xs
xsm
sm
md
lg

หันปืนใหญ่‘พญาตาณี’กลับหลัง ลือหึ่งแก้เคล็ดดับไฟใต้-‘อู้ด’ยันไม่เกี่ยว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา12.00 น. ของวันที่ 2 มิ.ย. ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม ถนนสนามไชย เขตพระนคร ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 20 นาย พร้อมด้วยรถยกขนาดใหญ่ 1 คัน ทำการปรับทิศทางปืนหน้าศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม 2 กระบอก คือ ‘ปืนพญาตาณี’ และ ‘ปืนไทใหญ่เล่นหน้า’ โดยปรับทิศหันปากกระบอกปืนทั้ง 2 กระบอก เข้าหาศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่ง จากเดิมที่เคยหันปากกระบอกปืนไปยังพระบรมมหาราชวัง
ทั้งนี้ ปืนพญาตาณี ได้มีการเคลื่อนย้ายเมื่อเวลา12.00 น. ขณะที่ปืนไทใหญ่เล่นหน้า ได้มีการเคลื่อนย้ายในเวลา 13.00 น. ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารกำลังย้ายทิศทางของปากกระบอกปืนดังกล่าว ส่งผลทำให้ประชาชนที่เดินทางผ่านไปมายังบริเวณหน้ากระทรวงกลาโหม ต่างให้ความสนใจ จับกลุ่มวิพากวิจารณ์ถึงการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ด้วยความสงสัย บางคนถึงกับวิพากวิจารณ์ว่า เป็นการแก้เคล็ดเพื่อให้ปัญหาภาคใต้สงบลงเสียที
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามกับเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำการเคลื่อนย้าย ได้รับคำตอบเพียงว่า เป็นนโยบายของผู้ใหญ่สั่งมา ซึ่งเหตุผลที่ทำการเคลื่อนย้ายในวันนี้ (2 มิ.ย.) เนื่องจากเป็นวันหยุด ตรงกับวันวิสาขบูชา ทำให้ง่ายต่อการเรียกใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร
ด้าน พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า สมัยที้เขาดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม ก็มีแนวความคิดที่จะย้ายปืนใหญ่ทั้งหมด ไปตั้งที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งใหม่ แต่มาติดตรงที่ปืนใหญ่ทั้งหมดขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุโบราณ กับกรมศิลปากร จึงยังไม่อนุญาตให้มีการเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่อื่น และก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรต่อ เนื่องจากถูกโยก มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
“ผมไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆว่า จะมีการเปลี่ยนทิศของปากกระบอกปืนทั้ง 2 กระบอก ซึ่งก็ไม่รู้ว่า มีนัยยะอะไรหรือเปล่า คงต้องไปถาม พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบันดู ว่ามีเหตุผลอะไร” พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าว
ขณะที่ พล.อ.อู้ด เบื้องบน ปลัดกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม จัดการเปลี่ยนทิศของปากกระบอกปืนทั้ง 2 กระบอก และจะทำไปจนครบทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ภาคใต้ หรือเป็นการแก้เคล็ดอะไรทั้งสิ้น แต่เป็นการทำตามคำแนะนำของกรมศิลปากร เพราะเดิมทีปืนใหญ่ทั้งหมดที่รับมาในช่วงแรกได้หันปากกระบอกปืนไปทางศาลาว่าการกระทรวงกลาโหมอยู่แล้ว แต่มาในปี 2539 ได้มีการปรับเปลี่ยนปากกระบอกปืนออกนอกกระทรวง แต่เมื่อตนไปเปิดประวัติดู พบว่า ความจริงแล้ว ต้องหันปากกระบอกปืนเข้ากระทรวง และ เมื่อต้องมีการปรับภูมิทัศน์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวตามที่กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา ขอความร่วมมือมา เนื่องจากศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม กลายเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความสนใจ โดยเฉพาะปืนใหญ่หน้ากระทรวง จึงได้มีคำสั่งให้ปรับภูมิทัศน์ปืนใหญ่ ด้วยการทำรั้วรอบปืนใหญ่ไว้ และ ทำแผ่นทองเหลืองไว้สำหรับจารึก กับผู้ที่มาเยี่ยมชม
พล.อ.อู๊ด เปิดเผยต่อว่า อย่างไรก็ตาม ปืนใหญ่ทั้งหมดที่อยู่หน้ากระทรวงไม่สามารถจะเคลื่อนย้ายไปที่อื่นได้ทันที เพราะถือเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ และเป็นวัตถุโบราณที่ขึ้นทำเบียนไว้กับกรมศิลปากร และ เพื่อให้ถูกต้องตามหลักประวัติศาสตร์ จึงได้เสนอนโยบายให้มีการปรับภูมิทัศน์ของปืนใหญ่หน้ากระทรวงไปในแผนปรับปรุงภูมิทัศน์ เนื่องในโอกาสกระทรวงกลาโหมครบ 120 ปี ที่เสนอให้มีการปรับภูมิทัศน์กระทรวงใหม่ ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินการ และการปรับทิศของปากกระบอกปืนใหญ่ทั้ง 2 กระบอก ก็ไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายใดๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงการปรับภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบของที่ตั้งปืนใหญ่เท่านั้น ซึ่งเวลานี้ได้ดำเนินการไปบางส่วนบ้างแล้ว
สำหรับประวัติ ปืนพญาตาณี หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ มีห่วงใหญ่สำหรับจับยก 4 ห่วง ตอนท้ายลำกล้องมีเครื่องประกอบยาวยื่นออกไป ทำเป็นรูปสังข์ หรือเขางอน ที่เพลา มีรูปราชสีห์ สลักงดงาม เกลี้ยงไม่มีลวดลายประดับ ซึ่งปืนพญาตาณี นี้จะเป็นปืนที่ใหญ่ และยาวที่สุด ในบรรดาปืนโบราณที่ตั้งไว้หน้าศษลาว่าการกระทรวงกลาโหม ปืนกระบอกนี้ นางพญาปัตตานี ศรีวัน เจ้าเมืองปัตตานี (คือ จังหวัดปัตตานีปัจจุบัน) ให้นายช่างชาวจีนฮกเกี้ยน แซ่ลิ้ม ชื่อเคียม ซึ่ง ชาวมลายู เรียกกันว่า ลิ้มโต๊ะเคียม (พี่ชายลิ้มกอเหนี่ยว)? เป็นผู้สร้าง ณ ตำบลบ้านกะเสะ ในเมืองปัตตานี วันเดือนปีที่หล่อไม่ปรากฏในหลักฐาน โดยครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชจักรีวงศ์ ได้รับพระบรมราชโองการให้เป็นแม่ทัพ เสด็จยกทัพไปรบพม่าข้าศึก ซึ่งยกมาตีหัวเมืองภาคใต้ของไทย ครั้งทรงชนะข้าศึกแล้ว ได้ทรงปราบปรามหัวเมืองภาคใต้ ซึ่งมักคอยจะเอาใจออกห่างจากไทยไปอื่น ทรงมีชัยชนะราบคาบ แล้วได้ปืนกระบอกนี้มาจากเมืองปัตตานี เมื่อ ปีมะเส็ง สัปตศก จ.ศ.1147 พ.ศ.2329 และนำมาทูลถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2329
ส่วนประวัติปืน ไทใหญ่เล่นหน้า เป็นปืนที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ มีหูจับยกคู่หนึ่ง ตอนท้ายลำกล้องมีรูปคนมีปีกจับกนก รอบท้ายลำกล้อง มีลายดอกไม้ใบไม้ ที่เพลามีรูปคนมีปีก ยังไม่พบหลักฐานว่า ผู้ใดสร้าง เมื่อไร หรือได้มาจากใคร
กำลังโหลดความคิดเห็น