xs
xsm
sm
md
lg

เรแกน

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช

อดีตประธานาธิบดีเรแกนถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบที่บ้านพักในลอสแองเจลิสด้วยวัยชรา 93 ปี เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนที่ 40 และเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดขณะที่เข้ารับตำแหน่ง แต่เขากลับมีภาพลักษณ์ของคนมองโลกในแง่ดีเหมือนคนหนุ่มที่ต้องการสร้างสังคมอเมริกันให้ฟื้นจากภาพความสิ้นหวังเพราะเรื่องร้ายต่างๆ ไม่ว่าจากคดีวอเตอร์เกต ความอัปยศกรณีอิหร่าน-คอนทรา หรือสงครามฝันร้ายในเวียดนาม
สังคมอเมริกากระหายฮีโร่ และคนอเมริกันก็เลือกฮีโร่ซึ่งโด่งดังมาจากการเป็นพระเอกภาพยนตร์ในฮอลลีวูดกว่า 50 เรื่อง เรแกนวาดความฝันใหม่ว่าอเมริกันชนจะต้องพลิกกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหนึ่งในยุคสมัยที่มีเขาเป็นผู้นำ
ประธานาธิบดีบุชซึ่งกล่าวอาลัยเรแกนขณะเดินทางไปร่วมในพิธีครบรอบ 60 ปี วันดีเดย์ และอยู่ในกรุงปารีสว่า ชีวิตของคนอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งได้จบสิ้นลงแล้ว ภายใต้การนำของเรแกน อเมริกาได้สิ้นยุคแห่งความแตกแยกที่เรากังวลสงสัยตัวเอง และเพราะความเป็นผู้นำของเรแกน โลกได้สิ้นยุคแห่งความกลัวและหมดยุคของทรราช
เรแกนมีอายุขัยมากกว่าอดีตประธานาธิบดีทุกคนที่ผ่านมา แต่เขาใช้ชีวิตบั้นปลาย ปลีกตัวเองออกนอกวงการเพราะป่วยด้วยโรคความจำเสื่อมยาวนานนับสิบปีจนจำคนในครอบครัวไม่ได้ ตั้งแต่ปี 1994 อาการความจำเสื่อมปรากฏชัดจากลายมือในจดหมายที่เขาเขียนว่าเขากำลังเผชิญกับโรคดังกล่าว ซึ่งทำให้คนอเมริกันที่ได้รับข่าวสารรู้สึกสงสารและเห็นอกเห็นใจเขามากโดยเรแกนเขียนไว้ว่า ผมกำลังเริ่มเดินทางที่จะนำไปสู่บั้นปลายของชีวิตของผมแล้ว แต่ผมก็รู้ดีว่าประเทศอเมริกาจะมีอาทิตย์อุทัยโผล่ขึ้นอีกเบื้องหน้า
ภรรยาของเขานางแนนซี เรแกน กล่าวว่าสภาพร่างกายของอดีตประธานาธิบดีเรแกน และสภาพทางจิตใจของเขาทรุดลงอย่างหนักในช่วงสุดท้าย
ขณะที่เรแกนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เขามีอายุ 69 ปี แต่ยังมีสุขภาพแข็งแรง สังกัดพรรครีพับลิกัน และเขาเรียกร้องต่อชาวอเมริกันทั้งมวลให้หันกลับไปยึดคุณค่าของประเพณีดั้งเดิมในยุคสมัยที่คนอเมริกันอยู่อย่างสมถะ โดยเขายืนยันว่าจะสร้างอรุณรุ่งของวันใหม่ที่ดีกว่าเดิมให้กับคนอเมริกันในยุคสมัยที่เขาเป็นผู้นำอยู่
เรแกนให้ภาพความฝันและให้คนมองโลกแง่ดีเหมือนกับยุคของอดีตรูสเวลส์ ให้ความเชื่อของสังคมแบบเมืองเล็กๆ แบบอดีตประธานาธิบดีไอเซ็นฮาว และเติมพลังชีวิตกระตือรือร้นแบบอดีตประธานาธิบดีเคเนดี้
ยุคแรกของเรแกนเขาประสบความสำเร็จในการฟื้นคืนความเชื่อมั่นให้กับคนอเมริกัน ซึ่งมั่นใจกับความเป็นผู้นำของตัวประธานาธิบดีด้วย ในสมัยที่สองในตำแหน่งเขาเป็นประธานาธิบดีที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามซึ่งน้อยคนจะได้รับกระแสหนุนเนื่องเยี่ยงที่เขาได้รับ
ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศที่เกิดขึ้น และเป็นประเด็นในยุคสมัยก็คือเรื่องอิหร่าน-คอนทรา แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความนิยมในตัวเขามากนัก
ในยุคสมัยของเขา เขาเปิดความสัมพันธ์พิเศษกับกอร์บา- ชอฟและเห็นการเปลี่ยนยุคสมัยในสหภาพโซเวียต กระทั่งเกิดความล่มสลายและเท่ากับเรแกนมีบทบาทต่อการยุติสงครามเย็น
ชีวิตส่วนตัวของเรแกนนั้นน่าสนใจ เขาเกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.1911 ในบ้านซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ ตั้งอยู่บนร้านค้าอาคารพาณิชย์ในหมู่บ้านแทมปิโก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐอิลลินอยส์ หลังจากนั้นครอบครัวก็ย้ายไปเมืองต่างๆ จนมาอยู่ที่เมืองไดสัน โดยพ่อมีร้านขายรองเท้า เรแกนจบโรงเรียนมัธยมที่นี่ พ่อของเรแกนเป็นชาวไอริชโรมันคาทอลิก ทะเยอทะยานสูง แต่ก็ติดเหล้า ส่วนแม่คือเนลล์ วิลสัน เรแกน เป็นลูกครึ่งสกอต-ไอริช ถือนิกายโปรเตสแตนต์ ให้ลูกๆ นับถือศาสนาเดียวกันและเธอสนใจการละคร
ครอบครัวเรแกนนั้นยากจนแต่ไม่ได้ขาดแคลน เรแกนเป็นคนชอบกีฬาและชอบการแสดงตั้งแต่อยู่โรงเรียน หลังจบการศึกษาครูแนะนำให้เขาเอาดีทางวิทยุกระจายเสียง และเขาก็ทำงานครั้งแรกกับสถานีวิทยุในเดเวนพอร์ทในไอโอวา พากย์รายการฟุตบอลมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นเขาได้รับค่าจ้างประจำเดือนละ 100 เหรียญ
บทเรียนจากวิทยุกระจายเสียงมีอิทธิพลต่อชีวิตในวัยเยาว์ของเขาอย่างยิ่ง ในเวลาต่อมาเขาย้ายไปทำงานวิทยุอีกสองสามแห่งจนกระทั่งพบเพื่อนซึ่งอยู่ในวงการภาพยนตร์ และแนะนำให้รู้จักนายหน้าที่พาไปเข้าทดลองทดสอบหน้ากล้องในช่วงปี 1937 โดยบริษัทภาพยนตร์แรกที่เซ็นสัญญา 7 ปี กับเรแกนคือบริษัทวอร์เนอร์- บราเธอร์ ให้สัญญากับเขา จ่ายเงินขั้นต้นสัปดาห์ละ 200 เหรียญ
เขาได้แสดงภาพยนตร์สำคัญๆ กับดาราชั้นนำ เช่น เบทท์ เดวิส, ฮัมพรีย์ โบการ์ท, เอรโรล ฟลินท์, วอลเลซ บีรี, ลีออเนล แบรีมอร์
เรแกนแต่งงานครั้งแรกกับดาราหญิงชื่อเจนไวแมนในปี 1940 ทั้งคู่มีลูกสาวคือมัวรีน และบุตรบุญธรรมไมเคิล หลังจากนั้น 8 ปี เรแกนกับภรรยาก็หย่าขาด ส่วนเรแกนก็ยังคงเคลื่อนไหวกับสมาคมวิชาชีพ ขณะที่อดีตภรรยาไม่สนใจในสมาคม และเป็นสาเหตุหนึ่งในการหย่าด้วย เรแกนนั้นอกหักและผิดหวังมากชีวิตเขาเปลี่ยนไปเกี่ยวกับเรื่องคู่ครอง กระทั่งความรักเกิดอีกครั้ง เมื่อมาพบและแต่งงานกับแนนซี่ เดวิส ซึ่งครองชีวิตจวบจนวันตาย แนนซี่ก็เป็นนักแสดงเช่นกัน และเธอสนใจการเมือง และให้คำปรึกษา เรแกนได้อย่างดี ทั้งคู่มีลูก 2 คน คือแพทริเซีย และโรนัลด์
จริงๆ แล้ว เรแกนไม่เคยเป็นดาราผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็เล่น ภาพยนตร์สำคัญๆ มาตลอด เขาทำงานกับสมาคมวิชาชีพ และอยู่ในตำแหน่งประธานบริหาร 5 สมัย ผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ ทั้งยุคอิทธิพลและยุคคอมมิวนิสต์ที่มีการกล่าวหากันมากมาย แต่ในยุคล่าหัวคอมมิวนิสต์ เรแกนปฏิเสธการระบุตัวบุคคลที่ถูกหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ แม้ว่านักประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์บางคนระบุว่าเรแกนเคยให้การเปิดเผยชื่อคนในทางลับ
เรแกนเคยเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตในปี 1962 เขาเปลี่ยนสมาชิกภาพและลงทะเบียนกับพรรครีพับลิกัน หลังจากนั้นก็ช่วยหาทุนสนับสนุนนายแบรี โกลด์วอเตอร์ ผู้สมัครประธานาธิบดี จากนั้นไม่กี่เดือนกลุ่มคนร่ำรวยในแคลิฟอร์เนียจัดตั้งคณะกรรมการสนับสนุนให้เขาเป็นผู้สมัครผู้ว่าการรัฐในปี 1966 และเขาได้รับเลือกอีกสมัยในปี 1970
เรแกน รณรงค์หาเสียงเป็นประธานาธิบดีในปี 1980 เขาเสนอแผนลดภาษีร้อยละ 30 ภายใน 3 ปี ลดการใช้จ่ายภาครัฐ และทำงบประมาณสมดุล และรัฐจะนำสวัสดิการกลับมาใช้อีก จะจัดแก้ไขรัฐธรรมนูญห้ามการทำแท้ง เขาได้รับชัยชนะท่วมท้นเหนืออดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น