ผู้จัดการรายวัน-SISเทรดวันแรกคึกราคาพุ่ง 26.50% ผู้บริหาร-ที่ปรึกษา-ตลาดหลักทรัพย์ปลื้มหุ้นจองกลับมาสดใสได้อีกครั้ง แต่เตือนให้ดูระยะยาวด้วย ด้าน"กิตติรัตน์" ได้จังหวะชี้ SIS เหนือจองเป็นตัวอย่างไม่จำเป็นต้องรอภาวะตลาดสดใสก่อนแล้วค่อยเข้าจะได้ไม่กระจุกตัว พร้อมคงเป้าหุ้นใหม่เข้าตลาดปีนี้ 75 บ. ขณะที่มีบ.จ่อคิวเข้าตลาด แล้ว 100 บริษัท "มนตรี" คาดหุ้นไอพีโอเตรียมกระจายหลังเห็นSISเหนือจอง แต่ให้สตินักลงทุนอย่าหวังว่าหุ้นจองจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าจองทุกตัว
วานนี้(21มิ.ย.)หุ้นบริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนค่อนข้างดี ทำให้ราคาหุ้นเปิดการซื้อขายที่ 4.46 บาท สูงกว่าราคาเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)หรือราคาจอง 4.15 บาท ถึง 7.46 % โดยราคาปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 5.35 บาท ต่ำสุดที่ 4.34 บาท และปิดตลาดได้ที่ 5.25 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาจอง 1.1 บาท คิดเป็น 26.50% มูลค่าการซื้อขาย 778.30 ล้านบาท
การเข้าซื้อขายของหุ้น SIS ในวันนี้นอกจากไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังแล้วยังสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารบริษัท SIS บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ตลอดจนผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นไทยโดยรวมกลับมาสดใสดัชนีปิดที่ 630.03 เพิ่มขึ้น 7.32 จุด ตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นจากราคาน้ำมันที่แกว่งตัวลง โดยหุ้น SIS มีการเคลื่อนไหวคึกคักติดอันดับ 2 ของหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน
นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS กล่าวว่ารู้สึกพอใจที่ราคาซื้อขายหุ้นวันแรกของ SIS สามารถเหนือจองได้ เนื่องจากมีการตั้งราคาที่เหมาะสมคิดเป็นส่วนลดถึง 10-20% ของราคาพื้นฐาน "ยอมรับว่ามีความกังวลเรื่องราคาที่ทำการซื้อขายวันแรกว่าจะต่ำกว่าราคาจองเนื่องจากมีกระจายให้แก่ผู้มีอุปการะคุณถึง 33 % จึงห่วงว่าผู้อุปการคุณจะได้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า"
สำหรับรายได้ของบริษัทในไตรมาส 1/2547 จำนวน 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.3% จากไตรมาสเดียวกันปี 2546 และมีกำไร 19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171% จากงวดเดียวกันปี 2546 ที่มีกำไร 7 ล้านบาท และคาดว่ารายได้ไตรมาส2/2547 จะเพิ่มขึ้นกว่า ไตรมาส1/2547
อย่างไรก็ตามไตรมาส 3 ของทุกปี บริษัทจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ในอัตราที่สูง เนื่องจาก เป็นช่วงสิ้นปีงบประมาณของภาครัฐและบริษัทเอกชนที่มีปีงบประมาณสอดคล้องกับองค์กรรัฐ โดยจะมีการสั่งซื้อสินค้ามาในช่วงดังกล่าวเป็นปริมาณมาก นอกจากนี้การที่รัฐบาลมีโครงการที่จะลงทุนด้าน IT เป็นจำนวนมากทำให้เชื่อว่าจะมีการขยายตัวของรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าวในอัตราสูง
สำหรับสัดส่วนการขายของบริษัท แบ่งเป็น ภาครัฐบาลประมาณ 10% และภาคเอกชนประมาณ 90% โดยแนวโน้มธุรกิจIT ปีนี้มีอัตราการเติบโตที่ 10-15% ซึ่งตนคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตกว่าอุตสาหกรรม และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็นกว่า10%ทั้งนี้คาดว่าอุตสาหกรรมไอทีจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นอกจากนี้ลักษณะของสินค้าไอทีมีอายุการใช้งานสั้น มีการเปลี่ยนแปลงรุ่นและเทคโนโลยีใหม่อยู่เสมอทำให้มียอดการสั่งซื้อใหม่เพิ่มตลอด
ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 178.45 ล้านบาท บริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจบริษัท นอกจากนี้บริษัทจะมีการขายสินค้าประเภทสื่อภาพยนตร์ในรูปของ VCD และ DVD เนื่องจากบริษัทเห็นว่าธุรกิจนี้มีอัตราการขายตัวที่สูง ซึ่งบริษัทมีโครงสร้างการค้าปลีกอยู่แล้ว ทำให้ง่ายต่อการเสนอขายสินค้าดังกล่าว
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานกรรมการบริหารศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้น SIS เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และราคาปรับตัวสูงกว่าราคาจองในวันแรก คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้บริษัทใหม่มีความมั่นใจที่จะกระจายหุ้นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องการให้นักลงทุนพิจารณาเฉพาะราคาวันแรกที่เข้ามาซื้อขายเท่านั้น โดยนักลงทุนควรที่จะพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐาน รวมถึงการกำหนดราคาจองว่ามีความเหมาะสมหราอไม่และสภาพตลาดหุ้นโดยรวมว่าเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ถึงแม้ว่าภาวะตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีแรกจะไม่เอื้ออำนวยแต่ก็เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อเป้าหมายที่ตลาดหลักทรัพย์ได้กำหนดไว้ซึ่งในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ได้กำหนดเป้าหมายว่าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนจำนวน 50 บริษัทและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่(MAI)จำนวน 25 บริษัท ซึ่งภายในเดือนหน้าก็จะมีบริษัทใหม่ที่เตรียมจะกระจายอีกประมาณ 1 บริษัท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวเกี่ยวกับ การกระจายหุ้นช่วงครึ่งปีแรกที่มีบริษัทใหม่เข้าทำการซื้อขายเพียง 10 กว่าบริษัทเท่านั้น ถือเป็นเรื่องปกติเพราะตลาดหลักทรัพย์ได้ยืดกำหนดระยะเวลารับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของบริษัทจดทะเบียนออกไปถึงกันยายนปีหน้า ทำให้หลาย ๆ บริษัทไม่รีบร้อนกระจายหุ้นและเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าในปีนี้จำนวนบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนน่าจะเป็นไปตามเป้าเดิมที่ตลาดหลักทรัพย์ตั้งไว้ โดยในขณะนี้มีบริษัทที่รอเข้าจดทะเบียนมีประมาณ 100 บริษัท
“ภาวะตลาดในช่วงนี้ค่อนข้างผันผวนถือเป็นเรื่องปกติ ดัชนีตลาดมีการปรับตัวลดลงจาก 700 กว่าจุด ลดลงมา 600 จุด ซึ่งหลายฝ่ายมีความกังวลว่าภาวะการลงทุนไม่สดใสเพียงพอจะนำหุ้นใหม่เข้าเทรด เนื่องจากปัจจัยและเหตุการณ์เชิงลบเข้ามากระทบ แต่เชื่อมั่นว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น การเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นไม่จำเป็นต้องรอให้ภาวะสดใสเสมอไป เช่น SIS ที่เข้าซื้อขายวานนี้ราคาหุ้นก็สามารถยืนเหนือราคาจองซื้อได้ และ หากหลาย ๆ บริษัทรอให้ภาวะตลาดดีจึงจะเข้าซื้อขายอาจจะทำให้ในช่วงนั้นเกิดการกระจุกตัวของหุ้นที่เข้าซื้อขายได้ ” นายกิตติรัตน์กล่าว
ทั้งนี้การที่อัตราดอกเบี้ยกำลังจะปรับตัวขึ้น และดุลการค้าที่ขาดดุลเล็กน้อยนั้นเป็นอีกลักษณะของเศรษฐกิจขาขึ้น และเชื่อมั่นว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนมีการขยายตัวดี ตลอดจนเศรษฐกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และผู้บริหารนโยบายเศรษฐกิจของประเทศก็มีการดูแลให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตีให้ชะลอการนำบริษัท อาร์ทีเอเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งรับสัมปทานบริหารเวลาให้ ททบ. 5 เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออกไปก่อน เพื่อตรวจสอบความโปร่งใสนั้น ยังแสดงความคิดเห็นไม่ได้ เพราะกระบวนการต่าง ๆ ยังมาไม่ถึงตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ก็ทำหน้าที่ในการจัดระบบการซื้อขายในตลาดรอง อย่างไรก็ตามหาก อาร์ทีเอ จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์เองก็พร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นตลาดรองในการซื้อขายหากปัญหาต่าง ๆ คลี่คลายลงได้
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัดกล่าวคาดว่าจะมีหุ้นที่จะกระจายแก่ประชาชนทั่วไปมากขึ้นหลังจากที่หุ้น SIS เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้วราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาจอง ในส่วนของบล.กิมเอ็งก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและยื่นแบบรายการแสดงข้อมูล(ไฟลิ่ง)ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แล้วหลายบริษัทเช่น บริษัทล็อกซบิท,บริษัทซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์และบริษัทไทยฮา เป็นต้น ซึ่งบริษัทเหล่านี้อยู่ระหว่างเตรียมการที่จะกระจายหุ้น
ทั้งนี้ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน รู้สึกพอใจกับราคาเปิดทำการซื้อขายวันแรก ของ SIS ที่สามารถเปิดสูงกว่าราคาจองได้ ซึงถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เนื่องจากบริษัทมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีเครือข่ายทางธุรกิจในหลายประเทศ ผลิตภัณฑ์ไอทีก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และธุรกิจไอทีนี้เป็นสินค้าที่มีอายุการใช้งานที่สั้นจึงต้องมีอัพเดทตลอดเวลา จึงทำให้บริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งแสดงให้เห็นว่าราคาที่กำหนดมีความเป็นธรรมกับนักลงทุนรายย่อย
อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้นักลงทุนคาดหวังว่า IPO ที่เข้าซื้อขายในช่วงตลาดขาขึ้น ระดับราคาจะปรับตัวสูงขึ้นทุกตัว หรือในช่วงที่ภาวะตลาดไม่ดีก็อย่าคิดว่าราคาหุ้นจะต่ำกว่าจองทุกตัว จึงอยากให้นักลงทุนวิเคราะห์ ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทเช่น ผลประกอบการของบริษัท ฐานะการเงิน ผู้บริหารตลอดจนแนวโน้มการดำเนินธุรกิจ การตั้งราคาที่เหมาะสมภาวะตลาดและให้ทุกฝ่ายได้รับผลตอบแทนที่ดี
วานนี้(21มิ.ย.)หุ้นบริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนค่อนข้างดี ทำให้ราคาหุ้นเปิดการซื้อขายที่ 4.46 บาท สูงกว่าราคาเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)หรือราคาจอง 4.15 บาท ถึง 7.46 % โดยราคาปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 5.35 บาท ต่ำสุดที่ 4.34 บาท และปิดตลาดได้ที่ 5.25 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาจอง 1.1 บาท คิดเป็น 26.50% มูลค่าการซื้อขาย 778.30 ล้านบาท
การเข้าซื้อขายของหุ้น SIS ในวันนี้นอกจากไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวังแล้วยังสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารบริษัท SIS บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ตลอดจนผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นไทยโดยรวมกลับมาสดใสดัชนีปิดที่ 630.03 เพิ่มขึ้น 7.32 จุด ตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับตัวขึ้นจากราคาน้ำมันที่แกว่งตัวลง โดยหุ้น SIS มีการเคลื่อนไหวคึกคักติดอันดับ 2 ของหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดของวัน
นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS กล่าวว่ารู้สึกพอใจที่ราคาซื้อขายหุ้นวันแรกของ SIS สามารถเหนือจองได้ เนื่องจากมีการตั้งราคาที่เหมาะสมคิดเป็นส่วนลดถึง 10-20% ของราคาพื้นฐาน "ยอมรับว่ามีความกังวลเรื่องราคาที่ทำการซื้อขายวันแรกว่าจะต่ำกว่าราคาจองเนื่องจากมีกระจายให้แก่ผู้มีอุปการะคุณถึง 33 % จึงห่วงว่าผู้อุปการคุณจะได้ผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า"
สำหรับรายได้ของบริษัทในไตรมาส 1/2547 จำนวน 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.3% จากไตรมาสเดียวกันปี 2546 และมีกำไร 19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171% จากงวดเดียวกันปี 2546 ที่มีกำไร 7 ล้านบาท และคาดว่ารายได้ไตรมาส2/2547 จะเพิ่มขึ้นกว่า ไตรมาส1/2547
อย่างไรก็ตามไตรมาส 3 ของทุกปี บริษัทจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ในอัตราที่สูง เนื่องจาก เป็นช่วงสิ้นปีงบประมาณของภาครัฐและบริษัทเอกชนที่มีปีงบประมาณสอดคล้องกับองค์กรรัฐ โดยจะมีการสั่งซื้อสินค้ามาในช่วงดังกล่าวเป็นปริมาณมาก นอกจากนี้การที่รัฐบาลมีโครงการที่จะลงทุนด้าน IT เป็นจำนวนมากทำให้เชื่อว่าจะมีการขยายตัวของรายได้ในช่วงเวลาดังกล่าวในอัตราสูง
สำหรับสัดส่วนการขายของบริษัท แบ่งเป็น ภาครัฐบาลประมาณ 10% และภาคเอกชนประมาณ 90% โดยแนวโน้มธุรกิจIT ปีนี้มีอัตราการเติบโตที่ 10-15% ซึ่งตนคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตกว่าอุตสาหกรรม และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็นกว่า10%ทั้งนี้คาดว่าอุตสาหกรรมไอทีจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นอกจากนี้ลักษณะของสินค้าไอทีมีอายุการใช้งานสั้น มีการเปลี่ยนแปลงรุ่นและเทคโนโลยีใหม่อยู่เสมอทำให้มียอดการสั่งซื้อใหม่เพิ่มตลอด
ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 178.45 ล้านบาท บริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจบริษัท นอกจากนี้บริษัทจะมีการขายสินค้าประเภทสื่อภาพยนตร์ในรูปของ VCD และ DVD เนื่องจากบริษัทเห็นว่าธุรกิจนี้มีอัตราการขายตัวที่สูง ซึ่งบริษัทมีโครงสร้างการค้าปลีกอยู่แล้ว ทำให้ง่ายต่อการเสนอขายสินค้าดังกล่าว
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานกรรมการบริหารศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้น SIS เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และราคาปรับตัวสูงกว่าราคาจองในวันแรก คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้บริษัทใหม่มีความมั่นใจที่จะกระจายหุ้นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องการให้นักลงทุนพิจารณาเฉพาะราคาวันแรกที่เข้ามาซื้อขายเท่านั้น โดยนักลงทุนควรที่จะพิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐาน รวมถึงการกำหนดราคาจองว่ามีความเหมาะสมหราอไม่และสภาพตลาดหุ้นโดยรวมว่าเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ถึงแม้ว่าภาวะตลาดหุ้นในช่วงครึ่งปีแรกจะไม่เอื้ออำนวยแต่ก็เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อเป้าหมายที่ตลาดหลักทรัพย์ได้กำหนดไว้ซึ่งในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ได้กำหนดเป้าหมายว่าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนจำนวน 50 บริษัทและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่(MAI)จำนวน 25 บริษัท ซึ่งภายในเดือนหน้าก็จะมีบริษัทใหม่ที่เตรียมจะกระจายอีกประมาณ 1 บริษัท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวเกี่ยวกับ การกระจายหุ้นช่วงครึ่งปีแรกที่มีบริษัทใหม่เข้าทำการซื้อขายเพียง 10 กว่าบริษัทเท่านั้น ถือเป็นเรื่องปกติเพราะตลาดหลักทรัพย์ได้ยืดกำหนดระยะเวลารับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของบริษัทจดทะเบียนออกไปถึงกันยายนปีหน้า ทำให้หลาย ๆ บริษัทไม่รีบร้อนกระจายหุ้นและเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าในปีนี้จำนวนบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนน่าจะเป็นไปตามเป้าเดิมที่ตลาดหลักทรัพย์ตั้งไว้ โดยในขณะนี้มีบริษัทที่รอเข้าจดทะเบียนมีประมาณ 100 บริษัท
“ภาวะตลาดในช่วงนี้ค่อนข้างผันผวนถือเป็นเรื่องปกติ ดัชนีตลาดมีการปรับตัวลดลงจาก 700 กว่าจุด ลดลงมา 600 จุด ซึ่งหลายฝ่ายมีความกังวลว่าภาวะการลงทุนไม่สดใสเพียงพอจะนำหุ้นใหม่เข้าเทรด เนื่องจากปัจจัยและเหตุการณ์เชิงลบเข้ามากระทบ แต่เชื่อมั่นว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงขาขึ้น การเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นไม่จำเป็นต้องรอให้ภาวะสดใสเสมอไป เช่น SIS ที่เข้าซื้อขายวานนี้ราคาหุ้นก็สามารถยืนเหนือราคาจองซื้อได้ และ หากหลาย ๆ บริษัทรอให้ภาวะตลาดดีจึงจะเข้าซื้อขายอาจจะทำให้ในช่วงนั้นเกิดการกระจุกตัวของหุ้นที่เข้าซื้อขายได้ ” นายกิตติรัตน์กล่าว
ทั้งนี้การที่อัตราดอกเบี้ยกำลังจะปรับตัวขึ้น และดุลการค้าที่ขาดดุลเล็กน้อยนั้นเป็นอีกลักษณะของเศรษฐกิจขาขึ้น และเชื่อมั่นว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนมีการขยายตัวดี ตลอดจนเศรษฐกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และผู้บริหารนโยบายเศรษฐกิจของประเทศก็มีการดูแลให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตีให้ชะลอการนำบริษัท อาร์ทีเอเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งรับสัมปทานบริหารเวลาให้ ททบ. 5 เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออกไปก่อน เพื่อตรวจสอบความโปร่งใสนั้น ยังแสดงความคิดเห็นไม่ได้ เพราะกระบวนการต่าง ๆ ยังมาไม่ถึงตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ก็ทำหน้าที่ในการจัดระบบการซื้อขายในตลาดรอง อย่างไรก็ตามหาก อาร์ทีเอ จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์เองก็พร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นตลาดรองในการซื้อขายหากปัญหาต่าง ๆ คลี่คลายลงได้
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัดกล่าวคาดว่าจะมีหุ้นที่จะกระจายแก่ประชาชนทั่วไปมากขึ้นหลังจากที่หุ้น SIS เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แล้วราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาจอง ในส่วนของบล.กิมเอ็งก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและยื่นแบบรายการแสดงข้อมูล(ไฟลิ่ง)ไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แล้วหลายบริษัทเช่น บริษัทล็อกซบิท,บริษัทซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์และบริษัทไทยฮา เป็นต้น ซึ่งบริษัทเหล่านี้อยู่ระหว่างเตรียมการที่จะกระจายหุ้น
ทั้งนี้ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน รู้สึกพอใจกับราคาเปิดทำการซื้อขายวันแรก ของ SIS ที่สามารถเปิดสูงกว่าราคาจองได้ ซึงถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เนื่องจากบริษัทมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีเครือข่ายทางธุรกิจในหลายประเทศ ผลิตภัณฑ์ไอทีก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และธุรกิจไอทีนี้เป็นสินค้าที่มีอายุการใช้งานที่สั้นจึงต้องมีอัพเดทตลอดเวลา จึงทำให้บริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งแสดงให้เห็นว่าราคาที่กำหนดมีความเป็นธรรมกับนักลงทุนรายย่อย
อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้นักลงทุนคาดหวังว่า IPO ที่เข้าซื้อขายในช่วงตลาดขาขึ้น ระดับราคาจะปรับตัวสูงขึ้นทุกตัว หรือในช่วงที่ภาวะตลาดไม่ดีก็อย่าคิดว่าราคาหุ้นจะต่ำกว่าจองทุกตัว จึงอยากให้นักลงทุนวิเคราะห์ ข้อมูลพื้นฐานของบริษัทเช่น ผลประกอบการของบริษัท ฐานะการเงิน ผู้บริหารตลอดจนแนวโน้มการดำเนินธุรกิจ การตั้งราคาที่เหมาะสมภาวะตลาดและให้ทุกฝ่ายได้รับผลตอบแทนที่ดี