xs
xsm
sm
md
lg

ชัยสิทธิ์ส่งทีมล่าสังหารค้นหาต้นต่อกลุ่มป่วนใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ทักษิณรับทุกฝ่ายมึน รู้มีคนกลุ่มหนึ่งสร้างความรุนแรงแต่ระบุตัวไม่ได้ ขณะที่ ชัยสิทธิ์ส่งหน่วยล่าสังหารลุยใต้ ค้นหาต้นต่อตัวก่อเหตุจิ๋วหงุดหงิดโจรฆ่าตัดคอ ลั่นใช้วิธีการโจรจัดการโจร พร้อมเรียก ลาโหม-มหาดไทยทบทวนแผนปฎิบัติการ บ่น 200 วันยังแก้ปัญหาไม่ได้ พัลลภ จวกพวกคิดเจรจากับแกนนำเบอร์ซาตูทำเหมือนรัฐบาลไทย บ้อท่าแถมทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นอีก ด้าน กก.พิเศษสอบกรณีกรือเซะ เตรียมสรุปผล ต้นเดือนมิ.ย.ส่งนายกฯ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ภาคใต้ถึงกับมีการฆ่าตัดคอชาวสวนยางว่า เป็นเรื่องที่รุนแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังพยายามแก้ไขอยู่ มันเป็นการต่อสู้กันระหว่างคนหัวรุนแรงและพวกยุยงปลุกปั่นเด็กวัยรุ่นให้เกิดความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเราต้องปฏิบัติตามกฎหมาย จะทำอะไรรุนแรงโดยไม่มีเหตุผลมันไม่คุ้ม เพราะถ้าเราใช้ความรุนแรงก็จะถูกตีกลับที่รุนแรงกว่า แต่ฝ่ายตรงข้ามพยายามใช้ความรุนแรงขยายผล ปลุกระดมให้เห็นว่าเขาสามารถ ใช้ความรุนแรงได้ เราจึงต้องอดทนและทำต่อไป
ทักษิณรับทุกฝ่ายมึนเหตุการณ์ใต้
กลุ่มโจรที่ฆ่าตัดคอกำลังติดตามอยู่ ซึ่งพวกนี้เป็นพวกที่ได้รับการฝึกฝนมา พอสมควร ไม่ใช่วัยรุ่นแบบเด็ก ๆ แต่ไม่ใช่กลุ่มคนที่ได้รับการฝึก และมีรายงานว่าจะเข้ามา 300-400 คนก่อนหน้านี้ ซึ่งวิธีการนี้ชายมุสลิมในพื้นที่ก็ไม่เห็นด้วย เป็นเพียงกลุ่มน้อยที่สร้างความแตกแยก
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา รองนายกฯซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ไม่เห็นมีข้อมูลอะไรเพิ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ทุกคนยังมึนอยู่เหมือนกันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันมีแกนนำอยู่กลุ่มหนึ่งที่สร้างปัญหาและสร้างความรุนแรง ซึ่งตนเองก็ยังงงว่าทำไมเราไม่สามารถที่จะระบุตัวได้
**อาจส่งหน่วยคุ้มครองชาวสวนยาง
ส่วนที่กลุ่มนักวิชาการออกมาโต้รัฐบาลที่ระบุว่าคนพวกนี้ฆ่าพ่อ แม่ได้นั้นไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า มันเป็นการปลุกระดมของคนลัทธิบ้า โดยบอกว่า ไทยกระทำผิดหลักของพระเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าในความรู้สึกของเขา ที่ไม่รู้ว่าพระเจ้าองค์ไหน และบอกว่าแม้เป็นใครก็ฆ่าได้ทั้งนั้น อันนี้เป็นเรื่องของการปลุกระดม
“ไอ้ที่บอกว่า ไม่จริง ก็เพราะเขายังไม่เจอ เพราะโดยสามัญสำนึกแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่สิ่งงมงายเหล่านี้เป็นไปได้มาแล้ว “
สำหรับวันวิสาขบูชาซึ่งมีข่าวว่าจะเกิดความรุนแรงนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องทำหน้าที่ของเรา วันนี้การข่าวของเราค่อนข้างดีด เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นเพราะผลของการข่าวดีทำให้เราตั้งหลักได้
ส่วนการเสริมกำลังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ต้องดู หากกำลังไม่พอก็ต้องเสริม ช่วงนี้ต้องเอาความสงบคืนภาคใต้ให้ได้โดรเร็วที่สุด คนที่มีอาชีพกรีดยาง เราต้องคุ้มครองไม่เช่นนั้นชาวบ้านจะออกกรีดยางไม่ได้ อาจต้องมีหน่วยกำลังคุ้มครอง ขณะนี้ รมว.กลาโหม อยู่ในพื้นที่ น่าจะตัดสินใจแทนตนได้ว่าจะเพิ่มกำลังหรือไม่อย่างไร
**ชัยสิทธิ์ส่งทีมล่าสังหารลุยภาคใต้
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผบ.ทบ.กล่าวว่า กล่าวว่าขณะนี้มีการปรับมาตรการในการรักษาความปลอดภัยที่จ.นราธิวาส โดยจะเป็นฝ่ายรุกบ้าง ต้องไปช่วยด้านการข่าว ให้มากขึ้น ขณะนี้กำลังส่งชุดพิเศษลงไปดูว่าโจรที่บุกฆ่าตัดคอเป็นใคร เพราะไม่ค่อยสบายใจเหมือนเป็นการข่มขู่ อย่างไรก็ตามขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ความรุนแรงดูเหมือนจะมากขึ้นโดยใช้วิธีฆ่าตัดคอ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า พวกนี้ได้รับการฝึกมา ทหารที่เสียชีวิตครั้งแรกก็ถูกฝันคอ เราต้องทำให้ สิ่งเหล่านี้หมดไป ตอนนี้เราเสริมทีมล่าสังหารลงไปในทางลับเพราะเราอยากรู้ว่าต้นต่อมันคือใคร เพราะส่วนใหญ่เราเข้าใจกันหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือพวกเศษ ๆ
จิ๋วลั่นต้องใช้วิธีโจรจัดการโจร
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะตรวจสอบสถานการณ์ ในพื้นที่ภาคใต้จากกระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย เรื่องการจัดการระวังป้องกันหมู่บ้าน และสอบถามความคืบหน้าของการดำเนินการ เพราะได้ให้เวลามากว่า 200 วันแล้ว อะไรที่ยังไม่ชัดเจนต้องวิเคราะห์ให้ชัด อย่างกรณีการฆ่าตัดคอ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ต้องวิเคราะห์ให้ดีเหตุการณ์เกิดขึ้นบนถนนใหญ่ เพราะอะไร ทำไมถึงยังจัดการไม่ได้ จะให้มีวันละรายสองรายไม่ได้ต้องแก้ไข
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าเหตุการณ์ฆ่าตัดคอทำให้ประชาชนหวาดระแวงจึงต้องเร่ง สร้างระบบที่จะให้มีความไว้วางใจขึ้นมาใหม่ เกือบจะทั้งหมดเพราะเป็นเรื่องใหญ่
“ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธ หรือไทยมุสลิม ก็จะถูกกระทำทั้งนั้น ค่อนข้างที่จะเลอะเทอะ ซึ่งมาตรการที่จัดการกับผู้เลอะเทอะ ก็ต้องเลอะเทอะด้วยกัน ไม่งั้น มันก็แย่” พล.อ.ชวลิต กล่าวและว่าสัปดาห์นี้จะเรียกประชุมส่วนที่เกี่ยวข้อง
พล.อ.ชวลิต ยอมรับว่า มีความขัดแย้งทางความคิดกันในกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งต้องหาทางแก้ไข ส่วนที่นายวันมูหะมัดนอร์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ยังไม่รู้นั้น แสดงว่า ขบวนการนี้เป็นอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านจึงไม่รู้ เพราะถ้ารู้คงบอกแล้ว
ซี้เบาะท่าเจรจาโจรทำให้เกิดเหตุรุนแรง
พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รอง ผอ.กอ.รมน.กล่าวว่าการกระทำดังกล่าวเพื่อสร้างความ แตกแยกทางด้านศาสนา โดยการสร้างสถานการณ์เพื่อขับไล่ชาวไทยพุทธให้ออกจากพื้นที่ ให้ได้ ด้วยวิธีการฆ่ารายวัน ทั้งตำรวจ ทหาร และ ชาวบ้าน
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าดำเนินการกับกลุ่มโจร ที่มัสยิดกรือเซะ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. น่าจะส่งสัญญาณให้เห็นว่า เหตุการณ์ทางภาคใต้เข้าสู่ ความสงบแล้ว แต่อยู่ๆ กับมีข่าวว่า จะมีการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับแกนนำกลุ่ม เบอร์ซาตู ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าจะเจรจาทำไม และไม่รู้ว่า ดร.ฟาเดร์ เจ๊ะมัน ประธานเบอร์ซาตู จะมาเดือดร้อนที่จะเจรจาด้วยทำไม ในเมื่อปฏิเสธว่า ไม่รู้ไม่เห็นกับการปล้นปืน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่กรือเซะ
“การที่เราเปิดช่องให้มีการเจรจาเท่ากับว่าเรา บ้อท่าแล้ว ไม่ต่างอะไรกับการไปเจรจากับโจรทั้งที่เรามีอำนาจรัฐ แต่คนเหล่านี้เป็นโจรทำผิดกฎหมาย เหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะพิสูจน์แล้วว่าเป็นโจรจริง ๆ เราถึงใช้มาตรการรุนแรง มันน่าจะยุติอยู่ ๆ ก็มีการใช้วิทยุบีบีซีออกอากาศเพื่อเป็นการผูกมัด ประกาศให้โลกได้รู้ว่ารัฐบาลไทยจะเจรจากับกลุ่มของตัวเอง อยากถามว่าไปเจรจากับโจรแล้วเราได้อะไร แถมยังมาตั้งเงื่อนไขขอปกครองตัวเอง และที่หนักสุดถึงกับขอเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส”
พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า เหตุการณ์ภาคใต้หลังจากนี้ก็จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ พยายามที่จะกดดันเราทุกอย่าง เพื่อให้เกิดการเจรจาขึ้นให้ได้ และความพยายามนี้ ทางกลุ่มเบอร์ซาตูได้ทำมาตั้งแต่ปี 2537 แล้ว และเมื่อเราไปแบะท่าให้ก็ออกมาบอกว่า ต้องการเจรจา แต่เมื่อเราเบรกเรื่องเจรจาเข้าให้ ทางกลุ่มก็ออกมาสร้างสถานการณ์กดดันต่อ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าพล.อ.ชวลิต จะจัดการเรื่องนี้ได้ คงไม่ปล่อยไว้แน่ ท่านทราบดีว่าต้องทำอะไร
**ต้นมิ.ย.สรุปคดีกรือเซะส่งนายกฯ
นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ เลขานุการคณะกรรมการอิสระไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะ เปิดเผยหลังการประชุมว่า จากการลงไปตรวจสอบพื้นที่ ได้สอบถามข้อมูลจากหลายส่วน ทั้งชาวบ้านผู้นำชุมชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร แพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลปัตตานี ที่ทำการชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตภายในมัสยิดกรือเซะรวมทั้งมีการตรวจสอบวัตถุพยานทั้งเรื่องร่องรอยกระสุน และระเบิดที่ใช้โดยจะให้ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระเบิด ทำการตรวจสอบร่องรอยภายในมัสยิดว่าเป็นระเบิดชนิดใดเพื่อเป็นการยืนยันคำพูดของพยานบุคคลที่ได้สอบปากคำซึ่งพบว่าข้อมูลที่คณะกรรมการเชิญพยานมาให้ปากคำกับข้อมูลที่ได้จากการลงพื้นที่ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ บางคนฟังคนอื่นเล่ามาอีกที แต่คณะกรรมการฯต้องการข้อมูล จากผู้ที่เห็นเหตุการณ์จริงมากกว่า
อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้ประมวลข้อมูลที่รวบรวมมาได้ประมาณ 80-90 % แล้ว รอเพียงการทำเค้าโครงรายงาน คาดว่าจะสรุปข้อเท็จจริงได้ภายในเดือนมิ.ย. จากนั้นจะส่งให้นายกรัฐมนตรีทราบ
**สุนทรเผยคดีฆ่าตัดคอคืบหน้า
ด้าน พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ รักษาการ ผบ.ตร.กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า ขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนทางภาคใต้ เตรียมลงมือก่อเหตุในวันวิสาขบูชาว่า เพื่อเป็นการสร้างความอุ่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชน ตนจะเดินทางไปยัง จ.นราธิวาส เพื่อดูแลความไม่สงบที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยตัวเอง ทั้งนี้จะได้จัดชุดประสานงานจากส่วนกลาง ร่วมลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อดูแลงานมวลชน ร่วมศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยในขณะนี้กำลังพิจารณเสนอของบประมาณเพื่อให้งานด้านสืบสวนสอบสวนมีความเป็นเอกภาพ เพิ่มมากขึ้น
ส่วนกรณีคนร้ายฆ่าตัดหัวชาวสวนยางนั้น พล.ต.อ.สุนทร กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ผบช.ภ.9 ว่ามีความคืบด้านทางคดี ซึ่งเหตุการณ์ ร้ายที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บางครั้ง อาจเกิดจากเรื่องส่วนตัวและพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความไม่สงบขึ้น ซึ่งจะได้มีการพูดคุยกับผู้นำศาสนา เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน
**โจรบุกเผาบ้าน-รถชาวบ้านวอด
ด้านสถานการณ์ จ.นราธิวาส ยังตรึงเครียด เมื่อเวลา 01.00น.ของวานนี้ (31 พ.ค.) คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ลอบวางเพลิงบ้านของนายมามะปูเต๊ะอายุ 39 ปี เลขที่ 123 หมู่ 6 ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี (บ้านดาเซ๊ะ) ได้รับความเสียหายไม่มากนักเนื่องจากเจ้าของบ้านได้ช่วยกันดับไฟได้ทัน จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาสพบเศษกระสอบป่านชุบน้ำมัน มีกลิ่นน้ำมันกระจายฟุ้งทั่วบริเวณ
เช่นเดียวกับที่หมู่ 7 บ้านเสือแด ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบเผารถยนต์ของคนเผาถ่านเสียหายทั้งคัน เป็นรถยนต์ อีซูซุ สีแดง รุ่นเคบี 22.00 ทะเบียน บฉ 2856 ร้อยเอ็ด บริเวณด้านหน้าที่นั่งคนขับภายในถูกไฟไหม้เสียหายหมดไม่มีสภาพชิ้นดี มีเศษผ้าชุบน้ำมันตรงกระจกด้านข้างและเศษเสื้อผ้าชุบน้ำมันอยู่ภายในที่นั่งคนขับ
ก่อนหน้านี้ของค่ำวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบศพชายไทยไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 35 ปี มีรอยสักที่แผ่นหลังและที่แขนทั้งสองข้าง มีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมบริเวณท้ายทอย 1 แผล ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร อยู่ที่ศาลาที่พักริมทาง บนถนนสายท่าเรือ-บาตง บ้านตะแม็ง หมู่ 1 ต.บาตง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
กำลังโหลดความคิดเห็น