xs
xsm
sm
md
lg

"เฮียฮ้อ"ออกโรงแจงปลดพนักงาน ยันเลิกจ้าง30คน-ชี้อีก2เดือนแผนทุกธุรกิจเสร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อาร์.เอส. ชี้แจงเหตุปรับโครงสร้างองค์กรโละพนักงาน เผยของจริงบอกเลิกจ้างแค่ 30 คน ขณะที่รายงานข่าววงในแจงว่า เป็นเพราะการยุบหรือย้ายแผนก สร้างความอึดอัดใจ จึงตัดสินใจลาออกจำนวนมาก ด้านเฮียฮ้อ เผยโครงสร้างใหม่จะสร้างรายได้ให้องค์กรได้มากขึ้น เน้นนโยบายเชิงรุก ด้วยการเปิดสินค้าใหม่เพิ่มเติม ขณะเดียวกันต้องให้ความสำคัญในการศึกษาตลาด เพื่อเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า

จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่าการปรับโครงสร้างของบริษัท อาร์.เอส.โปรโมชั่น จำกัด(มหาชน) ส่งผลให้มีการเลิกจ้างพนักงานรวมทั้งสิ้นราว 300 คน โดยการนำเสนอของสื่อต่างๆ ทำให้"เฮียฮ้อ" นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยทีมผู้บริหารชุดใหม่ที่เพิ่งได้รับหน้าที่เมื่อ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงการปรับโครงสร้างองค์กร

นางสาวพรพรรณ รุ่งเรืองบางชัน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักประธาน บริษัท อาร์.เอส.โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับโครงสร้างของบริษัทในครั้งนี้ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์หลักเรื่องลดจำนวนบุคลากร แต่ทั้งนี้ทุกบริษัทที่ปรับโครงสร้างองค์กร ก็ต้องมีบ้างที่จะต้องปรับลดบุคคลากรในส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป ซึ่งในส่วนของ อาร์.เอส. การปรับโครงสร้างครั้งนี้ มีการบอกเลิกจ้างงานเพียง 30 คนเท่านั้น แต่หากจะมีคนลาออก หรือ รับพนักงานเข้ามาเพิ่มเติม ก็เป็นเรื่องธรรมดาของทุกองค์กรที่จะมีคนเข้าคนออกในแต่ละเดือน ซึ่งทางบริษัทถือเป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้

อย่างไรก็ตามแหล่งข่าววงในกล่าวว่า ในความเป็นจริง มีพนักงานของอาร์.เอส.ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างในครั้งนี้ ยื่นหนังสือลาออกจำนวนมาก และยืนยันว่ามีมากกว่า 30 คนแน่นอน ทั้งนี้เพราะการยุบแผนก หรือการย้ายบุคคลากรไปอยู่ในส่วนที่ตัวเองไม่ถนัด หรือเกิดความอึดอัดใจ ก็ทำให้ต้องตัดสินใจลาออก ซึ่งจะทยอยมีผลตั้งแต่กลางเดือนไปจนถึงสิ้นเดือนนี้

นายบรรณรงค์ พิชญากร รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มการเงิน กล่าวยอมรับว่า ในช่วงครึ่งปีแรก ผลประกอบการของอาร์.เอส .พลาดเป้าไปเล็กน้อย และยังมีผลประกอบการที่ขาดทุน ซึ่งเป็นเพราะผลจากสถานการณ์ในไตรมาสแรก ที่ส่งผลกระทบต่อเนื่อง คือเรื่องของ การปรับนโยบายรับคืนสินค้า เพื่อสร้างวินัยการทำธุรกิจกับคู่ค้า รวมถึงผลกระทบจากการชะลอตัวของธุรกิจเพลงซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัท แต่ทั้งนี้โดยภาพรวม ณ วันนี้ บริษัทยังคงยืนยันธุรกิจของบริษัททั้งกลุ่ม จะยังคงเติบโต 50% ในสิ้นปีนี้ ซึ่งความเป็นไปได้จะมาจากการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้ เราจะมีการตรวจสอบผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ซึ่งจะทำให้รายได้บริษัทในหลายธุรกิจมีการเติบโต เช่น ธุรกิจภาพยนตร์ ธุรกิจสื่อ-วิทยุ และธุรกิจพิเศษ ซึ่งเป็นหน่วยงานใหม่ที่ตั้งขึ้น โดยทุกธุรกิจจะมีการวางแผนปรับกลยุทธ์ เพื่อเตรียมแข่งขัน คาดว่าแผนทั้งหมดจะเสร็จสิ้นใน 1-2 เดือนจากนี้ไป

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์.เอส.โปรโมชั่น จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า รายได้ที่ลดลงของบริษัท ส่วนหนึ่งมาจาก ธุรกิจภาพยนตร์ และธุรกิจเทเลมูฟวี่ที่ผลิตหนังแผ่น ดังนั้น โครงสร้างใหม่จึงได้ตัดธุรกิจเทเลมูฟวี่ออกไป ส่วนธุรกิจภาพยนตร์ จะต้องมีการปรับปรุง โดยให้ความพิถีพิถันในการสร้างมากขึ้น ต้องมีการศึกษาตลาด โดยมีจุดประสงค์ให้สายการผลิตและสายการตลาดในธุรกิจนี้มีการทำงานที่สอดคล้องกัน โดยภาพยนตร์ของอาร์.เอส.จะไม่ตามกระแสภาพยนตร์ที่มีในตลาด แต่จะคิดแนวใหม่ออกมา ล่าสุดที่กำลังฉายคือเรื่อง "ชู้" ซึ่งบริษัทถือว่าประสบความสำเร็จติดบอกซ์ออฟฟิศที่ 10 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทมีภาพยนตร์ในสต็อกอีก 5 เรื่อง ซึ่งอยู่ระหว่างการผลิต และจะทยอยออกฉายตั้งแต่ครึ่งปีนี้เป็นต้นไป โดยนโยบายของบริษัทจะผลิตภาพยนตร์เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้วางไว้ถึงปี 2549 แล้ว

" ต้องยอมรับว่าธุรกิจหนังแผ่นขณะนี้อยู่ในช่วงขาลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาเทปผีซีดีเถื่อน รวมถึงภาพลักษณ์ของหนังแผ่นที่ออกมาในขณะนี้ผู้บริโภคยังมีภาพติดลบอยู่มาก ดังนั้นบริษัทจึงตัดสินใจยุบแผนกนี้ออกไป แต่ยังมีหนังแผ่นในสต็อกอีก 20 เรื่อง ที่จะทยอยวางแผงในตลาด ซึ่งในอนาคตหากคิดจะผลิตขึ้นมาใหม่คงตั้งเป็นหน่วยงานเฉพาะกิจ"

อย่างไรก็ตามการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งนี้ ทุกธุรกิจ จะต้องนำเสนอกลยุทธ์ของตัวเองออกมา เช่น ธุรกิจภาพยนตร์ จะต้องเร่งหาพันธมิตรที่อยู่ในธุรกิจสินค้า เพื่อง่ายต่อการหาตลาดผู้บริโภค ส่วนธุรกิจสื่อ ที่ประกอบไปด้วย ทีวี วิทยุ และละคร จะต้องมีแผนในการเพิ่มรายได้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการขยายกิจการด้วยการเพิ่มช่องสถานีวิทยุ เพิ่มรายการที่จะออกอากาศในช่วงเวลาและสถานีโทรทัศน์ต่างๆ และ คาดว่า ทั้ง 3 คลื่นวิทยุที่มีอยู่ คือ 88.5 เอฟ.เอ็ม แม็กซ์ ,93 คูลล์ เอฟ.เอ็ม. และ 106 ไลฟ์ท เอฟ.เอ็ม. จะเป็นคลื่นที่ติดอันดับท๊อปไฟว์ในปีหน้า และเอเจนซี่ก็จะสนใจเทเม็ดเงินโฆษณาเข้ามามากขึ้น

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้โดยรวมของอาร์.เอส. 40-45% มาจากธุรกิจ เพลง อันดับสอง คือธุรกิจสื่อ มีส่วนแบ่งที่ 30% ส่วนอีก 25% มาจากรายได้ในธุรกิจอื่นๆ เช่น ภาพยนตร์ นิวมีเดีย ซึ่งภายหลังปรับโครงสร้างคาดว่าจะทำให้ทั้งกลุ่มบริษัทสามารถทำรายได้เติบโตได้อีกกว่า 15% ในปีหน้า ส่วนในตลาดรวม ก็น่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอาร์.เอส.มีแชร์อยู่ประมาณ 30%

นายยรรยงอัครจินดานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ - การตลาดและธุรกิจพิเศษ หรือนิวมีเดีย เปิดเผยธุรกิจที่ตนดูและอยู่ถือเป็นธุรกิจที่เข้ามาต่อยอดธุรกิจหลัก คือเพลง และภาพยนตร์ โดยนำคอนเทนส์ที่บริษัทมีอยู่ มาเล่นกับเทคโนโลยีทั้งอินเทอร์เน็ต และโมบายโฟน์ โดยจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ และวัยรุ่น ซึ่งปัจจุบันธุรกิจทำรายได้ให้บริษัทประมาณ 5% ของรายได้รวม แต่มีการเติบโตที่เห็นชัด เป็นดับเบิ้ลมาโดยตลอด และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวสูงในอนาคต โดยเฉพาะในส่วนของตลาดบรอดแบรนด์ ที่บริษัทได้ร่วมกับบริษัท ทรู ในการให้บริการดูภาพยนตร์ นอกจากนั้นยังมีธุรกิจริงโทน ผ่านโทรศัพท์มือถือ

" แม้ว่าธุรกิจนี้จะเติบโต แต่ในด้านรายได้ยังถือว่าน้อยมาก เพราะในบ้านเรายังคิดอัตราค่าบริการกับลูกค้าในอัตราที่ถูกมาก เมื่อเทียบกับต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา แต่เชื่อว่ากลุ่มธุรกิจนี้ จะเป็นตัวเสริมรายได้และธุรกิจใหม่ๆให้กับบริษัท อาร์.เอส.ได้เป็นอย่างดี"
กำลังโหลดความคิดเห็น