ในอดีตไข่ไก่จัดเป็นอาหารยอดฮิตของชาวโรมันเลยก็ว่าได้ พอตื่นเช้าขึ้นมาชาวโรมันจะต้องรับประทานไข่ไก่เป็นอาหารเช้า แต่ความคิดเช่นว่านี้ในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากหลายคนโดยเฉพาะคนตะวันตกมองว่าไข่ไก่เป็นต้นเหตุของการเกิดโรค เพราะมีเชื้อจุลินทรีย์ เช่น แซลมอนเนลลา ซึ่งเป็นเชื้อโรคชนิดหนึ่ง นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าเป็นแหล่งสะสมของคอเลสเตอรอล และเป็นอาหารหนักที่ย่อยยาก
แต่ในความเป็นจริง หากคนเราไม่รับประทานไข่ไก่เลย ร่างกายก็จะขาดสารอาหารหลายอย่าง เพราะไข่ไก่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย เช่น ในไข่แดงจะประกอบด้วยธาตุเลซิติน ซึ่งช่วยยับยั้งโรคเส้นเลือดตีบตัน และลดระดับคอเรสเตอรอล อย่างไรก็ตามการรับประทานไข่ไก่ในปริมาณมากเกินไปก็เป็นอันตราย เพราะคอเรสเตอรอลจะเริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การทำลายการตกตะกอนของพลาค
ในการบริโภคไข่ไก่นั้น มีคำแนะนำว่า สำหรับคนปรกติควรรับประทานไข่ไก่ประมาณ 4-5 ฟองต่อสัปดาห์ ในขณะที่คนที่เป็นโรคเส้นเลือดตีบตันควรจะรับประทาน 2 ฟองต่อสัปดาห์
นอกจากนี้ ในไข่ไก่ยังเป็นแหล่งของกรดอะมิโนด้วย โดยไข่ไก่ 2 ฟอง จะมีกรดอะมิโนเท่ากับนม 2 แก้ว หรือเท่ากับเนื้อขนาดกลางหนึ่งจาน ในแง่ของคุณค่าทางโภชนาการ ไข่ไก่มีปริมาณโปรตีนมากกว่าเนื้อสดและนม อีกทั้งยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินต่างๆ ซึ่งจำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไข่แดงจะมีประโยชน์มาก
สำหรับวิธีการสังเกตไข่ไก่ว่าสดหรือไม่นั้น เราสามารถทำได้หลายวิธี เช่น นำไข่ไปส่องกับแสง หากเป็นไข่สดจะทึบแสง ไม่มีจุดด่างดำ และจะต้องมีช่องอากาศภายในฟองไม่เกิน 1 เซนติเมตร หรืออีกวิธีหนึ่งคือ นำไข่ไปแช่ในอ่างน้ำ หากเป็นไข่สดจะจมน้ำประมาณ 3-5 วัน หลังจากนั้นจะค่อยๆ ลอยขึ้น ส่วนไข่ไก่ไม่สดจะจมน้ำทันทีที่นำไปแช่
หากจะบริโภคไข่ไก่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อร่างกายควรจะบริโภคไข่ยางมะตูม เนื่องจากไข่ขาวจะย่อยยากหากเป็นไข่ดิบ และยังอาจมีเชื้อโรคที่แทรกซึมเข้าผ่านเปลือกไข่ไปสะสมในไข่ขาวด้วย ในขณะที่ไข่แดงจะปราศจากเชื้อโรค อีกทั้งยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ดังนั้นจึงควรรับประทานไข่ขาวสุกๆ ไข่แดงดิบๆ ซึ่งก็คือลักษณะของไข่ยางมะตูมนั่นเอง
สำหรับวิธีต้มไข่ยางมะตูมนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยนำไข่ไก่ไปต้มในน้ำตั้งไฟอ่อนๆ และเติมเกลือลงไปเล็กน้อย เพื่อช่วยป้องกันไข่แตก ต้มประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นนำไข่ที่ได้ไปใส่ในน้ำร้อนทิ้งไว้ 2 นาที แค่นี้เราก็จะได้ไข่ยางมะตูมที่น่ารับประทานและอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ
แต่ในความเป็นจริง หากคนเราไม่รับประทานไข่ไก่เลย ร่างกายก็จะขาดสารอาหารหลายอย่าง เพราะไข่ไก่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย เช่น ในไข่แดงจะประกอบด้วยธาตุเลซิติน ซึ่งช่วยยับยั้งโรคเส้นเลือดตีบตัน และลดระดับคอเรสเตอรอล อย่างไรก็ตามการรับประทานไข่ไก่ในปริมาณมากเกินไปก็เป็นอันตราย เพราะคอเรสเตอรอลจะเริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การทำลายการตกตะกอนของพลาค
ในการบริโภคไข่ไก่นั้น มีคำแนะนำว่า สำหรับคนปรกติควรรับประทานไข่ไก่ประมาณ 4-5 ฟองต่อสัปดาห์ ในขณะที่คนที่เป็นโรคเส้นเลือดตีบตันควรจะรับประทาน 2 ฟองต่อสัปดาห์
นอกจากนี้ ในไข่ไก่ยังเป็นแหล่งของกรดอะมิโนด้วย โดยไข่ไก่ 2 ฟอง จะมีกรดอะมิโนเท่ากับนม 2 แก้ว หรือเท่ากับเนื้อขนาดกลางหนึ่งจาน ในแง่ของคุณค่าทางโภชนาการ ไข่ไก่มีปริมาณโปรตีนมากกว่าเนื้อสดและนม อีกทั้งยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินต่างๆ ซึ่งจำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไข่แดงจะมีประโยชน์มาก
สำหรับวิธีการสังเกตไข่ไก่ว่าสดหรือไม่นั้น เราสามารถทำได้หลายวิธี เช่น นำไข่ไปส่องกับแสง หากเป็นไข่สดจะทึบแสง ไม่มีจุดด่างดำ และจะต้องมีช่องอากาศภายในฟองไม่เกิน 1 เซนติเมตร หรืออีกวิธีหนึ่งคือ นำไข่ไปแช่ในอ่างน้ำ หากเป็นไข่สดจะจมน้ำประมาณ 3-5 วัน หลังจากนั้นจะค่อยๆ ลอยขึ้น ส่วนไข่ไก่ไม่สดจะจมน้ำทันทีที่นำไปแช่
หากจะบริโภคไข่ไก่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อร่างกายควรจะบริโภคไข่ยางมะตูม เนื่องจากไข่ขาวจะย่อยยากหากเป็นไข่ดิบ และยังอาจมีเชื้อโรคที่แทรกซึมเข้าผ่านเปลือกไข่ไปสะสมในไข่ขาวด้วย ในขณะที่ไข่แดงจะปราศจากเชื้อโรค อีกทั้งยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ดังนั้นจึงควรรับประทานไข่ขาวสุกๆ ไข่แดงดิบๆ ซึ่งก็คือลักษณะของไข่ยางมะตูมนั่นเอง
สำหรับวิธีต้มไข่ยางมะตูมนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยนำไข่ไก่ไปต้มในน้ำตั้งไฟอ่อนๆ และเติมเกลือลงไปเล็กน้อย เพื่อช่วยป้องกันไข่แตก ต้มประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นนำไข่ที่ได้ไปใส่ในน้ำร้อนทิ้งไว้ 2 นาที แค่นี้เราก็จะได้ไข่ยางมะตูมที่น่ารับประทานและอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ