xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดกามารมณ์ในประเทศไทย-สินค้าที่ไม่ต้องโฆษณา

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตวันรอน

พรรคพวกผมคนหนึ่ง เป็นชาวสุพรรณบุรีรุ่นก่อนเสือฝ้ายและเสือมเหศวร เป็นคนมีฐานะดีและมีการศึกษาทันสมัยคนหนึ่ง เขาเกิดมาร่วมรุ่นกับ "ยาขอบ" และนักประพันธ์ดังๆ ในรุ่นนั้น เขามีความรู้ความสามารถทุกอย่างในการดำเนินธุรกิจและดำเนินชีวิต แต่เรื่องเดียวเท่านั้นที่เขาไม่ประสบความสำเร็จและรับรองกับผมว่าเขาโง่เต็มที่ที่จะจัดการในเรื่องที่ว่าเพื่อแสวงหาประโยชน์จากมัน

"ผู้หญิงว่ะ" เขาบอกผมอย่างตรงไปตรงมา "ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ได้" เขาพูดเหมือนจะถามตัวเอง

"ขนลุกซู่ขึ้นมาทันที" เขาบอกต่อ "ตัวมันแข็งทื่อไปหมด ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เพียงแต่ได้กลิ่นเท่านั้นก็เหมือนถูกสะกดจิต"

ผู้หญิงที่เขาพูดถึง ความจริงไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กด้วยกัน อยู่หมู่บ้านเดียวกัน ไปวัดเดียวกัน แต่เมื่อตอนที่เขาเริ่มเป็นหนุ่มและฝ่ายหญิงก็เริ่มเป็นสาวเต็มตัวขึ้นมา เมื่อพบปะเจอหน้ากันแล้ว ตัวมันแข็งขึ้นมาเฉยๆ เหมือนเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์แม้แต่เพียงได้กลิ่นสาวของหล่อนเท่านั้น เขาเล่าให้ผมฟังอย่างน่าสนใจว่า "ตัวมันแข็งไปหมดๆ พูดอะไรไม่ออกนอกจากทักทายอุบอิบ แล้วก็เดินผ่านกันไป ดูเหมือนผู้หญิงเขาก็จะเหมือนกันกับเรา เพราะคนที่เรารู้สึกชอบ"

นั่นเป็นเรื่องของคนไทย เฉพาะหนุ่มสาวสมัยก่อนหรือเมื่อประมาณ 40 ปี 50 ปีมาแล้ว

เรื่องของหนุ่มสาวหรือผู้หญิงผู้ชายที่ติดต่อกันด้วยความรู้สึกของคนหนุ่มคนสาวในสมัยนั้น ถ้าจะพูดว่ามันเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ที่มีระเบียบประเพณีเคร่งครัดก็ไม่ผิด ไม่มีอะไรจะง่ายเหมือนทุกวันนี้

ดูเหมือนผมเป็นเด็กยุคนั้น ยังทันรู้จักและได้เห็นสภาพเช่นนี้ของคนไทย

ซึ่งมีระเบียบประเพณี ข้อห้ามและธรรมเนียมที่ไม่ยอมให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายเป็นเรื่องเปรี้ยวหวานมันเค็มอย่างทุกวันนี้

ผู้หญิงผู้ชายสมัยก่อน แม้แต่มีโอกาสได้พูดคุยกันสักสองสามประโยคเท่านั้น ต่างก็จะตื่นเต้นและจดจำกันไปนานวัน
หรือเมื่อสมัย 20 กว่าปีก่อนนั้น ประเพณีก็ยังยึดถือกันเคร่งครัดอยู่มากในภาคเหนือ ซึ่งถือกันว่าผู้หญิงผู้ชายจะไปแตะเนื้อต้องตัวกันหรือเกี้ยวพาราสีอะไรกันเพราะความรักความใคร่ไม่ได้เพราะถือว่า "ผิดผี"

แต่เดี๋ยวนี้ทำได้ทุกอย่างเหมือนในกรุงเทพฯ และในเมืองใหญ่ เพราะปรากฏว่าผีทุกประเภทไม่กลัวผิดอะไรไปหมดทั่วทั้งภาคเหนือมาหลายปีแล้ว

ในภาคใต้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ชายหนุ่มหญิงสาวที่ไปแสดงว่ารักใคร่ชอบพอหรือเจรจากันในทำนองชู้สาวใดๆ ไม่ได้เป็นอันขาด ในงานทำบุญทำทานชุมนุมชนที่ผู้ชายมักจะถือโอกาสไปยืนเกาะแกะอยู่ข้างหลังผู้หญิง ขอให้ระวังเอาไว้ด้วยว่าไม่ช้าก็จะต้องหลั่งเลือดกันขึ้นง่ายเพราะจะมีการฟันแทงหรือ "เฉียงหัว" กันอย่างไม่ปรานีทีเดียว แม้แต่ถึงตายก็ยอมทำกัน นั่นถือว่าไม่เป็นเพียงการทำผิดประเพณีเท่านั้นแต่ถือว่าเป็นการดูถูกครอบครัวญาติพี่น้องและฝ่ายหญิงด้วย

เอากันให้ตายไปเลย ไม่มีการให้อภัย

แต่ทุกวันนี้ ประเพณีที่ว่านั้นลืมกันหมดแล้ว

ในโรงงานอาบอบนวดทั่วประเทศซึ่งเมื่อสมัยก่อนจะหาผู้หญิงปักษ์ใต้ไปเป็นหมอนวดเหมือนผู้หญิงภาคอื่นนั้นจะหาไม่พบ แต่เดี๋ยวนี้พอมีบ้างแล้ว

หลานชายผมซึ่งมีลูกมีเมียไปเรียบร้อยแล้ว เขาพูดตรงข้ามและบอกผมว่า "ไม่เห็นมันอัศจรรย์อะไร เจอหน้ากันก็กวักมือเรียกพาเข้าโรงแรมหรือขึ้นเบาะหลังรถยนต์ไปที่ไหนก็ได้ ไม่กี่สตางค์เลย"

เป็นยังงั้นไป

"ไม่ตื่นเต้นอะไรเลยหรือ?"

"ทำไมจะต้องตื่นเต้นวุ่นวาย ผู้หญิงทุกวันนี้มีไม่กี่คนหรอกที่ยังมีความอายอะไรต่ออะไรอยู่ ขนาดสะดือของหล่อนแม่ผมเคยบอกว่าอย่าให้ใครเห็นเป็นอันขาดนอกจากผัว เพราะสะดือที่ปล่อยให้คนเห็นนั้น นอกจากผู้หญิงแขกแล้วเขาปิดกันเด็ดขาดเพราะมันบอกถึงโชควาสนาและความอุบาทว์จัญไรของเจ้าของ แต่ผู้หญิงไทยทุกวันนี้เฉพาะพวกเอ๊าะๆ นั่นปลิ้นออกมาอวดกันเฉยเลย บางคนสะดือขนาดหัวแม่ตีนเด็กยังเปิดออกมาโชว์ ไม่มีใครตื่นเต้นหรือต้องทำตัวเแข็งอะไรอย่างว่าเมื่อเห็นหน้าผู้หญิงทุกวันนี้"

ผมเป็นคนรุ่นเก่าและโบราณมาก และเฉพาะอย่างยิ่งไม่ค่อยได้ออกเที่ยวสัพเพเหระเหมือนสมัยหนุ่มๆ ที่ผู้ชายเห็นผู้หญิงแล้วยังตัวแข็งกันอยู่เพราะความประหม่า ก็ไม่ค่อยจะรู้และไม่ค่อยจะเข้าใจว่าการพบปะผู้หญิงและต้องการผู้หญิงขึ้นมานั้นผู้ชายจะต้องทำอย่างไรบ้าง?

"โรงแรมม่านรูดมีอยู่ทุกมุมถนน หอพักที่ผู้หญิงต่างจังหวัดมาเช่าพักนอนกันทั้งที่มาเรียนหนังสือและมาหางานทำกันหรือมาหาเงิน ผมไม่เห็นมันยาก" หนุ่มคนนั้นบอกต่อ "ไม่ว่าจะเป็นบาร์ คลับ หรือคาราโอเกะหาได้ทั้งนั้น เจอหน้าก็กวักมือเรียกเท่านั้นก็เรียบร้อย ขอให้มีเงินติดกระเป๋าเท่านั้นเป็นพอ"

เขายืนยันว่าชีวิตเขาจะไม่มีวันเดือดร้อนเรื่องผู้หญิง และจะไม่มีปัญหาอะไรในครอบครัว เพราะเมียน้อยที่มีพวกผู้หญิงสิ้นคิดมักจะโวยวายกันอยู่ทั่วไปนั้น มันจะไม่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาหรือจะไม่เป็นอันตรายอะไรกับเมียของเขา
"ถ้างั้นทำไมผู้ชายบางคนมันถึงอยากมีเมียน้อยหรือต้องมีเมียน้อยกัน?" ผมขอความเห็น

"เรื่องเมียน้อยไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ" เขารีบต่อ "ร้ายกว่านี้ก็ยังมีคนนิยมทำสวิงกิ้งไงละ ที่เขาแลกผัวแลกเมียนอนกันนั่นกำลังได้รับความนิยมมากเวลานี้ ร้ายยิ่งกว่ามีเมียน้อยผัวน้อยเป็นไหนๆ ถ้าผู้หญิงคนไหนหรือผู้ชายคนไหนมัวมานั่งบ้าเรื่องผัวน้อยเมียน้อยอยู่นี่ไม่ต้องทำอะไรกันหรอก ไม่ช้ามันก็จะบ้ากันทั้งเมือง"

ผมได้ยินมาบ้างแต่ไม่เคยทำหรือไม่เคยทดลองหรือไม่เคยคิดว่าจะทดลอง แต่ก็รู้ว่าเมืองไทยสังคมไทยทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง การเปลี่ยนแปลงประการแรกก็คือ การเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เหลือซากของระเบียบประเพณีและขนบธรรมเนียมของสังคมที่เราเคยยึดถือเคร่งครัดกันมาทุกด้าน แม้แต่เรื่องผัวเมียและกามารมณ์สังคมไทยก็เป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ในด้านความสำส่อนทางกามารมณ์ไป

เรียบร้อยแล้วและไม่มีทางเรียกกลับคืนมาได้อีก เพราะการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มีศีลธรรมและมีขอบเขตมาเป็นสังคมเห็นแก่ตัวที่ทุกคนจะพยายามทำกันเพื่อให้ทุกคนบรรลุความต้องการในชีวิตสมัยใหม่ที่จะได้มาจากการทำความชั่วทุกชนิด

"ไม่ครับ ไม่ได้เกลียดอะไรเมียหลวง แต่เป็นเพราะอยู่กันมานาน มันเกิดความชินต่อกัน นั่นก็เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้องการมีเมียน้อย" หลานชายคนเดิมที่มีชีวิตอยู่ด้วยการกวักมือซื้ออีหนูเข้าโรงแรมตามปกติอธิบาย "มันซ้ำซาก ตื่นมาก็อาจจะเจอเมียสั่งสอนหรือจะไปทำอะไรมาหน่อยก็สั่งสอน หรือถ้ามีหนี้มีสิน ผัวหาไม่ทันก็ต้องบ่น แต่เมียน้อยมันจะไม่มีใครบ่นในเรื่องพวกนี้ อะไรเกิดขึ้นก็ช่างขอให้ได้เป็นเมียน้อยอย่างเดียวก็พอ"

ผมพอจะมองเห็นความจริงในเรื่องนี้ เพื่อนฝูงบางคนที่เป็นนักเบื่อเมียหลวงเคยบอกผมว่าเขาเบื่อผู้หญิงที่เป็นเมียของเขา เพราะหล่อนจะยุ่งอะไรกับเขามากยิ่งกว่าแม่ที่เคยยุ่งกับเขามาเป็นไหนๆ

พรรคพวกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนมีเงิน มีชื่อเสียง เป็นนักเรียนนอก เวลาออกไปนอกบ้านเขาจะหิ้วคนใช้หรือแม่บ้านคนหนึ่งติดรถไปด้วยทุกครั้ง ผมเคยถามว่าเพราะอะไร เขาไม่ยอมหิ้วคุณนายที่บ้านไปแม้แต่ครั้งเดียว

เขาจะตอบสั้นๆ ว่า "ไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรต้องรำคาญ ไม่เคยบ่น ไม่เคยว่า ไม่เคยพูดเรื่องอะไร เธอคอยฟังและคอยรับใช้อย่างเดียว"

เขาอธิบายว่า ชีวิตนักธุรกิจและคนมีเงินอย่างเขานั้น วันๆ ที่ออกไปนอกบ้านหรือไปพบปะอะไรกับใครต่อใคร มันจะทำให้เขามึนหัวและเหน็ดเหนื่อยเพราะปัญหาต่างๆ มาแล้วตลอดวันตลอดเดือน เมื่อกลับมาถึงบ้าน แม้แต่จะออกไปงานศพ ภรรยาของเขาจะเป็นคนเลือกเสื้อผ้า ถุงเท้าและอะไรต่ออะไรให้ทุกอย่างแล้วจะคอยสั่งสอนบอกกล่าวให้เขาต้องใช้ชุดนั้นชุดนี้ว่าเพราะอะไรเป็นอะไร ทุกอย่างในชีวิตแม้แต่ถุงเท้าที่จะใส่ไปงานศพแม่บ้านของเขาก็จะออกคำสั่งหรือบังคับบัญชาไปหมด อยู่กับเด็กนี้สบายกว่า ไม่มีปากมีเสียง

ความสัมพันธ์ในชีวิตระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายหรือคนที่จะต้องเป็นผัวเป็นเมียนั้น มันก็เหมือนลักษณะต่างๆ ในชีวิตของมนุษย์ทุกคนคือ มันเปลี่ยนแปลงได้ มันไม่จีรังยั่งยืน การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดจากผลสองประการคือ การกระตุ้นของฮอร์โมนเพศที่กระตุ้นความใคร่ขึ้นมา การบำบัดความใคร่นั้นจะทำกันได้เพราะรสนิยมของผู้หญิงผู้ชายแต่ละคู่ที่ครองกันหรือไปด้วยกันได้ นั่นทำให้เกิดการสมสู่หรือการเป็นผัวเป็นเมียที่ทำให้เกิดหน้าที่ที่จะเป็นผัวเป็นเมียกัน ซึ่งผู้หญิงโง่ๆ หลายคนก็ทึกทักเอาว่ามันยั่งยืน เป็นภัยมหาภัยต่อเมียหลวงและดูเหมือนว่าชาติบ้านเมืองจะต้องล่มจมไปเพราะเมียน้อยนี่เอง ความจริงรสนิยมหรือความพอใจใดๆ มันก็เปลี่ยนแปลงได้ มันไม่ยั่งยืน

นี่เป็นต้นเหตุหนึ่งที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และความต้องการใหม่ที่ซ้ำซากจำเจ ไม่ว่าจะถึงกับสวิงกิ้งคือการแลกเปลี่ยนไปหรือกวักมือเรียกขึ้นโรงแรมก็ทำกันในบรรดามนุษย์ทั่วทั้งโลก

ทำกันมาแล้วและจะทำกันต่อไป?

ในประเทศคอมมิวนิสต์ ผมเองก็เคยคิดว่าผู้หญิงในระบอบคอมมิวนิสต์จะต้องถือตัวอย่างเคร่งครัดที่ผู้ถือว่าผู้หญิงมีศักดิ์ศรีจะต้องรักษาศักดิ์ศรีอย่างยิ่งยวด แต่ในสมัยที่คอมมิวนิสต์เอาเป็นเอาตายอยู่ในรัสเซีย ผมเคยไปที่นั่น พบว่าผู้หญิงรัสเซียไม่เคยยี่หระกับการขายตัวและเป็นโสเภณีอย่างที่คิด ยิ่งตอนนี้ ผู้หญิงในประเทศคอมมิวนิสต์ทุกประเทศออกไปขายตัวกันมากมาย เพราะถือว่ามันเป็นการทำมาหากินที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายนักและไม่มีข้อผูกมัดว่าจะต้องเป็นเมียน้อยใคร

เช่นเดียวกับในเมืองไทย การที่ผู้หญิงคนใดคนหนึ่งจะต้องไปเป็นเมียน้อยใครนั้น เพราะเลือกไม่ได้หรือไม่มีทางเลือกทางอื่น ในขณะที่ฝ่ายชายเบื่อเมียหลวงหรือเบื่อความซ้ำซากจำเจก็ต้องการรสชาติและอนิจธรรมใหม่ ซึ่งในไม่ช้ามันก็จะเปลี่ยนแปลงไป ก็ต้องการปลดปล่อยความใคร่ด้วยความร่วมมือของผู้หญิงที่มีรสนิยมตรงกัน นั่นประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง ฝ่ายที่มาเป็นเมียน้อยนั้น อาจจะต้องมาใช้เวรใช้กรรมอะไรสักอย่างหนึ่งตามที่โบราณว่าหรือที่สำคัญที่สุดหล่อนเกิดได้รับความเห็นอกเห็นใจจากผู้ชายที่จะมาทำให้เธอต้องเป็นเมียน้อย ก็ต้องยอมรับไปตามเวรตามกรรม มันไม่มีอะไรเสียหายแต่มันเป็นเพราะไม่มีทางเลือกหรือไม่มีโอกาสเลือกเป็นอย่างอื่น เพราะทั้งหมดมันเป็นกรรมเวรของมนุษย์และที่สำคัญมันเป็นกิเลสของมนุษย์

แต่เมื่อพูดเรื่องของมนุษย์ และอาจจะเป็นเรื่องที่ใหญ่โตเกินไปไม่ว่าสำหรับใคร แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือว่าปัญหาความสำส่อนและกามารมณ์นี้เป็นปัญหาที่ใหญ่หลวงมากที่สุดสำหรับคนไทยและสังคมไทยในปัจจุบัน เพราะในประวัติศาสตร์และความเป็นมานั้น ไม่เคยมียุคไหนสมัยไหนที่สังคมของเราต้องอยู่กับความชั่วและความฟอนเฟะทางด้านความสำส่อนและกามารมณ์อันเป็นต้นเหตุของเมียน้อยเมียหลวงอย่างที่มีคนเป็นทุกข์เป็นร้อนกันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นเพียงปลายเหตุของทุกสาเหตุ

การแก้ปัญหานี้ไม่ใช่การแหกปากโวยวายหรือแสดงอภินิหารใดๆ เพื่อหาชื่อเสียง แต่สิ่งที่จะต้องทำกันนั้นคือจะใช้สติสัมปชัญญะชนิดไหนและสติปัญญาประการใดแก้ไขต้นตอของปัญหานี้

เฉพาะอย่างยิ่งการกู้คืนวัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ของเรากลับคืนมาเพื่อเป็นแบบอย่างแก่ลูกหลานคนรุ่นหลังกันต่อไป
จะมีปัญญาทำกันตรงนี้ไหม?

เฉพาะอย่างยิ่ง ผู้คนที่ดัดจริตอ้างว่าตนเองคือ นักการเมืองผู้มีเกียรติของเรา
กำลังโหลดความคิดเห็น