วานนี้(31 พ.ค.) น.พ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูกระดึง
พร้อมชาวบ้านที่ให้การสนับสนุนอีกประมาณ 200 คน ได้ยื่นฟ้อง น.พ.วัลลภ ไทยเหนือ
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เป็นจำเลยที่ 1 น.พ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ รองปลัดสธ. จำเลยที่ 2 และสำนักงานปลัดสธ. จำเลยที่ 3 เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่ให้ย้ายเข้าไปปฎิบัติราชการที่ สธ.ภายใน 7 วัน
เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกลั่นแกล้งและเลือกปฎิบัติโดยไม่สุจริต เพราะอาศัยบัตรสนเท่ห์และนำข้อหาเดิมที่เคยสอบแล้วมาตั้งเป็นข้อหาใหม่ โดยอ้างเหตุที่ต้องสั่งย้ายเพื่อความสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรมในการสอบ ซึ่งไม่เป็นความจริง
เพราะแม้ไม่ย้ายก็สามารถสอบสวนได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมอยู่แล้ว โดยศาลได้รับคำฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ 208/2547
น.พ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ได้ขอให้ศาลพิจารณาคุ้มครองฉุกเฉินในการระงับยับยั้งคำสั่งย้าย เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่ประชาชน และเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดียิ่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอดีต สธ.เคยมีการออกคำสั่งที่ผิดพลาดเช่นเดียวกันนี้
และศาลเคยตัดสินลงโทษจำคุกผู้ออกคำสั่งมาแล้ว
ด้านนายชัยรัตน์ แสงอรุณ ทนายความจากสภาทนายความ กล่าวว่า คำสั่งย้ายดังกล่าวถือเป็นการออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่สุจริต หรือเป็นการเลือกปฏิบัติ
หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการ เนื่องจากแพทย์ที่ประจำในโรงพยาบาลภูกระดึง ทุกคนเป็นแพทย์จบใหม่
นอกจากนี้ ยังได้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อครอบครัว ภรรยาและบุตร 2 คน จะต้องออกจากภูมิลำเนา โดยไม่สมัครใจ ย้ายโรงเรียนกลางคัน และที่สำคัญทำให้ราชการเสียหายขาดแคลนแพทย์ที่อุทิศตนทำงานในชนบทห่างไกลทุรกันดารที่มีน้อยอยู่แล้วให้น้อยลงไปอีก
ด้าน น.พ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ รองปลัดสธ. กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น.พ.เกรียงศักดิ์สามารถทำได้ตามสิทธิ์ที่มีอยู่ และคงจะไม่ตอบโต้อะไร
สำหรับกรณีเรื่องงบประมาณ 30 บาทนั้น นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สธ.กล่าวว่า ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ จะนำเสนองบประมาณรายหัวด้วยอัตรางบประมาณ 1,510 บาทต่อหัว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นการสรุปพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณรายหัว ชุดที่มีนายโอฬาร ไชยประวัติ เป็นประธาน
ทั้งนี้ งบประมาณจำนวนดังกล่าวถือเป็นฐานงบประมาณ ซึ่งในปีถัดไปหากจะเพิ่มงบประมาณรายหัว ก็อาจจะเพิ่มในส่วนของเงินเดือนข้าราชการที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น จะไม่มีการเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่มีหลักการ
นอกจากนั้น ยังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุด โดยมีน.พ.อมร นนทสุต อดีตปลัดสธ.เป็นประธานร่วมกับชุดนายโอฬาร ในการพิจารณาเรื่องข้อขัดแย้งทางกฎหมาย โครงสร้างการจัดการ และปัญหาของการประสานงาน รวมถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างสธ.กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
"ไม่มีใครสามารถขวางโครงการ 30 บาทได้ และไม่ว่าสังกัดไหน ก็จำเป็นต้องให้ความร่วมกับโครงการนี้ เพราะถือเป็นโครงการของรัฐบาลที่เกิดประโยชน์กับประชาชน ซึ่งขณะนี้ ภาพรวมของพบว่าปัญหามีเพียง 3 ส่วนเท่านั้นคือ 1.เรื่องงบประมาณที่จะต้องจัดสรรให้ตามข้อเท็จจริง ซึ่งก็ได้ตัวเลขฐานที่นำมาอ้างอิงได้แล้วคือ 1,510 บาท 2.ค่าตอบแทนที่ต้องเป็นธรรมตามภาระงานที่ทำ และ3.การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งส่วนบุคคลที่อาจจะมีผลกระทบต่องาน"นางสุดารัตน์ กล่าว
พร้อมชาวบ้านที่ให้การสนับสนุนอีกประมาณ 200 คน ได้ยื่นฟ้อง น.พ.วัลลภ ไทยเหนือ
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เป็นจำเลยที่ 1 น.พ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ รองปลัดสธ. จำเลยที่ 2 และสำนักงานปลัดสธ. จำเลยที่ 3 เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่ให้ย้ายเข้าไปปฎิบัติราชการที่ สธ.ภายใน 7 วัน
เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกลั่นแกล้งและเลือกปฎิบัติโดยไม่สุจริต เพราะอาศัยบัตรสนเท่ห์และนำข้อหาเดิมที่เคยสอบแล้วมาตั้งเป็นข้อหาใหม่ โดยอ้างเหตุที่ต้องสั่งย้ายเพื่อความสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรมในการสอบ ซึ่งไม่เป็นความจริง
เพราะแม้ไม่ย้ายก็สามารถสอบสวนได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรมอยู่แล้ว โดยศาลได้รับคำฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ 208/2547
น.พ.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ได้ขอให้ศาลพิจารณาคุ้มครองฉุกเฉินในการระงับยับยั้งคำสั่งย้าย เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่ประชาชน และเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดียิ่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอดีต สธ.เคยมีการออกคำสั่งที่ผิดพลาดเช่นเดียวกันนี้
และศาลเคยตัดสินลงโทษจำคุกผู้ออกคำสั่งมาแล้ว
ด้านนายชัยรัตน์ แสงอรุณ ทนายความจากสภาทนายความ กล่าวว่า คำสั่งย้ายดังกล่าวถือเป็นการออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่สุจริต หรือเป็นการเลือกปฏิบัติ
หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการ เนื่องจากแพทย์ที่ประจำในโรงพยาบาลภูกระดึง ทุกคนเป็นแพทย์จบใหม่
นอกจากนี้ ยังได้เกิดผลกระทบโดยตรงต่อครอบครัว ภรรยาและบุตร 2 คน จะต้องออกจากภูมิลำเนา โดยไม่สมัครใจ ย้ายโรงเรียนกลางคัน และที่สำคัญทำให้ราชการเสียหายขาดแคลนแพทย์ที่อุทิศตนทำงานในชนบทห่างไกลทุรกันดารที่มีน้อยอยู่แล้วให้น้อยลงไปอีก
ด้าน น.พ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ รองปลัดสธ. กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น.พ.เกรียงศักดิ์สามารถทำได้ตามสิทธิ์ที่มีอยู่ และคงจะไม่ตอบโต้อะไร
สำหรับกรณีเรื่องงบประมาณ 30 บาทนั้น นางสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.สธ.กล่าวว่า ในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ จะนำเสนองบประมาณรายหัวด้วยอัตรางบประมาณ 1,510 บาทต่อหัว ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเป็นการสรุปพิจารณาจากคณะกรรมการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณรายหัว ชุดที่มีนายโอฬาร ไชยประวัติ เป็นประธาน
ทั้งนี้ งบประมาณจำนวนดังกล่าวถือเป็นฐานงบประมาณ ซึ่งในปีถัดไปหากจะเพิ่มงบประมาณรายหัว ก็อาจจะเพิ่มในส่วนของเงินเดือนข้าราชการที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น จะไม่มีการเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่มีหลักการ
นอกจากนั้น ยังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกชุด โดยมีน.พ.อมร นนทสุต อดีตปลัดสธ.เป็นประธานร่วมกับชุดนายโอฬาร ในการพิจารณาเรื่องข้อขัดแย้งทางกฎหมาย โครงสร้างการจัดการ และปัญหาของการประสานงาน รวมถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างสธ.กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
"ไม่มีใครสามารถขวางโครงการ 30 บาทได้ และไม่ว่าสังกัดไหน ก็จำเป็นต้องให้ความร่วมกับโครงการนี้ เพราะถือเป็นโครงการของรัฐบาลที่เกิดประโยชน์กับประชาชน ซึ่งขณะนี้ ภาพรวมของพบว่าปัญหามีเพียง 3 ส่วนเท่านั้นคือ 1.เรื่องงบประมาณที่จะต้องจัดสรรให้ตามข้อเท็จจริง ซึ่งก็ได้ตัวเลขฐานที่นำมาอ้างอิงได้แล้วคือ 1,510 บาท 2.ค่าตอบแทนที่ต้องเป็นธรรมตามภาระงานที่ทำ และ3.การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งส่วนบุคคลที่อาจจะมีผลกระทบต่องาน"นางสุดารัตน์ กล่าว