xs
xsm
sm
md
lg

ทองคำ : อัญมณี คุณภาพ

เผยแพร่:   โดย: สุทัศน์ ยกส้าน


มนุษย์ได้มีความปรารถนาจะมีทองคำในครอบครองมาตั้งแต่สมัยโบราณ และประวัติศาสตร์ก็ได้จารึกว่า ตัณหาด้านนี้ได้ผลักดันให้มนุษย์ออกแสวงหาอาณานิคม ทำสงคราม และสร้างอารยธรรม โดยการนำทองคำมาแปรรูปทำเครื่องประดับ และอุปกรณ์ต่างๆ จนปราชญ์กรีก Euripedes ถึงกับกล่าวว่า "สำหรับคนบางคน ทองคำเป็นวัสดุที่มีอำนาจเหนือเหตุและผลใดๆ" และแม้แต่คนไทย ก็มีสำนวนว่า "มีเงินเขานับเป็นน้อง มีทองเขานับเป็นพี่"

ความผูกพันระหว่างมนุษย์กับทองคำนั้น ได้มีกันมาเนิ่นนานกว่า 4,500 ปีแล้ว ในสุสานของ Tutankhamen มีราชสมบัติมากมายที่ทำด้วยหรือเคลือบด้วยทองคำ หลักฐานเหล่านี้จึงแสดงให้เห็นว่าชาวอียิปต์โบราณมีเทคโนโลยีทำแผ่นทองคำเปลวแล้วที่เมือง Ur ในอาณาจักร Mesopotamia ก็มีการขุดพบด้วยทองคำอายุ 4,500 ปีเช่นกัน ชาว Etruscan ที่เคยอาศัยอยู่ในประเทศอิตาลี เมื่อ 2,800 ปีก่อนก็เป็นช่างที่มีความสามารถในการทำเครื่องประดับ ภาชนะและเครื่องใช้ที่ทำด้วยทองคำมาก คัมภีร์ไบเบิลของคริสต์ศาสนากล่าวถึงบัลลังก์ของกษัตริย์ Solomon ว่าทำด้วยทองคำ และอาณาจักร Phrygia ในตุรกี ซึ่งเคยมีกษัตริย์ Midas ปกครองเมื่อ 2,700 ปีก่อน ก็ได้เคยรุ่งเรืองสุดๆ เพราะมีเหมืองทองคำ จนมีตำนานเกี่ยวกับกษัตริย์พระองค์นี้ ว่าพระองค์ทรงขอพรจากเทพเจ้าให้เวลาพระหัตถ์สัมผัสสิ่งใดๆ แล้ว สิ่งนั้นจะกลายเป็นทองคำทันที ซึ่งเทพเจ้าก็ประทานพรให้ แต่ในที่สุดพระองค์ก็แทบสวรรคตเพราะไม่สามารถเสวยอะไรๆ ที่เป็นทองคำได้เลย และเมื่อนายพล Pizarro แห่งสเปนเห็นกษัตริย์แห่งอาณาจักร Aztec ทรงมีทองคำปริมาณมหาศาล จึงได้ฆ่ากษัตริย์และชาว Aztec จำนวนมากเพื่อนำมหาสมบัติเหล่านั้นไปถวายกษัตริย์สเปน

ส่วนความเชื่อถือเกี่ยวกับทองคำในประเทศญี่ปุ่นนั้น มีทั้งดีและร้าย ในอดีตเมื่อ 400 ปีก่อนนี้ โชกุน Toyotomi Hideyoshi ได้สร้างห้องน้ำชาที่มีผนังภายในเคลือบด้วยทองคำเปลว เพราะท่านโชกุนคิดว่า ทองคำคือสัญลักษณ์ของความร่ำรวย แต่ความจริงก็มีว่า ผู้คนในสมัยนั้นไม่เคยยกย่องนับถือโชกุนเลย แต่สำหรับศาลา Kinkakuji ที่เมืองเกียวโต ซึ่งมีแผ่นทองคำเปลวเคลือบทั้งหลังนั้น ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยสถานที่สวยงามมาก เพราะได้ช่างทำแผ่นทองคำเปลวจากเมือง Kanazawa มาสร้าง โดยได้ใช้เวลา 3 เดือน รีดก้อนทองคำที่หนัก 1 กรัม จนเป็นแผ่นบางๆ ที่หนา 0.0002 มิลลิเมตร และมีพื้นที่ 1.7 ตารางเมตร ซึ่งถ้านำแผ่นทองคำเปลวดังกล่าวนี้มาวางเบื้องหน้าก็จะสามารถเห็นทะลุได้

ณ วันนี้คนญี่ปุ่นนิยมใช้แผ่นทองคำเปลวปิดทอง (ทั้งหน้า และหลัง) พระ ใช้เคลือบฉากกั้นห้อง เครื่องเขิน แก้ว บัตรโทรศัพท์ ไพ่ ฯลฯ คนบางคนยังนำแผ่นทองคำเปลวไปเคลือบเมล็ดข้าวด้วย ดังนั้น เวลาเมล็ดข้าวเคลือบทองถูกนำไปหุงปนกับเมล็ดข้าวธรรมดา ข้าวที่สุกในหม้อจะมีสีทองเรื่อๆ ไม่เพียงแต่ข้าวเท่านั้นที่มีทองปน ในน้ำชาและสาเก บางครั้งก็มีการลอยใบทองคำเปลวเล็กๆ ด้วย เพราะผู้คนเชื่อว่า อาหารที่มีทองคำเปลวประดับ นอกจากจะดูมีราคาแพงแล้ว ยังทำให้คนบริโภคมีสุขภาพดีด้วย

นักวิทยาศาสตร์ก็สนใจศึกษาคุณสมบัติของทองคำมานานเช่นกัน ในยุคกลางได้มีความพยายามจะทำโลหะเช่นเงินให้เป็นทองคำ แต่ความพยายามของนักเล่นแร่แปรธาตุเหล่านั้นไม่เคยประสบความสำเร็จเลยแม้แต่น้อย

ปัจจุบันนักเคมีรู้ข้อมูลเกี่ยวกับทองคำดีขึ้นมาก เช่น รู้ว่าทองเป็นโลหะมีตระกูล (noble metal) คือมันจะไม่เกลือกกลั้วทำปฏิกิริยาเคมีกับโลหะอื่นๆ (ในสภาวะธรรมดา) เปรียบเสมือนดอกฟ้าสกุลสูงที่ไม่ยอมสุงสิงกับชาวดินยังไงยังงั้น รู้ว่ากรดไม่สามารถละลายทองคำได้ และภาชนะที่เคลือบทองจะสุกปลั่งตลอดไป แต่ภาชนะทองแดง หากปล่อยทิ้งในอากาศเป็นเวลานานจะมีสีเขียว ภาชนะเงินก็เช่นกัน เวลาอยู่ในที่ชื้นจะมีคราบสีมัว นอกจากนั้น ทองคำยังเป็นธาตุที่มีความอ่อนตัวและเหนียว จึงสามารถดัดแปลงหรือตีให้มีรูปทรงอะไรก็ได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นการตีให้เป็นแผ่นแบน หรือยืดออกเป็นเส้นตรง ก็สามารถทำได้ง่าย

ในปี พ.ศ. 2541 B. H. Hammer และ J. K. Norskov แห่ง Technical University of Denmark ได้รายงานว่า การที่อะตอมของทองคำไม่ทำปฏิกิริยาเคมีกับอะตอมของออกซิเจน เพราะอะตอมทองคำมีอิเล็กตรอนชนิด d โคจรอยู่เต็มวงโคจร ดังนั้น มันจึงไม่มีที่ว่างให้อิเล็กตรอนใดๆ ของอะตอมออกซิเจนเข้ามาเชื่อมโยงเป็นพันธะด้วย

ดังได้กล่าวแล้วว่า ทองเป็นโลหะมีค่าที่ใครๆ ก็ต้องการ ดังนั้น การทำเหมืองทองคำจึงเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญ ณ วันนี้เหมืองทองคำที่ Witwatersrand ในแอฟริกาใต้คือแหล่งทองคำที่สำคัญ เพราะขุดทองได้มากประมาณ 30% ของโลก และที่แคนาดา รัสเซีีย แคลิฟอร์เนีย และออสเตรเลีย ก็มีการขุดทองมากเหมือนกัน นักธรณีวิทยาประมาณว่า ตั้งแต่รู้จักทองมนุษย์ได้ขุดทองขึ้นมาใช้แล้วประมาณ 90,000 ตัน ซึ่งก็นับว่าน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับเหล็กที่เราขุดขึ้นมาใช้แล้วประมาณ 2.5 ล้านตัน

ถึงแม้ว่านักธรณีวิทยาหลายคนจะมั่นใจว่า เรารู้จักสถานที่ที่มีทองทุกแห่งในโลกแล้ว แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่คิดเช่นนั้น จึงได้พยายามค้นหาแหล่งทองใหม่ๆ โดยการดูภาพถ่ายจากดาวเทียม เพื่อให้รู้ความเป็นไปได้ที่สถานที่ต่างๆ จะเป็นแหล่งทองคำ นักวิทยาศาสตร์บางคนใช้วิธีวัดสภาพนำไฟฟ้าของดิน และหิน เพื่อใช้ค่าตัวเลขที่วัดได้บอกปริมาณทองคำที่มีในชั้นหินนั้น และนักฟิสิกส์ก็ใช้วิธีวัดความเข้มของสนามโน้มถ่วงเพื่อหาตำแหน่งของแหล่งทองใต้โลก

เมื่อประมาณ 6 ปีก่อนนี้ R. Bodner แห่ง Virginia Polytechnic Institute ในสหรัฐอเมริกาได้พบว่า เวลาภูเขาไฟระเบิด หินแข็งและลาวาเหลวที่ไหลออกจากปากปล่องภูเขาไฟ สามารถบอกให้นักวิทยาศาสตร์รู้ว่าใต้ภูเขาไฟลูกนั้นมีแร่อะไรบ้าง เพราะ Bodner ได้ตรวจพบว่า ผลึกหินควอตซ์ขนาดประมาณ 0.03 มิลลิเมตร ที่แฝงอยู่ในลาวามีละอองทองแฝงอยู่ด้วย ซึ่งการรวมกันระหว่างทองกับแร่จะเกิดได้ภายใต้ความดันและอุณหภูมิที่สูงมาก เช่น ที่ใต้ดินลึกกว่า 20 กิโลเมตรขึ้นไป ข้อมูลที่ Bodner พบนี้จึงชี้ให้เห็นว่า หากใครต้องการจะรวยก็ให้ไปที่ภูเขาไฟลูกที่กำลังระเบิด หากใต้ภูเขาไฟลูกนั้นมีทองคำ ลาวาที่ไหลออกมาก็จะมีแร่ทองคำออกมาด้วย

ไม่เพียงแต่ใต้ดินเท่านั้นที่มีทองคำ ในน้ำทะเลก็มีทองคำด้วย เมื่อประมาณ 90 ปีมาแล้ว Fritz Haber นักเคมีชาวเยอรมันได้เคยกล่าวว่า ปริมาณทองคำที่มีในทะเลเหนือสามารถนำไปใช้ชำระหนี้สินสงครามให้เยอรมันได้ แต่ความจริงก็มีว่า ในน้ำทะเล 1 ตัน มีทองคำอยู่เพียง 10 มิลลิกรัม ดังนั้น การสกัดทองคำจากน้ำทะเลจึงเป็นเทคโนโลยีที่ได้ไม่คุ้มเสีย ถึงกระนั้นความพยายามค้นหาทองคำจากทะเลก็ยังดำเนินอยู่ เพราะทุกวันนี้ได้มีการสำรวจพบว่า เรือสินค้าที่บรรทุกทองคำ และเรือสลัดในสมัยโบราณเวลาอับปางมหาสมบัติในเรือก็ยังคงจมอยู่ที่ก้นทะเลลึก ดังนั้น วิทยาการด้านโบราณคดีใต้มหาสมุทรก็สามารถเป็นแหล่งทองคำให้มนุษย์ได้อีกแหล่งหนึ่ง

ในวารสาร Science ฉบับวันที่ 15 สิงหาคม 2546 Q. Fu และคณะแห่งมหาวิทยาลัย Tufts ได้ทดลองพบว่า เมื่อเขานำอนุภาคทองคำที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางระดับนาโน คือ 3.5 นาโนเมตร วางลงบนแผ่น Ce (La) O2 ที่ถูกทำให้ร้อนถึง 400 องศาเซลเซียส อนุภาคทองคำจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา (catalyst) ที่ดีมาก คือทำให้ปฏิกิริยา Co+H2O-Co2+H2 เกิดได้เร็วกว่าการใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาอื่นๆ เช่น แพลททินัม หรือพัลลาเดียม

ดังนั้น เราจึงเห็นได้ว่า ทองเป็นอัญมณีที่มีค่ามากในทุกวงการ และวันหนึ่งถ้าทองทั้งโลกถูกขุดขึ้นมาใช้หมด เราก็ไม่ต้องกลัว เพราะนักฟิสิกส์สามารถสร้างทองจากโลหะ เช่น ตะกั่ว หรือดีบุกได้ โดยกระบวนการทางนิวเคลียร์ครับ

สุทัศน์ ยกส้าน ภาคีสมาชิก ราชบัณฑิตยสถาน
กำลังโหลดความคิดเห็น