ศูนย์ข่าวภาคตะวันออก - พิษน้ำมันแพงเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจเอกชน ผู้บริหารบริษัท RCK รุ่งเจริญ จำกัด ผู้ผลิตรถพ่วง และตัวถังรถบรรทุกรายใหญ่ภาคตะวันออก เผยผู้ประกอบธุรกิจขนส่งทั้งในและต่างประเทศชะลอคำสั่งต่อรถของบริษัทแล้วถึง 40 % แต่ยังมั่นใจในอนาคตจะดีขึ้นเมื่อราคาน้ำมันนิ่ง
นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการบริษัท RCK รุ่งเจริญ จำกัด ผู้ผลิตรถพ่วง กึ่งพ่วง และตัวถังรถบรรทุกรายใหญ่ในภาคตะวันออก เปิดเผยถึงผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจขนส่งเท่านั้นในส่วนของ RCK รุ่งเจริญฯ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยขณะนี้ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งทั้งในและต่างประเทศ ได้ชะลอคำสั่งต่อรถพ่วง รถกึ่งพ่วง และตัวถังรถบรรทุกจากบริษัทแล้วประมาณ 40% ภายในช่วงเวลาเพียงเดือนเดียว
อย่างไรก็ตาม นายสุรชัย เชื่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศยังดีอยู่ และเมื่อราคาน้ำมันนิ่งนักลงทุนก็จะกลับมาลงทุนและสั่งต่อรถกับเราเช่นเดิม
นายสุรชัย เปิดเผยถึงแผนขยายการลงทุนไปยังประเทศเวียดนามในปี 2549 ด้วยการสร้างโรงงานผลิตรถพ่วงและรถเทรเลอร์ด้วยว่า ยังคงดำเนินการต่อไป แม้ราคาน้ำมันที่ผันผวนในตลาดโลกจะมีผลต่อการตัดสินใจการลงทุนก็ตาม ทั้งนี้ เป็นเพราะตนเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของไทย และเศรษฐกิจที่ยังถือว่าดีอยู่ในเวียดนาม ดังนั้น ผลกระทบจากราคาน้ำมันจะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ
“การขยายการลงทุนของบริษัทฯอยู่ภายใต้สิทธิพิเศษของอาฟต้า และอยู่ภายใต้การศึกษาภูมิศาสตร์ในการลำเลียงสิน ค้าจากไทยไปยังเมือง ดานัง ประเทศเวียดนาม เพื่อส่งต่อไปยังสหรัฐ นอกจากนั้นในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังได้ศึกษาข้อมูลการลงทุนในเชิงลึกร่วมกับบริษัทที่เข้าไปรับเหมาก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันในเวียดนาม เพื่อศึกษาเกี่ยวกับระบบการขนส่งภายในเวียดนาม และกฎหมายทางการลงทุนรวมทั้งการมองหาคู่ค้าที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในอนาคตอีกด้วย” นายสุรชัย กล่าว
นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการบริษัท RCK รุ่งเจริญ จำกัด ผู้ผลิตรถพ่วง กึ่งพ่วง และตัวถังรถบรรทุกรายใหญ่ในภาคตะวันออก เปิดเผยถึงผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบธุรกิจขนส่งเท่านั้นในส่วนของ RCK รุ่งเจริญฯ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยขณะนี้ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งทั้งในและต่างประเทศ ได้ชะลอคำสั่งต่อรถพ่วง รถกึ่งพ่วง และตัวถังรถบรรทุกจากบริษัทแล้วประมาณ 40% ภายในช่วงเวลาเพียงเดือนเดียว
อย่างไรก็ตาม นายสุรชัย เชื่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศยังดีอยู่ และเมื่อราคาน้ำมันนิ่งนักลงทุนก็จะกลับมาลงทุนและสั่งต่อรถกับเราเช่นเดิม
นายสุรชัย เปิดเผยถึงแผนขยายการลงทุนไปยังประเทศเวียดนามในปี 2549 ด้วยการสร้างโรงงานผลิตรถพ่วงและรถเทรเลอร์ด้วยว่า ยังคงดำเนินการต่อไป แม้ราคาน้ำมันที่ผันผวนในตลาดโลกจะมีผลต่อการตัดสินใจการลงทุนก็ตาม ทั้งนี้ เป็นเพราะตนเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของไทย และเศรษฐกิจที่ยังถือว่าดีอยู่ในเวียดนาม ดังนั้น ผลกระทบจากราคาน้ำมันจะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ
“การขยายการลงทุนของบริษัทฯอยู่ภายใต้สิทธิพิเศษของอาฟต้า และอยู่ภายใต้การศึกษาภูมิศาสตร์ในการลำเลียงสิน ค้าจากไทยไปยังเมือง ดานัง ประเทศเวียดนาม เพื่อส่งต่อไปยังสหรัฐ นอกจากนั้นในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังได้ศึกษาข้อมูลการลงทุนในเชิงลึกร่วมกับบริษัทที่เข้าไปรับเหมาก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันในเวียดนาม เพื่อศึกษาเกี่ยวกับระบบการขนส่งภายในเวียดนาม และกฎหมายทางการลงทุนรวมทั้งการมองหาคู่ค้าที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในอนาคตอีกด้วย” นายสุรชัย กล่าว