วานนี้(23 มิ.ย.)ที่โรงพยาบาลยันฮี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร รอง ผบก.น.7 พ.ต.อ.อนันต์ ลิมธงชัย ผกก.สน.บางกอกน้อย และ พ.ต.ต.กิตติศักดิ์ สุวรรณรัตน์ สว.เวร เจ้าของคดี ได้เข้าเยี่ยมอาการ น.ส.นุชจรีย์ แซ่เบ้ อายุ 33 ปี ที่เข้ารักษาตัวอยู่ที่ ร.พ. เนื่องจากถูกนายพรเทพ สุริยเสนีย์ อายุ 53 ปี เจ้าของบริษัท สุริยา พรเทพ หีบศพ จำกัด ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส มีรอยฟกช้ำตามลำตัว แขนและขา หลายแห่ง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.47 ที่ผ่านมา น.ส.ชนกานต์ นพรัตน์ไพศาล อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/1 ซอยวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. ได้เข้าร้องเรียน กับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ ให้ช่วยเหลือ น.ส.นุชจรีย์ แซ่เบ้ อายุ 33 ปี และนายเสน่ห์ แก้วทวี อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวและพี่เขยของตนเอง เนื่องจากถูกนายพรเทพ สามี ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ที่ บริษัทสุริยา พรเทพ หีบศพ จำกัด เลขที่ 5/4 ซอยวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. โดยสาเหตุที่นายพรเทพ ได้อุ้มตัวบุคคลทั้ง 2 ไป เนื่องจาก ตนเคยเป็นภรรยาของนายพรเทพ แต่ถูกนายพรเทพ ทำร้ายร่างกายจนทนไม่ไหว จึงได้หลบหนีออกมา นายพรเทพ จึงนำตัวพี่สาวและพี่เขย มาทรมานและกักขัง เพื่อเค้นถามหาที่ซ่อนตัวของตน
นางปวีณา จึงได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.อนันต์ ผกก.บางกอกน้อย ให้ดำเนินการช่วยเหลือ บุคคลทั้ง 2 คน จนกระทั่งเวลา 21.48 น.วันที่ 22 มิ.ย.พ.ต.อ.อนันต์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางกอกน้อย จำนวนกว่า 20 นาย นำหมายค้นเข้าตรวจค้นที่บริษัทดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในบ้าน พบ นายพรเทพ และชายฉกรรจ์ใส่เสื้อคอกลม และกางเกงลายทหารพราน ยืนคุมอยู่ภายในห้อง โดยมี น.ส.นุชจรีย์ และนายเสน่ห์ ถูกกักขังไว้ ตามร่างกายของ น.ส.นุชจรีย์ มีบาดแผลที่เกิดจากการทารุณกรรม และเลือดออกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีอาการหวาดกลัว และอิดโรยเนื่องจากยังไม่ได้รับประทานอาหาร เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่ง ร.พ.ศิริราช แต่ทางมูลนิธิ เกรงว่าผู้ได้รับบาดเจ็บจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงได้ย้ายเข้ารักษาตัวที่ ร.พ.ยันฮี พร้อมกับได้ควบคุมตัวนายพรเทพ มาสอบปากคำที่ สน.บางกอกน้อย
น.ส.ชนกานต์ เปิดเผยว่า ตนได้อยู่กินกับนายพรเทพ มาเป็นเวลา 14 ปี และมีบุตรชาย 1 คน อายุ 12 ปี ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่กินด้วยกัน ตนถูกนายพรเทพทำร้ายร่างกายมาตลอด เนื่องจากมีพฤติกรรมทางเพศที่ผิดปกติ ต้องทารุณตนก่อนร่วมหลับนอนทุกครั้ง อีกทั้ง นายพรเทพ ยังชอบพาผู้หญิงอื่นมาร่วมหลับนอนด้วยเป็นประจำ นอกจากนี้ นายพรเทพ ยังพยายามที่ข่มขืนหลานสาวตน ซึ่งเป็นลูกของ นส.นุชจรีย์ พี่สาว ตนจึงทนไม่ไหวและหลบหนีออกมาเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา
ด้าน นายเสน่ห์ กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เมื่อเวลา 08.15 น.ของวันที่ 22 มิ.ย. ขณะที่ตนและภรรยา กำลังทำงานอยู่ที่บริษัทย่านดาวคะนอง นายพรเทพได้เดินทางมาพบตน และได้อุ้มตนและภรรยา ขึ้นรถเบนซ์ สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน ธห 1919 กทม. ซึ่งภายในรถพบตำรวจ 1 นาย ยศสิบตำรวจโท ทราบเพียงแต่ชื่อ รัตน์ นายตี๋ และนายโหน่ง ไม่ทราบนามสกุล จากนั้นก็ได้พาตนและภรรยามาที่บริษัทดังกล่าว พร้อมกับใช้ปืนจ่อปากและเค้นถามจากภรรยาตนว่า น.ส.ชนกานต์ หนีไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหน ซึ่งภรรยาตนก็บอกว่า ไม่รู้ จึงถูกนายพรเทพ ใช้ไม้กระบองทุบตีภรรยาของตน อยู่ตลอดเวลา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ว่าภรรยาของตนจะร้องขอชีวิต แต่นายพรเทพ ก็ยังไม่หยุดทุบตี
จนกระทั่งเวลา 19.00 น. นายพรเทพ ได้พาตนและภรรยา ขึ้นรถคันดังกล่าว และพาไปยังย่านนครชัยศรี แล้วใช้ปืนขู่ พร้อมกลับกล่าวว่า "พวกมึงทั้งคู่ สมควรตาย กูจะยิงมึงทิ้งแถวนี้" แต่นายพรเทพ เกิดเปลี่ยนใจ พาตนและภรรยา กลับมายังที่บริษัท อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็พบว่า มีโลงศพตั้งอยู่หน้าบริษัท 2 โลง และเขียนชื่อ น.ส.ชนกานต์ ไว้ที่ฝาโลง 1 โลง และชื่อ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งที่เป็นคนพา น.ส.ชนกานต์ หลบหนี
ด้าน พ.ต.อ.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร รอง ผบก.น.7 กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าจะให้ความยุติธรรมอย่างเต็มที่ และจะจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งหมด ไม่มีการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปมีส่วนร่วมกับการกระทำครั้งนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือกับผู้เสียหายในการให้ปากคำด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความคุ้มครองผู้เสียหายอย่างเต็มที่ ส่วน นายพรเทพ ในเบื้องต้นได้แต้ง 2 ข้อหา คือ กักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเมื่อวานนี้ ได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี พร้อมคัดค้านการประกันตัว ทั้งนี้จะดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำครั้งนี้ มาดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.47 ที่ผ่านมา น.ส.ชนกานต์ นพรัตน์ไพศาล อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/1 ซอยวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. ได้เข้าร้องเรียน กับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯ ให้ช่วยเหลือ น.ส.นุชจรีย์ แซ่เบ้ อายุ 33 ปี และนายเสน่ห์ แก้วทวี อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวและพี่เขยของตนเอง เนื่องจากถูกนายพรเทพ สามี ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ที่ บริษัทสุริยา พรเทพ หีบศพ จำกัด เลขที่ 5/4 ซอยวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. โดยสาเหตุที่นายพรเทพ ได้อุ้มตัวบุคคลทั้ง 2 ไป เนื่องจาก ตนเคยเป็นภรรยาของนายพรเทพ แต่ถูกนายพรเทพ ทำร้ายร่างกายจนทนไม่ไหว จึงได้หลบหนีออกมา นายพรเทพ จึงนำตัวพี่สาวและพี่เขย มาทรมานและกักขัง เพื่อเค้นถามหาที่ซ่อนตัวของตน
นางปวีณา จึงได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.อนันต์ ผกก.บางกอกน้อย ให้ดำเนินการช่วยเหลือ บุคคลทั้ง 2 คน จนกระทั่งเวลา 21.48 น.วันที่ 22 มิ.ย.พ.ต.อ.อนันต์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางกอกน้อย จำนวนกว่า 20 นาย นำหมายค้นเข้าตรวจค้นที่บริษัทดังกล่าว จากการตรวจค้นภายในบ้าน พบ นายพรเทพ และชายฉกรรจ์ใส่เสื้อคอกลม และกางเกงลายทหารพราน ยืนคุมอยู่ภายในห้อง โดยมี น.ส.นุชจรีย์ และนายเสน่ห์ ถูกกักขังไว้ ตามร่างกายของ น.ส.นุชจรีย์ มีบาดแผลที่เกิดจากการทารุณกรรม และเลือดออกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีอาการหวาดกลัว และอิดโรยเนื่องจากยังไม่ได้รับประทานอาหาร เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่ง ร.พ.ศิริราช แต่ทางมูลนิธิ เกรงว่าผู้ได้รับบาดเจ็บจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงได้ย้ายเข้ารักษาตัวที่ ร.พ.ยันฮี พร้อมกับได้ควบคุมตัวนายพรเทพ มาสอบปากคำที่ สน.บางกอกน้อย
น.ส.ชนกานต์ เปิดเผยว่า ตนได้อยู่กินกับนายพรเทพ มาเป็นเวลา 14 ปี และมีบุตรชาย 1 คน อายุ 12 ปี ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่กินด้วยกัน ตนถูกนายพรเทพทำร้ายร่างกายมาตลอด เนื่องจากมีพฤติกรรมทางเพศที่ผิดปกติ ต้องทารุณตนก่อนร่วมหลับนอนทุกครั้ง อีกทั้ง นายพรเทพ ยังชอบพาผู้หญิงอื่นมาร่วมหลับนอนด้วยเป็นประจำ นอกจากนี้ นายพรเทพ ยังพยายามที่ข่มขืนหลานสาวตน ซึ่งเป็นลูกของ นส.นุชจรีย์ พี่สาว ตนจึงทนไม่ไหวและหลบหนีออกมาเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา
ด้าน นายเสน่ห์ กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เมื่อเวลา 08.15 น.ของวันที่ 22 มิ.ย. ขณะที่ตนและภรรยา กำลังทำงานอยู่ที่บริษัทย่านดาวคะนอง นายพรเทพได้เดินทางมาพบตน และได้อุ้มตนและภรรยา ขึ้นรถเบนซ์ สีเทาดำ หมายเลขทะเบียน ธห 1919 กทม. ซึ่งภายในรถพบตำรวจ 1 นาย ยศสิบตำรวจโท ทราบเพียงแต่ชื่อ รัตน์ นายตี๋ และนายโหน่ง ไม่ทราบนามสกุล จากนั้นก็ได้พาตนและภรรยามาที่บริษัทดังกล่าว พร้อมกับใช้ปืนจ่อปากและเค้นถามจากภรรยาตนว่า น.ส.ชนกานต์ หนีไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหน ซึ่งภรรยาตนก็บอกว่า ไม่รู้ จึงถูกนายพรเทพ ใช้ไม้กระบองทุบตีภรรยาของตน อยู่ตลอดเวลา จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ว่าภรรยาของตนจะร้องขอชีวิต แต่นายพรเทพ ก็ยังไม่หยุดทุบตี
จนกระทั่งเวลา 19.00 น. นายพรเทพ ได้พาตนและภรรยา ขึ้นรถคันดังกล่าว และพาไปยังย่านนครชัยศรี แล้วใช้ปืนขู่ พร้อมกลับกล่าวว่า "พวกมึงทั้งคู่ สมควรตาย กูจะยิงมึงทิ้งแถวนี้" แต่นายพรเทพ เกิดเปลี่ยนใจ พาตนและภรรยา กลับมายังที่บริษัท อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก็พบว่า มีโลงศพตั้งอยู่หน้าบริษัท 2 โลง และเขียนชื่อ น.ส.ชนกานต์ ไว้ที่ฝาโลง 1 โลง และชื่อ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งที่เป็นคนพา น.ส.ชนกานต์ หลบหนี
ด้าน พ.ต.อ.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ณ นคร รอง ผบก.น.7 กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าจะให้ความยุติธรรมอย่างเต็มที่ และจะจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งหมด ไม่มีการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปมีส่วนร่วมกับการกระทำครั้งนี้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือกับผู้เสียหายในการให้ปากคำด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ความคุ้มครองผู้เสียหายอย่างเต็มที่ ส่วน นายพรเทพ ในเบื้องต้นได้แต้ง 2 ข้อหา คือ กักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเมื่อวานนี้ ได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี พร้อมคัดค้านการประกันตัว ทั้งนี้จะดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาตัวผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำครั้งนี้ มาดำเนินคดีต่อไป