นางสุกัญญา สันทัด ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภค ด้านสัญญา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้แนวโน้มการร้องเรียน เรื่องเกี่ยวกับการเช่าพื้นที่ของ พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่แผงลอยเข้ามายัง สคบ.มีสูงขึ้น
เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านสัญญาการเช่าพื้นที่จากผู้ประกอบการ หรือ เจ้าของพื้นที่ ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 ( ต.ค. 46 - มิ.ย. 2647) มีบรรดาพ่อค้า และ แม่ค้า แผงลอยมาร้องเรียนกับ สคบ. จำนวน 147 ราย
ทั้งนี้ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจะเป็นกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจขอยกเลิกสัญญา ก่อนกำหนด สร้างสถานที่จำหน่ายสินค้าไม่เสร็จตามที่โฆษณาทั้งๆ ที่เก็บเงิน จากบรรดาแผงลอยไปแล้ว หรือ ไม่ดำเนินการตามที่โฆษณา เช่น ไม่โฆษณาสถานที่ ให้ประชาชนได้รู้จักตามที่เคยสัญญา จนไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้และในที่สุดก็ประสบปัญหาการขาดทุน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) มีมติให้ฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีทางแพ่งกับผู้ประกอบธุรกิจแล้ว 3 ราย ประกอบด้วย โครงการตลาดวงค์สว่าง และ โครงการเจ้าพระยาริเวอร์ไซด์ พล่าซ่า ที่ไม่สามารถ สร้างโครงการให้เสร็จตามสัญญา และที่สำคัญได้เก็บเงินมัดจำกับบรรดาพ่อค้า จำนวนหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้ก็ยังมีหลายแห่ง เช่น บริษัท ไทยโกลเดนท์ แลนด์ มาร์เก็ต จำกัด เจ้าของโครงการตลาดไทยทองสุข ที่ได้กระทำการทุบแผงค้า โดยให้เหตุผลว่าจะปรับปรุงตลาด แต่ผู้ประกอบธุรกิจกลับนำพื้นที่ไปให้บุคคลภายนอกปรับปรุงและสร้างให้เป็นศูนย์การค้า ทั้งๆ ที่ผู้เช่าพื้นที่ยังมีสัญญาเช่าอีกเป็นปี ดังนั้นผู้เดือดร้อน ต้องการเงินค่าแผงที่ได้ทำสัญญาเช่าจำนวน 30,000 บาทคืน ซึ่งขณะนี้เรื่องทั้งหมดของระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล
นางสุกัญญา กล่าวว่า สาเหตุการเกิดปัญหาร้องเรียน สคบ. นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะที่ผลประโยชน์ในทางการค้ามีน้อยคือ มีปริมาณของผู้บริโภค มาซื้อสินค้าน้อย และ บรรดาแผงลอยจำหน่ายสินค้าไม่ได้ ดังนั้นเจ้าของพื้นที่ โครงการจึงจำเป็นต้องขายที่ดินให้กับนักธุรกิจเพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สรรพสินค้า ซึ่งจะได้กำไร และ อีกกรณีหนึ่งคือ โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่เจ้าของพื้นที่ได้ประเมินแนวโน้มของตลาดแล้วไม่ดีจึงหยุดการก่อสร้างโครงการเป็นต้น
“ยอมรับว่าผู้ค้าขายได้รับความเดือดร้อนมาก โดยเฉพาะกรณีการก่อสร้าง โครงการไม่เสร็จตามที่กำหนดหรือหยุดการก่อสร้าง เพราะบรรดาพ่อค้าที่ได้เช่าพื้นที่นั้นได้เสียเงินซื้อสินค้าไว้ล่วงหน้าจำนวนมากแล้ว และเมื่อโครงการไม่เสร็จ ก็ไม่สามารถระบายสินค้าได้ทัน อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา สคบ. ก็ได้เป็นตัวกลาง ในไกล่เกลี่ยจำนวนหลายคดีแล้ว เช่น ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ขอยกเลิกสัญญา เช่าโดยให้ผู้ค้าขายย้ายไปขายในบริเวณห้างอีกด้านหนึ่ง ซึ่งผู้ค้าไม่ยอมเพราะอยู่ที่ทำเลแล้วขายของไม่ได้ ็
นางสุกัญญา กล่าวว่า บรรดาที่มาร้องเรียนกับ สคบ. ส่วนใหญ่มักจะไม่ดูสัญญา ให้ละเอียดก่อนการทำสัญญา ดังนั้น สคบ. จึงได้แนะนำให้ พ่อค้า แม่ค้า แผงลอย ให้ดูสัญญาของเซ็นสัญญา เช่น ดูระยะเวลาการเช่า เงินที่ต้องจ่าย ดูกรณีที่ผู้เช่าผิดสัญญา ในการค้างชำระว่ากี่งวดที่ทำให้เจ้าของพื้นที่ยกเลิกสัญญา และ ที่สำคัญให้เก็บเอกสาร เพื่อเป็นหลักฐานในการร้องเรียนภายหลัง
เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านสัญญาการเช่าพื้นที่จากผู้ประกอบการ หรือ เจ้าของพื้นที่ ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2547 ( ต.ค. 46 - มิ.ย. 2647) มีบรรดาพ่อค้า และ แม่ค้า แผงลอยมาร้องเรียนกับ สคบ. จำนวน 147 ราย
ทั้งนี้ปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจะเป็นกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจขอยกเลิกสัญญา ก่อนกำหนด สร้างสถานที่จำหน่ายสินค้าไม่เสร็จตามที่โฆษณาทั้งๆ ที่เก็บเงิน จากบรรดาแผงลอยไปแล้ว หรือ ไม่ดำเนินการตามที่โฆษณา เช่น ไม่โฆษณาสถานที่ ให้ประชาชนได้รู้จักตามที่เคยสัญญา จนไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้และในที่สุดก็ประสบปัญหาการขาดทุน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (คคบ.) มีมติให้ฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีทางแพ่งกับผู้ประกอบธุรกิจแล้ว 3 ราย ประกอบด้วย โครงการตลาดวงค์สว่าง และ โครงการเจ้าพระยาริเวอร์ไซด์ พล่าซ่า ที่ไม่สามารถ สร้างโครงการให้เสร็จตามสัญญา และที่สำคัญได้เก็บเงินมัดจำกับบรรดาพ่อค้า จำนวนหนึ่งแล้ว
นอกจากนี้ก็ยังมีหลายแห่ง เช่น บริษัท ไทยโกลเดนท์ แลนด์ มาร์เก็ต จำกัด เจ้าของโครงการตลาดไทยทองสุข ที่ได้กระทำการทุบแผงค้า โดยให้เหตุผลว่าจะปรับปรุงตลาด แต่ผู้ประกอบธุรกิจกลับนำพื้นที่ไปให้บุคคลภายนอกปรับปรุงและสร้างให้เป็นศูนย์การค้า ทั้งๆ ที่ผู้เช่าพื้นที่ยังมีสัญญาเช่าอีกเป็นปี ดังนั้นผู้เดือดร้อน ต้องการเงินค่าแผงที่ได้ทำสัญญาเช่าจำนวน 30,000 บาทคืน ซึ่งขณะนี้เรื่องทั้งหมดของระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล
นางสุกัญญา กล่าวว่า สาเหตุการเกิดปัญหาร้องเรียน สคบ. นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะที่ผลประโยชน์ในทางการค้ามีน้อยคือ มีปริมาณของผู้บริโภค มาซื้อสินค้าน้อย และ บรรดาแผงลอยจำหน่ายสินค้าไม่ได้ ดังนั้นเจ้าของพื้นที่ โครงการจึงจำเป็นต้องขายที่ดินให้กับนักธุรกิจเพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สรรพสินค้า ซึ่งจะได้กำไร และ อีกกรณีหนึ่งคือ โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่เจ้าของพื้นที่ได้ประเมินแนวโน้มของตลาดแล้วไม่ดีจึงหยุดการก่อสร้างโครงการเป็นต้น
“ยอมรับว่าผู้ค้าขายได้รับความเดือดร้อนมาก โดยเฉพาะกรณีการก่อสร้าง โครงการไม่เสร็จตามที่กำหนดหรือหยุดการก่อสร้าง เพราะบรรดาพ่อค้าที่ได้เช่าพื้นที่นั้นได้เสียเงินซื้อสินค้าไว้ล่วงหน้าจำนวนมากแล้ว และเมื่อโครงการไม่เสร็จ ก็ไม่สามารถระบายสินค้าได้ทัน อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา สคบ. ก็ได้เป็นตัวกลาง ในไกล่เกลี่ยจำนวนหลายคดีแล้ว เช่น ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ขอยกเลิกสัญญา เช่าโดยให้ผู้ค้าขายย้ายไปขายในบริเวณห้างอีกด้านหนึ่ง ซึ่งผู้ค้าไม่ยอมเพราะอยู่ที่ทำเลแล้วขายของไม่ได้ ็
นางสุกัญญา กล่าวว่า บรรดาที่มาร้องเรียนกับ สคบ. ส่วนใหญ่มักจะไม่ดูสัญญา ให้ละเอียดก่อนการทำสัญญา ดังนั้น สคบ. จึงได้แนะนำให้ พ่อค้า แม่ค้า แผงลอย ให้ดูสัญญาของเซ็นสัญญา เช่น ดูระยะเวลาการเช่า เงินที่ต้องจ่าย ดูกรณีที่ผู้เช่าผิดสัญญา ในการค้างชำระว่ากี่งวดที่ทำให้เจ้าของพื้นที่ยกเลิกสัญญา และ ที่สำคัญให้เก็บเอกสาร เพื่อเป็นหลักฐานในการร้องเรียนภายหลัง