สองสัปดาห์ที่ผ่านมามีโอกาสไปเยี่ยมเยือนนิวซีแลนด์ ประเทศที่ตอนนี้กำลังพยายามเปิดตลาดการท่องเที่ยวแบบเดียวกับที่เราทำอยู่
ไปท่องๆ มาพักหนึ่งก็ได้ข้อสรุปว่า นิวซีแลนด์นั้นจุดแข็งก็มีอยู่มาก นั่นคือ เรื่องของสภาพธรรมชาติที่เขียวฉอุ่มสวยงามเหลือเกิน แต่ข้อด้อยก็มีมากเหมือนกัน โดยเฉพาะสภาพเขียวชอุ่มนั้นดูกันมากๆ ก็เกิดอาการเอียน
มิติของความสนุกนั้นสู้เมืองไทยไม่ได้แม้แต่น้อย
แต่เมืองที่ดูอุดมไปด้วยความสงบแบบนี้ก็มักจะมีของดีแทรกอยู่เรื่อย ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นซีดีคลาสสิกในร้านหนึ่งที่ผมมีโอกาสไปเจอมา
ราคาของที่นี่ไม่ถูกเลยเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์นิวซีแลนด์ที่ราคาตอนนี้เกือบ 26 บาท แต่เมื่อเห็นของที่ร้านเขาวางขายก็ต้องยอมรับละครับว่า ไม่จ่ายไม่ได้
ผมเคยเขียนถึงสังกัดเพลงคลาสสิกชื่อดังอย่าง Naxos หลายต่อหลายครั้งฐานที่เป็นสังกัดซึ่งเอาจริงเอาจังกับการแสวงหาผลงานเพลงคลาสสิกจากหลากศิลปิน มิใช่จำกัดอยู่เพียงแค่กลุ่มศิลปินชื่อดังจากยุคโรแมนติกอาทิ เบโธเฟน ไชคอฟสกี้ โชแปง หรือ บราห์มส์ เท่านั้น
Naxos นั้นอุดมไปด้วยเพลงหลากยุค และนักแต่งเพลงชื่อเล็กๆ แต่ผลงานนั้นไม่เล็กมาด้วยเพียบไปหมด และเพราะเขามักจะจ้างวงดนตรีที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง แต่คุณภาพมักจะคับอ่างอยู่เสมอ ผลก็คือซีดีของ Naxos มักจะมีราคาที่ถูกกว่าชาวบ้าน
ยกตัวอย่างง่ายๆ ที่เยอรมันนั้น Naxos จะถูกกว่าคู่แข่งราวๆ สามเท่าเสมอ
แต่ก็อีกละครับเมื่อมันถูก คุณภาพของการบันทึกหรือการบรรเลงบางชุดก็ไม่ได้อยู่ในขั้นที่น่าจะแนะนำเสมอไป
แต่สำหรับผลงานฝีมือของนักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า คอสแซก ยามาดะ (Koscak Yamada) ชื่อผลงานนั้นน่าฟังเป็นยิ่งนัก เมื่อฟังแล้วก็ต้องยอมรับว่า Triumph and Peace เป็นงานที่ไม่แนะนำไม่ได้ครับ
ผมเองแทบจะไม่เคยเขียนถึงงานของนักแต่งเพลงคลาสสิกจากญี่ปุ่นเลย ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าไม่เคยฟัง อีกส่วนหนึ่งก็เพราะว่าไม่มีคนเอาเข้ามาขาย เพราะ เข้าใจว่า เพลงญี่ปุ่นนั้น ในสายตาของคนนำเข้าจะไม่เคยมีคำว่าเพลงคลาสสิกอยู่ในสายตาเลย จะมีก็แต่ป็อปไอดอลทั่วไปเท่านั้น
ผมเลือกงานของยามาดะมาฟัง ด้วยความที่ไม่เคยฟังมาก่อน แต่เพียงแค่ 3 นาทีที่ได้ฟัง ผมบอกกับตัวเองว่า นี่คืองานที่ชวนขนลุกขนพองมากที่สุดชิ้นหนึ่ง บอกตามตรงครับว่า ญี่ปุ่นน่าจะผงาดได้สบายๆ ในวงการเพลงคลาสสิกโลก กับงานที่สวยงาม ทรงพลัง และ อ่อนหวานเจือสีสันของตะวันออกแบบนี้
ที่น่าทึ่งก็คือ นี่คือ ผลงานเพลงจากนักแต่งเพลงญี่ปุ่นคนแรกที่เป็นเพลงคลาสสิกและแต่งแบบตะวันตกนะครับ
ยามาดะนั้นทำไมมีชื่อคอสแซ็กขึ้นหน้าแบบเดียวกับพวกฮังการีก็ไม่ทราบ เพราะ ตะแกเป็นญี่ปุ่นพันธุ์แท้เลยทีเดียว เพราะเกิดกันเมื่อ 9 มิถุนายน 1886 ตามประวัติบอกว่า พ่อของยามาดะเป็นซามูไรรับใช้ตระกูลมิกาวะ แต่พอระบบโชกุนล่มสลาย แกก็เลยเปลี่ยนตัวเองมาเป็นนักเก็งกำไรที่ดินซะเลย ซึ่งก็ได้ผลเพราะความมั่งคั่งนั้นทำเอาราศีเศรษฐีจับตระกูลยามาดะทีเดียว
หลังจากรวบรวมเงินได้ก้อนใหญ่ บ้านยามาดะก็ย้ายไปอยู่ที่โยโกซูนะ จากนั้นก็ไปเปิดร้านหนังสือ ตอนนั้นคอสแซ็กเกิดพอดี บรรยากาศอบอวลด้วยร้านหนังสือ แถมอยู่ใกล้โบสถ์อีกด้วย ก็เลยทำให้เขาวิ่งเข้าวิ่งออกที่จะเป็นนักร้องเสียงประสานตัวน้อยในโบสถ์อยู่หลายปีทีเดียว และเมื่อรู้ว่าตัวเองชอบอะไร คอสแซกก็เลยเข้าไปอยู่ในวงดุริงยางค์ของเมือง แต่ความสุขช่วงนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะ จู่ๆ ร้านหนังสือก็โดนไฟไหม้และทำให้แกต้องย้ายกลับมาโตเกียวตั้งแต่ 7 ขวบ
พอ 9 ขวบ ชีวิตของคอสแซ็กก็เริ่มผจญภัย แกเรียนไปด้วยทำงานเรียงพิมพ์ไปด้วย จนปอดฉีกเพราะหมึกพิมพ์ไช พักรักษาตัวไปสองปี แกก็พรวดมาเป็นเด็กขายของอยู่ชานชาลารถ เวลาว่างเยอะขึ้นแกก็คอยแต่งเพลงไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายพี่เขยแสนดีเห็นแกเอาจริง ก็เลยจัดการส่งแกเข้าโรงเรียนจริงๆ จังๆ เสียที
ผมว่าประสบการณ์เยอะนี่แหล่ะที่ทำให้เพลงของ ยามาดะมีสีสันที่แปลกแต่งามและร่าเริงอย่างบอกไม่ถูก
แต่ฝันของยามาดะกว่าจะเป็นจริงก็นาน เพราะ ถึงแกอยากจะเป็นนักแต่งเพลง แต่คุณครูเขาดันเห็นว่าแกเอาดีทางการเป็นนักร้องจะดีกว่าก็เลยฝึกแกเป็นนักร้องอย่างเดียว แถมโรงเรียนที่เรียนก็ไม่ยักมีหลักสูตรการแต่งเพลงจริงๆจังๆ โชคดีที่แววแกออก คุณครูคนหนึ่งสอนแกเล่นเชลโล่ก็เลยแนะให้ไปหาทุนเรียนที่เยอรมันซะเลย เพราะจะว่าไปตอนนั้นความสัมพันธ์ของเยอรมันกับญี่ปุ่นก็ดีๆ กันอยู่ สุดท้ายเมื่อเมษา 1910 ยามาดะก็เลยได้ไปเรียนที่เบอร์ลินสมใจ แถมคุณครูของแกก็ระดับ มากซ์ บรุ๊คส์ เสียด้วยซิครับ
กลิ่นอายของเพลงยามาดะนั้นก็เลยติดสำนักเยอรมันมาเต็มเปี่ยม แล้วใครๆ ก็ทราบดีว่าเพลงสำนักเยอรมันนั้น ฟังดูอลังการ์ขนาดไหน ยิ่งมาเจอกับเมโลดี้ของญี่ปุ่นที่แกพยายามเอามาใส่ด้วยแล้ว งานนี้มีปลื้มครับ
เขาว่างานของยามาดะนั้นหายไปเยอะสมัยเมื่อปี 1945 เพราะ สัมพันธมิตรเอาระเบิดมาโปรยในโตเกียว บ้านของยามาดะนั้นโดนเข้าไปเต็มๆ โน้ตเพลงแกก็เลยถูกเผาไปเยอะเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่
แต่โชคดีที่ Triumph and Peace ไม่โดนเผาไปด้วย
คราวหน้าจะมาบรรยายให้ฟังว่า ทำไมงานชิ้นนี้ถึงควรจะต้องดิ้นรนไปหามาฟังให้ได้ครับ
                                                                            
                                ไปท่องๆ มาพักหนึ่งก็ได้ข้อสรุปว่า นิวซีแลนด์นั้นจุดแข็งก็มีอยู่มาก นั่นคือ เรื่องของสภาพธรรมชาติที่เขียวฉอุ่มสวยงามเหลือเกิน แต่ข้อด้อยก็มีมากเหมือนกัน โดยเฉพาะสภาพเขียวชอุ่มนั้นดูกันมากๆ ก็เกิดอาการเอียน
มิติของความสนุกนั้นสู้เมืองไทยไม่ได้แม้แต่น้อย
แต่เมืองที่ดูอุดมไปด้วยความสงบแบบนี้ก็มักจะมีของดีแทรกอยู่เรื่อย ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นซีดีคลาสสิกในร้านหนึ่งที่ผมมีโอกาสไปเจอมา
ราคาของที่นี่ไม่ถูกเลยเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์นิวซีแลนด์ที่ราคาตอนนี้เกือบ 26 บาท แต่เมื่อเห็นของที่ร้านเขาวางขายก็ต้องยอมรับละครับว่า ไม่จ่ายไม่ได้
ผมเคยเขียนถึงสังกัดเพลงคลาสสิกชื่อดังอย่าง Naxos หลายต่อหลายครั้งฐานที่เป็นสังกัดซึ่งเอาจริงเอาจังกับการแสวงหาผลงานเพลงคลาสสิกจากหลากศิลปิน มิใช่จำกัดอยู่เพียงแค่กลุ่มศิลปินชื่อดังจากยุคโรแมนติกอาทิ เบโธเฟน ไชคอฟสกี้ โชแปง หรือ บราห์มส์ เท่านั้น
Naxos นั้นอุดมไปด้วยเพลงหลากยุค และนักแต่งเพลงชื่อเล็กๆ แต่ผลงานนั้นไม่เล็กมาด้วยเพียบไปหมด และเพราะเขามักจะจ้างวงดนตรีที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง แต่คุณภาพมักจะคับอ่างอยู่เสมอ ผลก็คือซีดีของ Naxos มักจะมีราคาที่ถูกกว่าชาวบ้าน
ยกตัวอย่างง่ายๆ ที่เยอรมันนั้น Naxos จะถูกกว่าคู่แข่งราวๆ สามเท่าเสมอ
แต่ก็อีกละครับเมื่อมันถูก คุณภาพของการบันทึกหรือการบรรเลงบางชุดก็ไม่ได้อยู่ในขั้นที่น่าจะแนะนำเสมอไป
แต่สำหรับผลงานฝีมือของนักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า คอสแซก ยามาดะ (Koscak Yamada) ชื่อผลงานนั้นน่าฟังเป็นยิ่งนัก เมื่อฟังแล้วก็ต้องยอมรับว่า Triumph and Peace เป็นงานที่ไม่แนะนำไม่ได้ครับ
ผมเองแทบจะไม่เคยเขียนถึงงานของนักแต่งเพลงคลาสสิกจากญี่ปุ่นเลย ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าไม่เคยฟัง อีกส่วนหนึ่งก็เพราะว่าไม่มีคนเอาเข้ามาขาย เพราะ เข้าใจว่า เพลงญี่ปุ่นนั้น ในสายตาของคนนำเข้าจะไม่เคยมีคำว่าเพลงคลาสสิกอยู่ในสายตาเลย จะมีก็แต่ป็อปไอดอลทั่วไปเท่านั้น
ผมเลือกงานของยามาดะมาฟัง ด้วยความที่ไม่เคยฟังมาก่อน แต่เพียงแค่ 3 นาทีที่ได้ฟัง ผมบอกกับตัวเองว่า นี่คืองานที่ชวนขนลุกขนพองมากที่สุดชิ้นหนึ่ง บอกตามตรงครับว่า ญี่ปุ่นน่าจะผงาดได้สบายๆ ในวงการเพลงคลาสสิกโลก กับงานที่สวยงาม ทรงพลัง และ อ่อนหวานเจือสีสันของตะวันออกแบบนี้
ที่น่าทึ่งก็คือ นี่คือ ผลงานเพลงจากนักแต่งเพลงญี่ปุ่นคนแรกที่เป็นเพลงคลาสสิกและแต่งแบบตะวันตกนะครับ
ยามาดะนั้นทำไมมีชื่อคอสแซ็กขึ้นหน้าแบบเดียวกับพวกฮังการีก็ไม่ทราบ เพราะ ตะแกเป็นญี่ปุ่นพันธุ์แท้เลยทีเดียว เพราะเกิดกันเมื่อ 9 มิถุนายน 1886 ตามประวัติบอกว่า พ่อของยามาดะเป็นซามูไรรับใช้ตระกูลมิกาวะ แต่พอระบบโชกุนล่มสลาย แกก็เลยเปลี่ยนตัวเองมาเป็นนักเก็งกำไรที่ดินซะเลย ซึ่งก็ได้ผลเพราะความมั่งคั่งนั้นทำเอาราศีเศรษฐีจับตระกูลยามาดะทีเดียว
หลังจากรวบรวมเงินได้ก้อนใหญ่ บ้านยามาดะก็ย้ายไปอยู่ที่โยโกซูนะ จากนั้นก็ไปเปิดร้านหนังสือ ตอนนั้นคอสแซ็กเกิดพอดี บรรยากาศอบอวลด้วยร้านหนังสือ แถมอยู่ใกล้โบสถ์อีกด้วย ก็เลยทำให้เขาวิ่งเข้าวิ่งออกที่จะเป็นนักร้องเสียงประสานตัวน้อยในโบสถ์อยู่หลายปีทีเดียว และเมื่อรู้ว่าตัวเองชอบอะไร คอสแซกก็เลยเข้าไปอยู่ในวงดุริงยางค์ของเมือง แต่ความสุขช่วงนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะ จู่ๆ ร้านหนังสือก็โดนไฟไหม้และทำให้แกต้องย้ายกลับมาโตเกียวตั้งแต่ 7 ขวบ
พอ 9 ขวบ ชีวิตของคอสแซ็กก็เริ่มผจญภัย แกเรียนไปด้วยทำงานเรียงพิมพ์ไปด้วย จนปอดฉีกเพราะหมึกพิมพ์ไช พักรักษาตัวไปสองปี แกก็พรวดมาเป็นเด็กขายของอยู่ชานชาลารถ เวลาว่างเยอะขึ้นแกก็คอยแต่งเพลงไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายพี่เขยแสนดีเห็นแกเอาจริง ก็เลยจัดการส่งแกเข้าโรงเรียนจริงๆ จังๆ เสียที
ผมว่าประสบการณ์เยอะนี่แหล่ะที่ทำให้เพลงของ ยามาดะมีสีสันที่แปลกแต่งามและร่าเริงอย่างบอกไม่ถูก
แต่ฝันของยามาดะกว่าจะเป็นจริงก็นาน เพราะ ถึงแกอยากจะเป็นนักแต่งเพลง แต่คุณครูเขาดันเห็นว่าแกเอาดีทางการเป็นนักร้องจะดีกว่าก็เลยฝึกแกเป็นนักร้องอย่างเดียว แถมโรงเรียนที่เรียนก็ไม่ยักมีหลักสูตรการแต่งเพลงจริงๆจังๆ โชคดีที่แววแกออก คุณครูคนหนึ่งสอนแกเล่นเชลโล่ก็เลยแนะให้ไปหาทุนเรียนที่เยอรมันซะเลย เพราะจะว่าไปตอนนั้นความสัมพันธ์ของเยอรมันกับญี่ปุ่นก็ดีๆ กันอยู่ สุดท้ายเมื่อเมษา 1910 ยามาดะก็เลยได้ไปเรียนที่เบอร์ลินสมใจ แถมคุณครูของแกก็ระดับ มากซ์ บรุ๊คส์ เสียด้วยซิครับ
กลิ่นอายของเพลงยามาดะนั้นก็เลยติดสำนักเยอรมันมาเต็มเปี่ยม แล้วใครๆ ก็ทราบดีว่าเพลงสำนักเยอรมันนั้น ฟังดูอลังการ์ขนาดไหน ยิ่งมาเจอกับเมโลดี้ของญี่ปุ่นที่แกพยายามเอามาใส่ด้วยแล้ว งานนี้มีปลื้มครับ
เขาว่างานของยามาดะนั้นหายไปเยอะสมัยเมื่อปี 1945 เพราะ สัมพันธมิตรเอาระเบิดมาโปรยในโตเกียว บ้านของยามาดะนั้นโดนเข้าไปเต็มๆ โน้ตเพลงแกก็เลยถูกเผาไปเยอะเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่
แต่โชคดีที่ Triumph and Peace ไม่โดนเผาไปด้วย
คราวหน้าจะมาบรรยายให้ฟังว่า ทำไมงานชิ้นนี้ถึงควรจะต้องดิ้นรนไปหามาฟังให้ได้ครับ
 
                    

