็ได้ขอให้มีการตรวจสอบข้อมูลว่ามีความถูกต้องในเรื่องเอกสารอย่างไร โดยเฉพาะการว่าจ้างและสัญญาต่าง ๆ และบริษัทก็ยืนยันว่าจะไม่จ่ายจนกว่าจะตรวจสอบให้เสร็จสิ้น

ส่วนกรณีความคลุมเครือสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวกับที่ดินนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายละเอียดเนื่องจากเรื่องยังอยู่ที่กรมที่ดิน แต่ทราบว่าทางบริษัทฯได้เสนอขอแก้สิทธิประโยชน์ในการกำหนดวงเงินการซื้อบ้านและที่ดิน ว่าสามารถซื้อบ้านและที่ดินในมูลค่า 40 ล้านบาท ซึ่งต่างจากเดิมที่ให้มีการถือพันธบัตร 40 ล้านบาท และซื้อที่ดินอีกราคาหนึ่ง ซึ่งการขอแก้ไขนั้นจะต้องซื้อบ้านและที่ดินในมูลค่าที่ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท

นายสุวัจน์ ยังกล่าวภายหลังนายโชคศิริ รอดบุญพา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยแลนค์ พรีเลจ คาร์ด จำกัด เข้ารับนโยบายว่า ในเวลา 16.00น. (20 ก.ค.) จะเชิญนายสมใจนึก เอ็งตระกูล ปลัดกระทรวงการคลัง
ในฐานะประธานบอร์ดบริษัทฯและคณะกรรมการฯ เข้าพบเพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าของบัตรไทยแลนด์ อีลิท คาร์ด โดยเฉพาะกลยุทธ์การดำเนินการของบริษัท เพราะสมาชิก 483 รายยังน้อยมาก

เขายอมรับ ว่า ใน15 บริษัทที่มาเป็นเอเยนซี่ในการหาสมาชิกมีจำนวนน้อยมากและเชื่อว่าอาจะต้องเพิ่มขึ้นและเปิดโอกาสให้เป็นตัวแทนจำหน่ายในระดับประเทศ ส่วนการกำหนดทีมผู้บริหารใหม่นั้น เห็นว่า จะต้องเพิ่มในเรื่องของผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดเป็นหลัก

นายโชคศิริ รอดบุญพา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด(ทีพีซี) เปิดเผยว่า นโยบายจากนี้ไปของบริษัท จะเน้นเจาะตลาดเข้าไปในประเทศเป้าหมาย โดยต้องวางเครือข่ายให้เร็วที่สุด โดยใช้ระบบคันทรีให้เป็นประโยชน์ในการสร้างตลาด ล่าสุดจากการที่ บริษัท แอคทีฟ จำกัด ได้เซ็นสัญญากับบริษัท คิมโป ซีไซด์ คันทรีคลับ จำกัด ประเทศเกาหลี โดยแต่งตั้งให้เป็นคันทรีพาร์ทเนอร์ในนาม บริษัท แอคทีฟเกาหลี จำกัด เพื่อเป็นผู้แทนจำหน่ายหลักบัตร "ไทยแลนด์ อีลิท คาร์ด"ประจำประเทศเกาหลี
กลุ่มลูกค้าอีลิทคาร์ดในเกาหลี จะมุ่งจับตลาดนักเล่นกอล์ฟเป็น จำนวนผู้เล่นกอล์ฟในเกาหลีมีประมาณ 4-5 ล้านคน ขณะที่มีสนามกอล์ฟเพียง 500 สนาม ดังนั้นนักกอล์ฟเกาหลีส่วนใหญ่จะเข้าเป็นสมาชิกของสนาม เพื่อจัดวันเข้ามาใช้บริการ โดยแบ่งตามราคาของบัตรสมาชิก ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะมีผู้สนใจซื้อสมาชิกอีลิทคาร์ดอย่างแน่นอน และทางท่านนายกสมาคม ก็มีสัญญาไว้แล้วว่า จะเลือกเฉพาะสมาชิกระดับไฮเอนด์เข้ามาซื้ออีลิทคาร์ด โดยตั้งเป้าจะส่งลูกค้าให้ในปีแรกที่เซ็นสัญญา หรือช่วง 5 เดือนในปีนี้ จำนวน 500 ราย และปีหน้าตั้งเป้าไว้อีก 4,500 ราย"
นอกจากนั้น ยังได้ เซ็นสัญญา บัญทึกความตกลง(MOU) ในเรื่องของการส่งเสริมและพัฒนากีฬากอล์ฟในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนากอล์ฟในด้านต่างๆ อาทิ การจัดกิจกรรมกอล์ฟทัวร์นาเม้นท์จากประเทศเกาหลีเข้ามาแข่งขันในไทย การจัดศูนย์ฝึกสอนกีฬากอล์ฟให้แก่เยาวชนไทย รวมถึงการเข้าร่วมกับสนามกอล์ฟไทยในการจัดกิจกรรมต่างๆ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของการลงทุน "กอล์ฟ อเคเดมี" หรือศูนย์ฝึกสอนกอล์ฟให้กับเยาวชนเกาหลี จากปัจจุบันนี้ เยาวชนเกาหลี ต้องไปเรียนที่ประเทศ ออสเตรเลีย หรือสหรัฐอเมริกา ดังนั้น หากตั้งศูนย์ที่ประเทศไทย โอกาสของการเดินทางมาฝึกอบรม ก็จะยิ่งสะดวกขึ้น ซึ่งตรงนี้คาดว่าจะดึงเม็ดเงินลงทุนในเบื้องต้นได้ประมาณ 50-100 ล้านบาท
ส่วนการเตรียมความพร้อมของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน ทีพีซี มีสนามกอล์ฟที่เข้าร่วมเป็นสมาชิก 35 แห่ง อาจไม่เพียงพอ สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือพัฒนาสนามกอล์ฟที่มีอยู่แล้วขณะนี้ให้ได้มาตรฐานที่จะเข้ามาร่วมกับอีลิท คาร์ด ซึ่งประโยชน์ที่จะตามมาคือเรื่องของรายได้ในการจับจ่ายใช้สอย และบริการอื่นๆอย่างไรก็ตามแนวคิดของ ทีพีซี ต่อไป หากบริษัทดำเนินตามแผนเจาะลูกค้าเป็นรายประเทศ จะต้องมีการกำหนดโควต้าของจำนวนสมาชิกในแต่ละประเทศ เพื่อรักษาสิทธิในการเข้ามาใช้บริการไม่ให้รบกวนเมมเบอร์ของประเทศอื่นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น