"เสธ.หนั่น"ทำป่วนปชป.ใกล้แตก "อภิสิทธิ์"จี้ “บัญญัติ”ใช้ความเด็ดขาดตะเพิด เสธ.หนั่น-2ส.ส.พ้นพรรค "อรรคพล"ยื่นหนังสือลาออกแล้ว ด้านประธานสาขาฯ เตรียมก่อหวอด บีบ "บัญญัติ-ประดิษฐ์"ลุกจากเก้าอี้ หลีกทางให้"มาร์ค"คุมพรรคแทน เรียกประชุมด่วนวันพุธนี้ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และสร้างความชัดเจนแก่สมาชิกพรรค ขณะที่ “ประดิษฐ์”ไม่หวั่นกระแสกดดันให้เปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค
กระแสการเปิดตัวพรรคมหาชน โดยมีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและ นายอรรคพล สรสุชาติ รองเลขาธิการพรรค เข้าร่วมด้วยนั้น ได้สร้างปัญหาความปั่นป่วนแก่ พรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างมาก
จี้"บัญญัติ"ไล่"เสธ.หนั่น"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนก็เป็นสิ่งดี แต่ถ้าผู้ที่ออกไปก่อตั้งพรรค เป็นถึงผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ก็ควรทำให้เกิดความชัดเจน ไม่ใช่ไปเป็นที่ปรึกษาพรรคการเมืองใหม่ แต่ไม่ยอมลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะจะทำให้เกิดความสงสัยในหมู่ประชาชน ว่า ความสัมพันธ์ของสองพรรคเป็นอย่างไร
“ผมพร้อมช่วยหัวหน้าในการกอบกู้พรรค บนพื้นฐานการทำความชัดเจนในเรื่องความเป็นสถาบัน และ ใครที่คิดถึงเรื่องอื่นจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ หรืออะไรก็ตาม พรรคต้องเด็ดขาดในการตัดสินใจ ผมมีความรู้สึกว่า ขณะนี้มีกระบวนการที่ทำให้เกิดความสับสนในเรื่องควมสัมพันธ์ในพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรยอมรับ และไม่เคยยอมรับระบบพรรคการเมืองสาขา"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าพล.ต.สนั่น ยังไม่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค จะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของผู้บริหารพรรค ที่จะต้องสร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้น แม้จะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันอย่างไรก็ตาม จะต้องคิดความสัมพันธ์องค์กรเป็นหลัก และโดยมารยาทใครที่ทำงานให้พรรคการเมืองอื่น แล้วก็ควรรีบเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาทำงาน เพราะงานของพรรคต้องดำเนินต่อไป นอกจากเรื่องในพรรคแล้ว พรรคจะต้องทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน ที่จะต้องตรวจสอบรัฐบาลหลายเรื่อง ดังนั้นคิดว่า เรื่องเหล่านี้จะต้องชัดเจนภายในวันที่ 6ก.ค.นี้
นอกจากนี้ ส.ส.ของพรรค ที่มีความสัมพันธ์กับคนที่ออกไปตั้งพรรคนั้น ก็ต้องตัดสินใจที่จะทำให้เกิดความชัดเจนเช่นกัน เพราะเรื่องส่วนตัวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานในนามพรรคการเมืองต้องรับผิดชอบกับประชาชน ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่เมื่อตัดสินใจแล้วจะต้องร้อยเปอร์เซนต์
ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาพูดเช่นนี้เป็นห่วงหรือไม่ว่าจะถูกมองว่าเป็นการออกมาไล่สมาชิกบางคน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ขับไล่ไสส่งใคร และที่ผ่านมาก็ไม่มีใครไล่ใคร เป็นการตัดสินใจด้วยความสมัครใจ และตนไม่ได้เจาะจงพูดถึงใคร แต่พูดโดยหลักอย่างตรงไปตรงมา ของระบบพรรคการเมือง
นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีความนิทสนมกับพล.ต.สนั่น ยืนยันจะไม่ลาออกจากพรรคเพื่อไปสังกัดพรรคมหาชน ส่วนกรณีที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ออกมาแสดงความเห็นว่า นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร ควรจะลาออกไปอยู่พรรคทางเลือกที่สาม กับพล.ต.สนั่น นั้น นายถาวร กล่าวว่าเป็นความคิดเห็นเฉพาะบุคคล แต่ตนคิดว่าการตัดสินใจทางการเมืองของนายศิริวัฒน์ เมื่อเขารักพรรคประชาธิปัตย์ และยังอยากอยู่พรรคก็เป็นความชอบธรรมที่เขาจะอยู่ต่อไป เช่นในอดีตกรณีที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ แต่ ม.ร.ว.ศึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นหัวหน้าพรรคกิจสังคม
ด้านนายอรรคพล สรสุชาติ เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และได้ให้เจ้าหน้าที่ไปยื่นต่อสำนักเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ซึ่งเท่ากับว่า ขณะนี้ตนหมดสมาชิกภาพการเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว และจะไม่เข้าพบนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค เพื่อชี้แจงในเรื่องนี้อีก ถือว่าขณะนี้ขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยไปแล้ว
อ้างสาขาพรรคไล่"บัญญัติ-ประดิษฐ์"
นายประมวล เอมเปีย ผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง จ.ชลบุรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เท่าที่ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชน และหารือกับประธานสาขาภาคกลาง ภาคอีสานจำนวนหนึ่ง และ ส.ส.ของพรรคอีกจำนวนหนึ่งพบว่า มีความสับสนที่ พล.ต.สนั่น ไปก่อตั้งพรรคมหาชนแล้ว นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จะเอาอย่างไรต่อ โดยกลุ่มคนเหล่านี้เห็นว่า ด้วยความปรารถดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ และนายประดิษฐ์ ควรลาออกจากตำแหน่งตามไปด้วย เพื่อให้คนอื่นขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคแทน เพราะทั้งสองคนได้รับการสนับสนุนจาก พล.ต.สนั่นถึงได้เป็นหัวหน้าพรรค และ เลขาธิการพรรค อีกทั้ง กลุ่มคนเหล่านี้ยังอยากจะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรค ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแทนนายบัญญัติ
"ประดิษฐ์"ตอกกลับอย่าเสียมารยาท
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกรณีที่มีส.ส.ของพรรคออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงขับไล่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรค และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชาย ออกจากพรรค ตนคิดว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างยิ่ง เพราะการที่สมาชิกพรรคจะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของตัวเอง ถือเป็นสิทธิของแต่ละคน
ส่วนกรณีที่มีสมาชิกพรรคภาคกลาง เตรียมเคลื่อนไหวกดดันให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค และนายประดิษฐ์ พ้นตำแหน่งนั้น นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของสมาชิกพรรคแต่ละคน เพราะหัวหน้าพรรคมาจากการเลือกของสมาชิก ส่วนเลขาธิการพรรค มาจากการแต่งตั้งของหัวหน้าพรรค หากการเคลื่อนไหวเป็นไปตามข้อบังคับพรรคก็ดำเนินการได้ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีประชาธิปไตย และให้สิทธิทุกคนในการแสดงความเห็นอยู่แล้ว
ปชป.เรียกประชุมด่วนพรุ่งนี้
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าได้รับแจ้งจากนายวิทยา แก้วภราดัย ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการเรียกประชุมส.ส.เป็นการด่วนในวันที่ 7ก.ค.นี้ เวลา 09.00น. เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองทั้งในพรรค และนอกพรรค และสร้างความชัดเจนให้กับส.ส.ทั้งพรรค เพราะ ส.ส.สมัยแรกรู้สึกว้าเหว่ เนื่องจากมี นายบัญญัติ และ นายประดิษฐ์ เท่านั้นที่ทำงาน ส่วนคนอื่นๆ โดยเฉพาะอดีตรัฐมนตรีถึง 80เปอร์เซ็นต์ไม่ทำงาน และถึงเวลาแล้ว ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องเข้ามาทำงาน อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของพรรคจะต้องชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพรรค และชี้ถึงเป้าหมายของพรรคที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในกลุ่มส.ส.ที่มีความใกล้ชิดกับพล.ต.สนั่น กล่าวว่า ถึงขณะนี้ตนยืนยันว่าพล.ต.สนั่น ไม่ได้ชักชวนส.ส.ในพรรคไปร่วมพรรคมหาชน ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชายของพล.ต.สนั่น ลาออกตามบิดาด้วยนั้น เรื่องนี้ควรปล่อยให้นายศิริวัฒน์ ตัดสินใจเอง ไม่ควรสร้างความกดดัน เพราะนายศิริวัฒน์ยังคงมีความชอบในการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ ส่วนส.ส.ในสายพล.ต.สนั่น ขณะนี้ ยังไม่มีใครที่คิดจะย้ายพรรค โดยเฉพาะส.ส.ในภาคใต้ที่มีความสนิทสนมกับพล.ต.สนั่น เป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ในรายที่ย้ายไปก็ยังมีน้อยกว่า ส.ส.ที่ถูกพรรคการเมืองอื่นดูดไป
สำหรับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในสาย พล.ต.สนั่น มีจำนวนกว่า 20คน อาทิ นายไพฑูรย์ แก้วทอง นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง นายวิจัย วัฒนาประสิทธิ์ ส.ส.ราชบุรี นายธนิตพล ไชยนันท์ ส.ส.ตาก นายนราพัฒน์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร นายฉลาด ขามช่วง ส.ส.ร้อยเอ็ด และกลุ่มส.ส.ใต้ อาทิ นายเจือ ราชสีห์ นายถาวร เสนเนียม นายวินัย เสนเนียม ส.ส.สงขลา และนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง
เปิดตัว3นักวิชาการพรรคมหาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการวางโครงสร้างคณะทำงานของพรรคมหาชน ว่า ล่าสุดได้มีนักวิชาการตอบรับที่จะมาเป็นที่ปรึกษาพรรคเพิ่มอีก 3คน แล้ว คือ 1.นายพุฒ วีระประเสริฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร 2.นายครรชิต สายสุวรรณ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง 3.นายครรชิตพล ยศพรไพบูลย์ อาจารย์ประจำวิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยขอนแก่น
สำหรับการวางตัวหัวหน้าพรรคมหาชนนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่เบื้องต้นทางพรรคได้กำหนดให้ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคก่อน แต่ระหว่างนี้ยังมีการทาบทามบุคคลอื่น ๆ เพิ่มเติมเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีใครตอบรับ จะให้นายเอนก ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคก่อนจนกว่าจะมีผู้เหมาะสมในภายหลัง
นายพุฒ วีระประเสริฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดเผยว่า ตนได้ตอบรับการทาบทามจากนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าเป็นที่ปรึกษาพรรคมหาชนจริง เนื่องจากรู้จักกับนายเอนกมาเป็นเวลานาน และเห็นว่านายเอนกเป็นผู้มีความสามารถในด้านรัฐศาสตร์ รวมทั้งเห็นว่าเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญที่ละทิ้งชีวิตราชการมาสู่ถนนการเมือง มาเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงการเป็นหัวหน้าพรรคมหาชนด้วย ทั้งนี้ ยืนยันจะขอเป็นเพียงที่ปรึกษาในการนำเสนอความคิดเพื่อวางนโยบายพรรคมหาชนเท่านั้น ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่อธิการบดี ส่วนที่มีผู้วิจารณ์ว่าพรรคการเมืองใหม่เป็นลักษณะเหล้าเก่าในขวดใหม่นั้น ตนอยากให้ทุกคนรอดูการดำเนินการของพรรคใหม่นี้ เพราะมีนักวิชาการจำนวนมากเข้ามาร่วม จึงเชื่อว่าจะสามารถสร้างปรากฏการณ์ที่ดีในทางการเมือง
"สมบัติ"ยันไม่ร่วมสังฆกรรม
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อาจารย์คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)กล่าวถึงพรรคมหาชน ว่า ตนเข้าใจดีถึงความตั้งใจของนายเอนก ที่อยากสร้างทางเลือกให้กับประชาชน แต่สำหรับตนนั้นคงเป็นที่แน่นอนแล้วว่ายังไงก็ไม่เข้าไปร่วมด้วยเด็ดขาด เพราะแนวทางของนายเอนก เป็นคนละแนวทางกันอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นนักวิชาการการตัดสินใจอะไรต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ ต้องคำนึงถึงสถานะของนักวิชาการที่เสียไปหากตัดสินใจผิดพลาด ทั้งนี้เนื่องจากหากตนจะไปร่วมก็ต้องไปเต็มตัวต้องเป็นนักการเมืองไม่ใช่เป็นเพียงที่ปรึกษา ส่วนกรณีที่ พล.ต.สนั่น กับนายวัฒนา อัศวเหม จับมือกันนั้นคิดว่าเป็นวิถีทางทางการเมืองที่นักการเมืองสามารถทำได้โดยปกติ
“นายเอนกเคยยืนยันสมัยที่เคยทาบทาบผมให้ไปร่วมว่าถึงแม้ว่าจะมีการจับมือกันระหว่างนักการเมืองรุ่นเก่าทั้งเสธ.หนั่น และนายวัฒนา ก็จะเป็นเพียงแบ็คอัพ สนับสนุนเท่านั้นแต่เรื่องการบริหารพรรคนั้นจะเป็นอำนาจของนายเอนกทั้งหมดโดยจะพยายามไม่ให้ใครมาครอบงำ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเงาที่อยู่ข้างหลังจะออกมามีบทบาทต่อพรรคจนหมดความอิสระในอนาคตหรือไม่”นายสมบัติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ข้อที่ 33ระบุว่า หากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค หรือ รองเลขาธิการพรรคว่างลง คณะกรรมการบริหารพรรค จะมีมติให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้บริหารพรรคในวันนี้(6ก.ค.)ว่าจะดำเนินการอย่างไร กับการลาออกของ นายอรรคพล สรสุชาติ ซึ่งมีตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค ขณะเดียวกันก็จะมีการหาความชัดเจนเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกพรรคของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งยังคงยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค แม้ว่าจะรับเป็นที่ปรึกษาให้พรรคมหาชน
ทั้งนี้จากข้อบังคับพรรคข้อ 11(7)หมวด 2ว่าด้วยการเป็นสมาชิกภาพระบุว่าคนที่จะเป็นสมาชิกสามัญได้ จะต้องมีคุณสมบัติไม่เคยทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องการเมือง เว้นแต่มีเหตุผลจำเป็นเป็นกรณีพิเศษที่คณะผู้บริหารพรรคพิจารณารับผู้ขาดคุณสมบัติตามข้อนี้ให้เป็นสมาชิกสามัญ ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งขณะนี้เป็นที่กังขาว่า หลังจากที่พล.ต.สนั่น ต้องโทษทางการเมืองด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นเวลา 5ปี เนื่องจากกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 295 ด้วยข้อหาแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จต่อป.ป.ช.จะถือว่า ขาดคุณสมบัติตามข้อบังคับพรรคที่ 11(7) หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ยังไม่เคยปรากฎว่า คณะผู้บริหารพรรคชุดที่ผ่านมาเคยนำเรื่องการเป็นสมาชิกของ พล.ต.สนั่น มาพิจารณาเพื่อรับรองสมาชิกภาพของ พล.ต.สนั่น เมื่อเป็นไปตามนี้ ทำให้เกิดคำถามว่าพล.ต.สนั่น ขาดสมาชิกภาพการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปตั้งแต่ช่วงที่ต้องโทษทางการเมืองแล้วหรือไม่
กระแสการเปิดตัวพรรคมหาชน โดยมีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและ นายอรรคพล สรสุชาติ รองเลขาธิการพรรค เข้าร่วมด้วยนั้น ได้สร้างปัญหาความปั่นป่วนแก่ พรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างมาก
จี้"บัญญัติ"ไล่"เสธ.หนั่น"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกให้ประชาชนก็เป็นสิ่งดี แต่ถ้าผู้ที่ออกไปก่อตั้งพรรค เป็นถึงผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ก็ควรทำให้เกิดความชัดเจน ไม่ใช่ไปเป็นที่ปรึกษาพรรคการเมืองใหม่ แต่ไม่ยอมลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะจะทำให้เกิดความสงสัยในหมู่ประชาชน ว่า ความสัมพันธ์ของสองพรรคเป็นอย่างไร
“ผมพร้อมช่วยหัวหน้าในการกอบกู้พรรค บนพื้นฐานการทำความชัดเจนในเรื่องความเป็นสถาบัน และ ใครที่คิดถึงเรื่องอื่นจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ หรืออะไรก็ตาม พรรคต้องเด็ดขาดในการตัดสินใจ ผมมีความรู้สึกว่า ขณะนี้มีกระบวนการที่ทำให้เกิดความสับสนในเรื่องควมสัมพันธ์ในพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรยอมรับ และไม่เคยยอมรับระบบพรรคการเมืองสาขา"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าพล.ต.สนั่น ยังไม่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค จะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของผู้บริหารพรรค ที่จะต้องสร้างความชัดเจนให้เกิดขึ้น แม้จะมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกันอย่างไรก็ตาม จะต้องคิดความสัมพันธ์องค์กรเป็นหลัก และโดยมารยาทใครที่ทำงานให้พรรคการเมืองอื่น แล้วก็ควรรีบเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาทำงาน เพราะงานของพรรคต้องดำเนินต่อไป นอกจากเรื่องในพรรคแล้ว พรรคจะต้องทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้าน ที่จะต้องตรวจสอบรัฐบาลหลายเรื่อง ดังนั้นคิดว่า เรื่องเหล่านี้จะต้องชัดเจนภายในวันที่ 6ก.ค.นี้
นอกจากนี้ ส.ส.ของพรรค ที่มีความสัมพันธ์กับคนที่ออกไปตั้งพรรคนั้น ก็ต้องตัดสินใจที่จะทำให้เกิดความชัดเจนเช่นกัน เพราะเรื่องส่วนตัวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานในนามพรรคการเมืองต้องรับผิดชอบกับประชาชน ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่เมื่อตัดสินใจแล้วจะต้องร้อยเปอร์เซนต์
ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาพูดเช่นนี้เป็นห่วงหรือไม่ว่าจะถูกมองว่าเป็นการออกมาไล่สมาชิกบางคน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ขับไล่ไสส่งใคร และที่ผ่านมาก็ไม่มีใครไล่ใคร เป็นการตัดสินใจด้วยความสมัครใจ และตนไม่ได้เจาะจงพูดถึงใคร แต่พูดโดยหลักอย่างตรงไปตรงมา ของระบบพรรคการเมือง
นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีความนิทสนมกับพล.ต.สนั่น ยืนยันจะไม่ลาออกจากพรรคเพื่อไปสังกัดพรรคมหาชน ส่วนกรณีที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ออกมาแสดงความเห็นว่า นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร ควรจะลาออกไปอยู่พรรคทางเลือกที่สาม กับพล.ต.สนั่น นั้น นายถาวร กล่าวว่าเป็นความคิดเห็นเฉพาะบุคคล แต่ตนคิดว่าการตัดสินใจทางการเมืองของนายศิริวัฒน์ เมื่อเขารักพรรคประชาธิปัตย์ และยังอยากอยู่พรรคก็เป็นความชอบธรรมที่เขาจะอยู่ต่อไป เช่นในอดีตกรณีที่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ แต่ ม.ร.ว.ศึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นหัวหน้าพรรคกิจสังคม
ด้านนายอรรคพล สรสุชาติ เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และได้ให้เจ้าหน้าที่ไปยื่นต่อสำนักเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ซึ่งเท่ากับว่า ขณะนี้ตนหมดสมาชิกภาพการเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ว และจะไม่เข้าพบนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค เพื่อชี้แจงในเรื่องนี้อีก ถือว่าขณะนี้ขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยไปแล้ว
อ้างสาขาพรรคไล่"บัญญัติ-ประดิษฐ์"
นายประมวล เอมเปีย ผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้ง จ.ชลบุรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เท่าที่ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชน และหารือกับประธานสาขาภาคกลาง ภาคอีสานจำนวนหนึ่ง และ ส.ส.ของพรรคอีกจำนวนหนึ่งพบว่า มีความสับสนที่ พล.ต.สนั่น ไปก่อตั้งพรรคมหาชนแล้ว นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จะเอาอย่างไรต่อ โดยกลุ่มคนเหล่านี้เห็นว่า ด้วยความปรารถดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ และนายประดิษฐ์ ควรลาออกจากตำแหน่งตามไปด้วย เพื่อให้คนอื่นขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคแทน เพราะทั้งสองคนได้รับการสนับสนุนจาก พล.ต.สนั่นถึงได้เป็นหัวหน้าพรรค และ เลขาธิการพรรค อีกทั้ง กลุ่มคนเหล่านี้ยังอยากจะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรค ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแทนนายบัญญัติ
"ประดิษฐ์"ตอกกลับอย่าเสียมารยาท
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกรณีที่มีส.ส.ของพรรคออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงขับไล่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเลขาธิการพรรค และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชาย ออกจากพรรค ตนคิดว่าเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างยิ่ง เพราะการที่สมาชิกพรรคจะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของตัวเอง ถือเป็นสิทธิของแต่ละคน
ส่วนกรณีที่มีสมาชิกพรรคภาคกลาง เตรียมเคลื่อนไหวกดดันให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หัวหน้าพรรค และนายประดิษฐ์ พ้นตำแหน่งนั้น นายประดิษฐ์ กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของสมาชิกพรรคแต่ละคน เพราะหัวหน้าพรรคมาจากการเลือกของสมาชิก ส่วนเลขาธิการพรรค มาจากการแต่งตั้งของหัวหน้าพรรค หากการเคลื่อนไหวเป็นไปตามข้อบังคับพรรคก็ดำเนินการได้ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่มีประชาธิปไตย และให้สิทธิทุกคนในการแสดงความเห็นอยู่แล้ว
ปชป.เรียกประชุมด่วนพรุ่งนี้
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าได้รับแจ้งจากนายวิทยา แก้วภราดัย ประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการเรียกประชุมส.ส.เป็นการด่วนในวันที่ 7ก.ค.นี้ เวลา 09.00น. เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองทั้งในพรรค และนอกพรรค และสร้างความชัดเจนให้กับส.ส.ทั้งพรรค เพราะ ส.ส.สมัยแรกรู้สึกว้าเหว่ เนื่องจากมี นายบัญญัติ และ นายประดิษฐ์ เท่านั้นที่ทำงาน ส่วนคนอื่นๆ โดยเฉพาะอดีตรัฐมนตรีถึง 80เปอร์เซ็นต์ไม่ทำงาน และถึงเวลาแล้ว ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องเข้ามาทำงาน อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของพรรคจะต้องชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพรรค และชี้ถึงเป้าหมายของพรรคที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในกลุ่มส.ส.ที่มีความใกล้ชิดกับพล.ต.สนั่น กล่าวว่า ถึงขณะนี้ตนยืนยันว่าพล.ต.สนั่น ไม่ได้ชักชวนส.ส.ในพรรคไปร่วมพรรคมหาชน ส่วนกรณีที่มีการเสนอให้นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชายของพล.ต.สนั่น ลาออกตามบิดาด้วยนั้น เรื่องนี้ควรปล่อยให้นายศิริวัฒน์ ตัดสินใจเอง ไม่ควรสร้างความกดดัน เพราะนายศิริวัฒน์ยังคงมีความชอบในการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ ส่วนส.ส.ในสายพล.ต.สนั่น ขณะนี้ ยังไม่มีใครที่คิดจะย้ายพรรค โดยเฉพาะส.ส.ในภาคใต้ที่มีความสนิทสนมกับพล.ต.สนั่น เป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ในรายที่ย้ายไปก็ยังมีน้อยกว่า ส.ส.ที่ถูกพรรคการเมืองอื่นดูดไป
สำหรับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในสาย พล.ต.สนั่น มีจำนวนกว่า 20คน อาทิ นายไพฑูรย์ แก้วทอง นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง นายวิจัย วัฒนาประสิทธิ์ ส.ส.ราชบุรี นายธนิตพล ไชยนันท์ ส.ส.ตาก นายนราพัฒน์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร นายฉลาด ขามช่วง ส.ส.ร้อยเอ็ด และกลุ่มส.ส.ใต้ อาทิ นายเจือ ราชสีห์ นายถาวร เสนเนียม นายวินัย เสนเนียม ส.ส.สงขลา และนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง
เปิดตัว3นักวิชาการพรรคมหาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการวางโครงสร้างคณะทำงานของพรรคมหาชน ว่า ล่าสุดได้มีนักวิชาการตอบรับที่จะมาเป็นที่ปรึกษาพรรคเพิ่มอีก 3คน แล้ว คือ 1.นายพุฒ วีระประเสริฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร 2.นายครรชิต สายสุวรรณ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง 3.นายครรชิตพล ยศพรไพบูลย์ อาจารย์ประจำวิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยขอนแก่น
สำหรับการวางตัวหัวหน้าพรรคมหาชนนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่เบื้องต้นทางพรรคได้กำหนดให้ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคก่อน แต่ระหว่างนี้ยังมีการทาบทามบุคคลอื่น ๆ เพิ่มเติมเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีใครตอบรับ จะให้นายเอนก ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคก่อนจนกว่าจะมีผู้เหมาะสมในภายหลัง
นายพุฒ วีระประเสริฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดเผยว่า ตนได้ตอบรับการทาบทามจากนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าเป็นที่ปรึกษาพรรคมหาชนจริง เนื่องจากรู้จักกับนายเอนกมาเป็นเวลานาน และเห็นว่านายเอนกเป็นผู้มีความสามารถในด้านรัฐศาสตร์ รวมทั้งเห็นว่าเป็นผู้ที่มีความกล้าหาญที่ละทิ้งชีวิตราชการมาสู่ถนนการเมือง มาเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงการเป็นหัวหน้าพรรคมหาชนด้วย ทั้งนี้ ยืนยันจะขอเป็นเพียงที่ปรึกษาในการนำเสนอความคิดเพื่อวางนโยบายพรรคมหาชนเท่านั้น ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่อธิการบดี ส่วนที่มีผู้วิจารณ์ว่าพรรคการเมืองใหม่เป็นลักษณะเหล้าเก่าในขวดใหม่นั้น ตนอยากให้ทุกคนรอดูการดำเนินการของพรรคใหม่นี้ เพราะมีนักวิชาการจำนวนมากเข้ามาร่วม จึงเชื่อว่าจะสามารถสร้างปรากฏการณ์ที่ดีในทางการเมือง
"สมบัติ"ยันไม่ร่วมสังฆกรรม
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อาจารย์คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)กล่าวถึงพรรคมหาชน ว่า ตนเข้าใจดีถึงความตั้งใจของนายเอนก ที่อยากสร้างทางเลือกให้กับประชาชน แต่สำหรับตนนั้นคงเป็นที่แน่นอนแล้วว่ายังไงก็ไม่เข้าไปร่วมด้วยเด็ดขาด เพราะแนวทางของนายเอนก เป็นคนละแนวทางกันอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นนักวิชาการการตัดสินใจอะไรต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ ต้องคำนึงถึงสถานะของนักวิชาการที่เสียไปหากตัดสินใจผิดพลาด ทั้งนี้เนื่องจากหากตนจะไปร่วมก็ต้องไปเต็มตัวต้องเป็นนักการเมืองไม่ใช่เป็นเพียงที่ปรึกษา ส่วนกรณีที่ พล.ต.สนั่น กับนายวัฒนา อัศวเหม จับมือกันนั้นคิดว่าเป็นวิถีทางทางการเมืองที่นักการเมืองสามารถทำได้โดยปกติ
“นายเอนกเคยยืนยันสมัยที่เคยทาบทาบผมให้ไปร่วมว่าถึงแม้ว่าจะมีการจับมือกันระหว่างนักการเมืองรุ่นเก่าทั้งเสธ.หนั่น และนายวัฒนา ก็จะเป็นเพียงแบ็คอัพ สนับสนุนเท่านั้นแต่เรื่องการบริหารพรรคนั้นจะเป็นอำนาจของนายเอนกทั้งหมดโดยจะพยายามไม่ให้ใครมาครอบงำ แต่ผมไม่แน่ใจว่าเงาที่อยู่ข้างหลังจะออกมามีบทบาทต่อพรรคจนหมดความอิสระในอนาคตหรือไม่”นายสมบัติ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ข้อที่ 33ระบุว่า หากตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค หรือ รองเลขาธิการพรรคว่างลง คณะกรรมการบริหารพรรค จะมีมติให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะผู้บริหารพรรคในวันนี้(6ก.ค.)ว่าจะดำเนินการอย่างไร กับการลาออกของ นายอรรคพล สรสุชาติ ซึ่งมีตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค ขณะเดียวกันก็จะมีการหาความชัดเจนเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกพรรคของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งยังคงยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค แม้ว่าจะรับเป็นที่ปรึกษาให้พรรคมหาชน
ทั้งนี้จากข้อบังคับพรรคข้อ 11(7)หมวด 2ว่าด้วยการเป็นสมาชิกภาพระบุว่าคนที่จะเป็นสมาชิกสามัญได้ จะต้องมีคุณสมบัติไม่เคยทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องการเมือง เว้นแต่มีเหตุผลจำเป็นเป็นกรณีพิเศษที่คณะผู้บริหารพรรคพิจารณารับผู้ขาดคุณสมบัติตามข้อนี้ให้เป็นสมาชิกสามัญ ด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งขณะนี้เป็นที่กังขาว่า หลังจากที่พล.ต.สนั่น ต้องโทษทางการเมืองด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นเวลา 5ปี เนื่องจากกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 295 ด้วยข้อหาแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จต่อป.ป.ช.จะถือว่า ขาดคุณสมบัติตามข้อบังคับพรรคที่ 11(7) หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ยังไม่เคยปรากฎว่า คณะผู้บริหารพรรคชุดที่ผ่านมาเคยนำเรื่องการเป็นสมาชิกของ พล.ต.สนั่น มาพิจารณาเพื่อรับรองสมาชิกภาพของ พล.ต.สนั่น เมื่อเป็นไปตามนี้ ทำให้เกิดคำถามว่าพล.ต.สนั่น ขาดสมาชิกภาพการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปตั้งแต่ช่วงที่ต้องโทษทางการเมืองแล้วหรือไม่