วานนี้ (16 มิ.ย.) ที่ร้านอาหารบ้านสวนไผ่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตผู้ว่าฯกทม. ที่ปรึกษานายกรฐมนตรีฝ่ายพัฒนาสังคม ได้ร่วมหารือกับ ส.ส. , ส.ก. และส.ข.พรรคไทยรักไทยเกือบ 20 คน เช่น นายวิชาญ มีนชัยนันท์ นพ.ประจวบ อึ้งภากรณ์ นายแสวง ฤกษ์จรัล นายอเนก หุตังคบดี ส.ส.กทม. ส่วน ส.ก.มี นายพงษ์พิสุทธิส จินตโสภณ นายกวี ณ ลำปาง นายชูพงษ์ เพชรโต นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ นายอภิชาติ หาลำเจียก นายคำรณ บำรุงรักษ์ เป็นต้น เพื่อสนับสนุนบุคคลลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวกับผู้ร่วมหารือว่า หลังจากพรรคไทยรักไทย มีมติไม่ส่งผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พรรคพวกที่ไม่ต้องการสนับสนุนผู้สมัครคนอื่น ๆ ได้มาหารือกับตน บางคนก็โทรศัพท์ไปหารือจึงได้โทรศัพท์ไปนัดพรรคพวกที่เคยทำงานตั้งแต่สมัยกลุ่มรวมพลัง พรรคพลังธรรม และกลุ่งพลังไทยมาหรือวันนี้ เพื่อหาผู้ที่เหมาะสมจะสนับสนุน
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า คุณสมบัติของบุคคลที่ควรจะสนับสนุนให้เป็นผู้ว่าฯกทม.คือ ต้องซื่อสัตย์สุจริต ไม่โกงทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่พูดโกหก ไม่หลอกคนกรุงเทพฯ มีไหวพริบปฎิภาณ สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ลุยงานทั้งกลางวันและกลางคืน ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ สามารถกระทบไหล่ผู้ว่าฯของต่างประเทศได้ ต้องเป็นคนที่พวกเรารู้จักดี พูดจากันรู้เรื่องและไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ที่สำคัญหากเป็นผู้ว่าฯกทม. ต้องสามารถ ประสานงานกับรัฐบาลได้ เพราะ กทม.ต้องพึ่งรัฐบาลและอายุต้องไม่เกิน 60 ปี
“กรุงเทพเป็นเมืองน่าท่องเที่ยสติดหนึ่งในสิบของโลกผู้ว่าต้องเป็นคนมีความรู้ เชิดหน้าชูตาคนกรุงเทพได้”
พล.ต.จำลอง กล่าวว่าสาเหตุที่ออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้เพราะเห็นว่า เมื่อพรรคพวกอึดอัดใจและหนักใจในการสนับสนุนผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. จึงมาคุยกันและจะรับหน้าที่อาสาหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมโดยจะหาตัวบุคคลที่เหมาะสมให้ได้ก่อนวันเปิดรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. โดยจะขอเป็นผู้ประกาศรายชื่อและจะรับผิดชอบเอง ซึ่งระหว่างนี้ก็ให้ ส.ส. ,ส.ก.และส.ข.ไปหาและทาบทามบุคคลที่เหมาะสม
ส่วนร.ตอ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รองนายกรัฐมนตรี เคยทั้งถามและคุยกันเป็นการส่วนตัวแล้ว ท่านก็ยืนยันในคำตอบเดิมว่าจะเป็นรองนายกรัฐมนตรี จนครบวาระ ดังนั้นการจะไปให้ ร.ตงอ.ปุระชัยมาเป็นตัวเลือกหนึ่งยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเมื่อท่านพูดไปแล้ว หากเราไปถามอีกหลายเดี๋ยวจะหาว่าเราเป็นเด็ก
ส่วนการเคลื่อนไหวครั้งนี้มีเป้าหมายเกี่ยวข้องกับการตั้งพรรคทางเลือกที่ 3 หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พรรคทางเลือกที่ 3 เคยมีมาแล้วคือพรรคพลังธรรม ที่ทำการเมืองแบบบริสุทธิ์ ไม่ซื้อเสียง แต่ก็ยังได้ ส.ส.ถึง 47 คน เมื่อเราเคยทำมาแล้วแต่สังคมปัจจุบันไม่ยอมรับแนวทางดังกล่าวก็ไม่จำเป็นต้องทำพรรคทางเลือกที่ 3 ขึ้นมาใหม่
“ที่ผ่านมาผมก็เคลื่อนไหวทางการเมืองมาตลอด ล่าสุดก็คัดค้านการออกหวยซื้อหุ้นลิเวอร์พูล การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงไม่มีอะไรแอบแฝงหรือมีอะไรอยู่เบื้องหลัง”
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การเสนอชื่อผู้ลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ถ้าบางคนไม่เห็นด้วย จะไม่สนับสนุนคนที่เราเสนอชื่อก็ไม่เป็นไร อยู่ที่ความสมัครใจไม่มีการล็อบบี้ หรือบังคับกัน แต่เมื่อสมาชิกพรรคไทยรักไทยอึดอัดใจและต้องการสอบถามตนก็เปิดโอกาสให้สอบถามและตนก็เสนอแนะไป ไม่ใช่เข้ามาเคลื่อนไหวเพื่ออยากใหญ่โต หรืออยากได้ตำแหน่ง ถ้าอยากก็ลงสมัครไปแล้ว และการหารือครั้งนี้ก็ไม่ต้องทำโพลเพื่อวัดคะแนนนิยม เพราะแค่หยั่งเสียง ส.ส. , ส.ก.และส.ข.พรรคไทยรักไทยถือว่าเป็นตัวชี้วัดที่ดีได้แล้ว
นายพลภูมิ วิรัตภูมิประเทศ ส.ก.เขตคันนายาว กล่าวว่า การที่ พล.ต.จำลอง เรียกพวกตตมาหารือ เพราะผิดหวังกับมติพรรคที่ไม่ส่งคนลงสมัครชิงผู้ว่าฯกทม. ทั้งที่พรรคก็สนับสนุนการเมืองท้องถิ่นมาตลอด เช่นส่งคนสมัคร นายกฯ อบจ.ทั่วประเทศ แต่พอเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.กลับไม่ส่ง นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ไม่พอใจตัวบุคคลที่ประกาศจะลงบสมัครผู้ว่าฯกทม. แต่บอกเลยว่าที่มาครั้งนี้ เพื่อมารับฟังความเห็นเท่านั้น เพราะเท่าที่พูดคุยกันในหมู่ ส.ก.และ ส.ข.นอกรอบหลายครั้งพวกเรามีตัวบุคคลที่จะสนับสนุนอยู่แล้ว
รายงานข่าวจากคนใกล้ชิด พล.ต.จำลองเปิดเผยถึงสาเหตุที่พล.ต.จำลอง ออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้เพราะ เมื่อช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.จำลองได้ร่วมหารือ กับ ส.ส. , ส.ก. และส.ข.ที่เคยอยู่กับพรรคพลังธรรมมาก่อนรวมทั้งโพธิรักษ์ แห่งสำนักสันติอโศก โดย พล.ต.จำลองและสมณะโพธิรักษ์เห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องออกมา เคลื่อนไหวในเรื่องผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. เพราะ จากรายชื่อผู้สมัครที่ประกาศตัวหลายคน มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม
ทั้งนี้เพราะ บางคนเป็นนักธุรกิจสถานบริการ บางคนเคยเป็นนักการเมือง ที่เคยถูกยึดทรัพย์ ซึ่งบุคคลเหล่านี้กำลังทำให้การเมืองในสนามผู้ว่ากทม. กลายเป็น เวทีโฆษณาหาเสียงและสื่อมวลชนก็ไปให้ความสนใจกันมากจนคะแนนนิยมเริ่มดีขึ้น เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือแม้แต่ ลีน่า จัง ทั้งที่ตำแหน่ง ผู้ว่าฯกทม. มีศักดิ์ศรีเป็นพ่อเมืองมหานคร ที่คอยถือกุญแจต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่เป็นผลดี ทั้งหมดจึงสนับสนุนให้ พล.ต.จำลองออกมาเคลื่อนไหวโดยด่วนเพราะเห็นว่าคนกรุงเทพฯ ยังให้การยอมรับ พล.ต.จำลองในฐานะอดีตผู้ว่ากทม.สองสมัยอยู่
มีรายงานด้วยว่า ขณะนี้พล.ต.จำลองได้ทาบทามนักบริหารรุ่นใหม่คนหนึ่ง ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาเอกและเป็นคนที่สังคมคนกรุงเทพรู้จักและให้การยอมรับ โดยล่าสุด พล.ต.จำลองได้ไปพูดคุยกับพ่อแม่ของบุคคลดังกล่าวแล้ว ซึ่งพ่อแม่ก็สนับสนุนเหลือเพียงการตัดสินใจขั้นสุดท้ายที่จะให้คำตอบกับ พล.ต.จำลอง ภายในสัปดาห์หน้านี้ โดยพล.ต.จำลองเตรียมประกาศรายชื่อภายในต้นเดือนกรกฏาคมนี้
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กล่าวกับผู้ร่วมหารือว่า หลังจากพรรคไทยรักไทย มีมติไม่ส่งผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พรรคพวกที่ไม่ต้องการสนับสนุนผู้สมัครคนอื่น ๆ ได้มาหารือกับตน บางคนก็โทรศัพท์ไปหารือจึงได้โทรศัพท์ไปนัดพรรคพวกที่เคยทำงานตั้งแต่สมัยกลุ่มรวมพลัง พรรคพลังธรรม และกลุ่งพลังไทยมาหรือวันนี้ เพื่อหาผู้ที่เหมาะสมจะสนับสนุน
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า คุณสมบัติของบุคคลที่ควรจะสนับสนุนให้เป็นผู้ว่าฯกทม.คือ ต้องซื่อสัตย์สุจริต ไม่โกงทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่พูดโกหก ไม่หลอกคนกรุงเทพฯ มีไหวพริบปฎิภาณ สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ลุยงานทั้งกลางวันและกลางคืน ต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ สามารถกระทบไหล่ผู้ว่าฯของต่างประเทศได้ ต้องเป็นคนที่พวกเรารู้จักดี พูดจากันรู้เรื่องและไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ที่สำคัญหากเป็นผู้ว่าฯกทม. ต้องสามารถ ประสานงานกับรัฐบาลได้ เพราะ กทม.ต้องพึ่งรัฐบาลและอายุต้องไม่เกิน 60 ปี
“กรุงเทพเป็นเมืองน่าท่องเที่ยสติดหนึ่งในสิบของโลกผู้ว่าต้องเป็นคนมีความรู้ เชิดหน้าชูตาคนกรุงเทพได้”
พล.ต.จำลอง กล่าวว่าสาเหตุที่ออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้เพราะเห็นว่า เมื่อพรรคพวกอึดอัดใจและหนักใจในการสนับสนุนผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. จึงมาคุยกันและจะรับหน้าที่อาสาหาคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมโดยจะหาตัวบุคคลที่เหมาะสมให้ได้ก่อนวันเปิดรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. โดยจะขอเป็นผู้ประกาศรายชื่อและจะรับผิดชอบเอง ซึ่งระหว่างนี้ก็ให้ ส.ส. ,ส.ก.และส.ข.ไปหาและทาบทามบุคคลที่เหมาะสม
ส่วนร.ตอ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รองนายกรัฐมนตรี เคยทั้งถามและคุยกันเป็นการส่วนตัวแล้ว ท่านก็ยืนยันในคำตอบเดิมว่าจะเป็นรองนายกรัฐมนตรี จนครบวาระ ดังนั้นการจะไปให้ ร.ตงอ.ปุระชัยมาเป็นตัวเลือกหนึ่งยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเมื่อท่านพูดไปแล้ว หากเราไปถามอีกหลายเดี๋ยวจะหาว่าเราเป็นเด็ก
ส่วนการเคลื่อนไหวครั้งนี้มีเป้าหมายเกี่ยวข้องกับการตั้งพรรคทางเลือกที่ 3 หรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พรรคทางเลือกที่ 3 เคยมีมาแล้วคือพรรคพลังธรรม ที่ทำการเมืองแบบบริสุทธิ์ ไม่ซื้อเสียง แต่ก็ยังได้ ส.ส.ถึง 47 คน เมื่อเราเคยทำมาแล้วแต่สังคมปัจจุบันไม่ยอมรับแนวทางดังกล่าวก็ไม่จำเป็นต้องทำพรรคทางเลือกที่ 3 ขึ้นมาใหม่
“ที่ผ่านมาผมก็เคลื่อนไหวทางการเมืองมาตลอด ล่าสุดก็คัดค้านการออกหวยซื้อหุ้นลิเวอร์พูล การออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงไม่มีอะไรแอบแฝงหรือมีอะไรอยู่เบื้องหลัง”
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การเสนอชื่อผู้ลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ถ้าบางคนไม่เห็นด้วย จะไม่สนับสนุนคนที่เราเสนอชื่อก็ไม่เป็นไร อยู่ที่ความสมัครใจไม่มีการล็อบบี้ หรือบังคับกัน แต่เมื่อสมาชิกพรรคไทยรักไทยอึดอัดใจและต้องการสอบถามตนก็เปิดโอกาสให้สอบถามและตนก็เสนอแนะไป ไม่ใช่เข้ามาเคลื่อนไหวเพื่ออยากใหญ่โต หรืออยากได้ตำแหน่ง ถ้าอยากก็ลงสมัครไปแล้ว และการหารือครั้งนี้ก็ไม่ต้องทำโพลเพื่อวัดคะแนนนิยม เพราะแค่หยั่งเสียง ส.ส. , ส.ก.และส.ข.พรรคไทยรักไทยถือว่าเป็นตัวชี้วัดที่ดีได้แล้ว
นายพลภูมิ วิรัตภูมิประเทศ ส.ก.เขตคันนายาว กล่าวว่า การที่ พล.ต.จำลอง เรียกพวกตตมาหารือ เพราะผิดหวังกับมติพรรคที่ไม่ส่งคนลงสมัครชิงผู้ว่าฯกทม. ทั้งที่พรรคก็สนับสนุนการเมืองท้องถิ่นมาตลอด เช่นส่งคนสมัคร นายกฯ อบจ.ทั่วประเทศ แต่พอเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.กลับไม่ส่ง นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ไม่พอใจตัวบุคคลที่ประกาศจะลงบสมัครผู้ว่าฯกทม. แต่บอกเลยว่าที่มาครั้งนี้ เพื่อมารับฟังความเห็นเท่านั้น เพราะเท่าที่พูดคุยกันในหมู่ ส.ก.และ ส.ข.นอกรอบหลายครั้งพวกเรามีตัวบุคคลที่จะสนับสนุนอยู่แล้ว
รายงานข่าวจากคนใกล้ชิด พล.ต.จำลองเปิดเผยถึงสาเหตุที่พล.ต.จำลอง ออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้เพราะ เมื่อช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ต.จำลองได้ร่วมหารือ กับ ส.ส. , ส.ก. และส.ข.ที่เคยอยู่กับพรรคพลังธรรมมาก่อนรวมทั้งโพธิรักษ์ แห่งสำนักสันติอโศก โดย พล.ต.จำลองและสมณะโพธิรักษ์เห็นตรงกันว่าจำเป็นต้องออกมา เคลื่อนไหวในเรื่องผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. เพราะ จากรายชื่อผู้สมัครที่ประกาศตัวหลายคน มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม
ทั้งนี้เพราะ บางคนเป็นนักธุรกิจสถานบริการ บางคนเคยเป็นนักการเมือง ที่เคยถูกยึดทรัพย์ ซึ่งบุคคลเหล่านี้กำลังทำให้การเมืองในสนามผู้ว่ากทม. กลายเป็น เวทีโฆษณาหาเสียงและสื่อมวลชนก็ไปให้ความสนใจกันมากจนคะแนนนิยมเริ่มดีขึ้น เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือแม้แต่ ลีน่า จัง ทั้งที่ตำแหน่ง ผู้ว่าฯกทม. มีศักดิ์ศรีเป็นพ่อเมืองมหานคร ที่คอยถือกุญแจต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่เป็นผลดี ทั้งหมดจึงสนับสนุนให้ พล.ต.จำลองออกมาเคลื่อนไหวโดยด่วนเพราะเห็นว่าคนกรุงเทพฯ ยังให้การยอมรับ พล.ต.จำลองในฐานะอดีตผู้ว่ากทม.สองสมัยอยู่
มีรายงานด้วยว่า ขณะนี้พล.ต.จำลองได้ทาบทามนักบริหารรุ่นใหม่คนหนึ่ง ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาเอกและเป็นคนที่สังคมคนกรุงเทพรู้จักและให้การยอมรับ โดยล่าสุด พล.ต.จำลองได้ไปพูดคุยกับพ่อแม่ของบุคคลดังกล่าวแล้ว ซึ่งพ่อแม่ก็สนับสนุนเหลือเพียงการตัดสินใจขั้นสุดท้ายที่จะให้คำตอบกับ พล.ต.จำลอง ภายในสัปดาห์หน้านี้ โดยพล.ต.จำลองเตรียมประกาศรายชื่อภายในต้นเดือนกรกฏาคมนี้