นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการกิจการสตรี เยาวชน และผู้สูงอายุ วุฒิสภา กล่าวว่า เท่าที่อ่านผลสรุปจากคณะกรรมการฯ ชุดที่นายสุเมธ ตันติเวชกุล เป็นประธาน เป็นที่ชัดเจนแล้วว่านายอดิศัย โพธารามิก รมว.ศธ.ตัดตอนผลสรุปบางส่วนมาเปิดเผยและทำให้สังคมสับสนมากขึ้น
ส่วนเรื่องข้อสอบรั่วหรือไม่ ผลก็ออกมาชัดเจนเช่นกันว่า ไม่ได้รั่วในวงกว้าง และไม่แน่ใจว่ารั่วในวงแคบ จึงให้ตั้งกรรมการสอบวินัย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ตรงกับผลของวุฒิฯว่ารั่วในวงแคบ ที่สำคัญก็คือ คณะกรรมการฯ ระบุชัดเจนว่า พฤติกรรมร้ายแรงถึงขนาดมีการยกกฎหมายมากล่าวอ้าง แต่นายอดิศัยกลับตั้งกรรมการสอบ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศรเพียงแค่วินัยทั่วไปเท่านั้น
"กรณีที่ ศ.รตอ.วรเดชบอกว่า หากเปิดผลสรุปแล้ว ก็ให้เปิดเผยคำให้การของตัวเองจำนวน 12 หน้าด้วยนั้น ผมเห็นด้วย และไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาเปิด ถ้าอยากเปิดก็เป็นสิทธิโดยชอบธรรมที่จะเปิดได้เลย ไม่มีใครห้าม ทุกคนจะได้รู้ว่าปากคำที่ให้ไว้ตรงกันหรือไม่ ถึงเวลานี้น้ำตาคงจะช่วยอะไรไม่ได้ ไม่ต้องทำเหมือนนายกฯ ที่น้ำตาไหล ผมขอให้ทุกคนเปิดเผยความจริงออกมาโดยเร็ว ก่อนที่ สว.จะปล่อยทีเด็ดออกมา"
ด้าน พ.ญ.กมลพรรณ ชีวพันธุศรี ประธานเครือข่ายพ่อแม่และเยาวชนเพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังคงยืนยันว่า มีข้อสอบรั่วไหลไปยังบุคคลกลุ่มหนึ่งและมีเด็กจำนวนหนึ่งได้รับผลกระทบถูกเบียดที่นั่ง
ส่วนกรณีข้อมูลการสืบสวนระบุถึงการเปลี่ยนแปลงในผลการสอบความรู้ทั้ง 2 ครั้งในปีการศึกษา 2547 ไม่มีความแตกต่างหรือเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกตินั้น เป็นข้อมูลที่แตกต่างกับข้อมูลที่ทางเครือข่ายฯ มีอยู่ เพราะการเปรียบเทียบผลคะแนนทั้งสองครั้งในปีการศึกษา 2547 น่าจะไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากการสอบครั้งที่ 2/2546 มีคนสอบ 232,746 คน แต่การสอบครั้งที่ 1/2547 มีคนเข้าสอบเพียง 144,035 คน
ดังนั้น หากจะนำการสอบมาเปรียบเทียบกัน ต้องนำการสอบครั้งที่ 1/2546 มาเทียบกับการสอบครั้งที่ 1/2547 เพราะจำนวนผู้เข้าสอบมีจำนวนใกล้เคียงกัน คือครั้งที่ 1/2546 มีผู้เข้าสอบ 147,213 คน ส่วนการสอบครั้งที่ 1/2547 มีผู้เข้าสอบ 144,035 คน
"เมื่อนำคะแนนการสอบครั้งที่ 1/2547 และการสอบครั้งที่ 1/2546 มาเปรียบเทียบกันจะพบว่า ข้อมูลแตกต่างจากข้อมูลของนายสุเมธ กล่าวคือ ช่วงคะแนน 50.01-60 ในการสอบครั้งที่ 1/2546 มีคนสอบได้ 15,988 คน แต่ในการสอบครั้งที่ 1/2547 ซึ่งเป็นการสอบที่เชื่อว่ามีข้อสอบรั่วนั้น มีคนสอบได้ถึง 29,596 คน ช่วงคะแนน 60.01-70 ในการสอบครั้งที่ 1/2546 มีคนสอบได้ 2,733 คน แต่ในการสอบครั้งที่ 1/2547 ซึ่งเป็นการสอบที่เชื่อว่ามีข้อสอบรั่วนั้น มีคนสอบได้ถึง 10,051 คน ช่วงคะแนน 70.01-80 ในการสอบครั้งที่ 1/2546 มีคนสอบได้ 131 คน แต่ในการสอบครั้งที่ 1/2547 ซึ่งเป็นการสอบที่เชื่อว่ามีข้อสอบรั่วนั้น มีคนสอบได้ถึง 1,315 คน เหตุผลเหล่านี้ทำให้เชื่อมั่นว่าการสอบครั้งที่ 1/2547 นั้น รั่วแน่นอนและไม่ได้รั่วในวงแคบด้วย"
ขณะที่นายสุธรรม แสงประทุม รมช. ศธ.กล่าวว่า จริงๆ แล้วนายอดิศัยไม่ได้ขัดข้องที่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน เพียงแต่ติดขัดเรื่องกระบวนการ และก็ได้เปิดเผยในภาพรวม แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดตามที่เรียกร้องเท่านั้นซึ่งหากมีการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารก็ยินดีที่จะอำนวยความสะดวกให้ ส่วนอำนาจของรัฐมนตรีที่จะนำผลสรุปเอนทรานซ์ออกมาเปิดเผยได้หรือไม่นั้น นายอดิศัยเองก็ยังไม่แน่ใจว่าทำได้แค่ไหน แต่ก็ได้แถลงข่าว เพื่อทำให้เกิดความกระจ่าง
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้รมว.ศธ.อย่าพยายามทำให้เป็นประเด็นกฎหมายหรือต้องเถียงกันทางกฎหมายว่า จะต้องใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร เพราะเสียเวลา ในเมื่อทุกฝ่ายมีความบริสุทธิ์ใจก็ควรเปิดเผย ยกเว้นจะตอบได้จริง ๆ ว่า การเปิดเผยผลการสอบนี้จะส่งผลเสียหายต่อส่วนรวมอย่างไร
ส่วนเรื่องข้อสอบรั่วหรือไม่ ผลก็ออกมาชัดเจนเช่นกันว่า ไม่ได้รั่วในวงกว้าง และไม่แน่ใจว่ารั่วในวงแคบ จึงให้ตั้งกรรมการสอบวินัย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ตรงกับผลของวุฒิฯว่ารั่วในวงแคบ ที่สำคัญก็คือ คณะกรรมการฯ ระบุชัดเจนว่า พฤติกรรมร้ายแรงถึงขนาดมีการยกกฎหมายมากล่าวอ้าง แต่นายอดิศัยกลับตั้งกรรมการสอบ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศรเพียงแค่วินัยทั่วไปเท่านั้น
"กรณีที่ ศ.รตอ.วรเดชบอกว่า หากเปิดผลสรุปแล้ว ก็ให้เปิดเผยคำให้การของตัวเองจำนวน 12 หน้าด้วยนั้น ผมเห็นด้วย และไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาเปิด ถ้าอยากเปิดก็เป็นสิทธิโดยชอบธรรมที่จะเปิดได้เลย ไม่มีใครห้าม ทุกคนจะได้รู้ว่าปากคำที่ให้ไว้ตรงกันหรือไม่ ถึงเวลานี้น้ำตาคงจะช่วยอะไรไม่ได้ ไม่ต้องทำเหมือนนายกฯ ที่น้ำตาไหล ผมขอให้ทุกคนเปิดเผยความจริงออกมาโดยเร็ว ก่อนที่ สว.จะปล่อยทีเด็ดออกมา"
ด้าน พ.ญ.กมลพรรณ ชีวพันธุศรี ประธานเครือข่ายพ่อแม่และเยาวชนเพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังคงยืนยันว่า มีข้อสอบรั่วไหลไปยังบุคคลกลุ่มหนึ่งและมีเด็กจำนวนหนึ่งได้รับผลกระทบถูกเบียดที่นั่ง
ส่วนกรณีข้อมูลการสืบสวนระบุถึงการเปลี่ยนแปลงในผลการสอบความรู้ทั้ง 2 ครั้งในปีการศึกษา 2547 ไม่มีความแตกต่างหรือเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกตินั้น เป็นข้อมูลที่แตกต่างกับข้อมูลที่ทางเครือข่ายฯ มีอยู่ เพราะการเปรียบเทียบผลคะแนนทั้งสองครั้งในปีการศึกษา 2547 น่าจะไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากการสอบครั้งที่ 2/2546 มีคนสอบ 232,746 คน แต่การสอบครั้งที่ 1/2547 มีคนเข้าสอบเพียง 144,035 คน
ดังนั้น หากจะนำการสอบมาเปรียบเทียบกัน ต้องนำการสอบครั้งที่ 1/2546 มาเทียบกับการสอบครั้งที่ 1/2547 เพราะจำนวนผู้เข้าสอบมีจำนวนใกล้เคียงกัน คือครั้งที่ 1/2546 มีผู้เข้าสอบ 147,213 คน ส่วนการสอบครั้งที่ 1/2547 มีผู้เข้าสอบ 144,035 คน
"เมื่อนำคะแนนการสอบครั้งที่ 1/2547 และการสอบครั้งที่ 1/2546 มาเปรียบเทียบกันจะพบว่า ข้อมูลแตกต่างจากข้อมูลของนายสุเมธ กล่าวคือ ช่วงคะแนน 50.01-60 ในการสอบครั้งที่ 1/2546 มีคนสอบได้ 15,988 คน แต่ในการสอบครั้งที่ 1/2547 ซึ่งเป็นการสอบที่เชื่อว่ามีข้อสอบรั่วนั้น มีคนสอบได้ถึง 29,596 คน ช่วงคะแนน 60.01-70 ในการสอบครั้งที่ 1/2546 มีคนสอบได้ 2,733 คน แต่ในการสอบครั้งที่ 1/2547 ซึ่งเป็นการสอบที่เชื่อว่ามีข้อสอบรั่วนั้น มีคนสอบได้ถึง 10,051 คน ช่วงคะแนน 70.01-80 ในการสอบครั้งที่ 1/2546 มีคนสอบได้ 131 คน แต่ในการสอบครั้งที่ 1/2547 ซึ่งเป็นการสอบที่เชื่อว่ามีข้อสอบรั่วนั้น มีคนสอบได้ถึง 1,315 คน เหตุผลเหล่านี้ทำให้เชื่อมั่นว่าการสอบครั้งที่ 1/2547 นั้น รั่วแน่นอนและไม่ได้รั่วในวงแคบด้วย"
ขณะที่นายสุธรรม แสงประทุม รมช. ศธ.กล่าวว่า จริงๆ แล้วนายอดิศัยไม่ได้ขัดข้องที่จะเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อสาธารณชน เพียงแต่ติดขัดเรื่องกระบวนการ และก็ได้เปิดเผยในภาพรวม แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดตามที่เรียกร้องเท่านั้นซึ่งหากมีการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารก็ยินดีที่จะอำนวยความสะดวกให้ ส่วนอำนาจของรัฐมนตรีที่จะนำผลสรุปเอนทรานซ์ออกมาเปิดเผยได้หรือไม่นั้น นายอดิศัยเองก็ยังไม่แน่ใจว่าทำได้แค่ไหน แต่ก็ได้แถลงข่าว เพื่อทำให้เกิดความกระจ่าง
ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้รมว.ศธ.อย่าพยายามทำให้เป็นประเด็นกฎหมายหรือต้องเถียงกันทางกฎหมายว่า จะต้องใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร เพราะเสียเวลา ในเมื่อทุกฝ่ายมีความบริสุทธิ์ใจก็ควรเปิดเผย ยกเว้นจะตอบได้จริง ๆ ว่า การเปิดเผยผลการสอบนี้จะส่งผลเสียหายต่อส่วนรวมอย่างไร